บทที่ 9 Chapter 9 ข่าวคราวเงียบหาย
แบบนั้นก็ดี อยากให้เธอไปนัก เธอจะไม่กลับมาให้เขาเห็นหน้าเลยคอยดู
สาวน้อยคิดอย่างเคืองขุ่น เมื่อความรักที่เสนอให้เขากลับกลายเป็นเรื่องน่าละอาย มันทำให้เจ็บปวดหัวใจจนตั้งปณิธานไว้แบบนั้น โดยไม่มีโอกาสรู้เลยว่า
บนเนินสูง ม้าสีน้ำตาลตัวใหญ่ถูกสั่งให้ยืนนิ่งมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้วเพื่อรอ...
รอรถยนต์คันนั้นจะวิ่งผ่านมาตรงโค้งนี้ ก่อนจะออกจากไร่
โรมรันหน้าเข้มขรึม หนวดและเครายาวเฟื้อย เจ้าตัวไม่สนใจตัดแต่งมันเท่าใด สายตาที่จ้องมองรถคันนั้นสงบนิ่ง ราวกับจะมองให้ทะลุผ่านกระจกทึบเข้าไปด้านใน
เสียงม้าร้องเบาๆ ทำให้พันแสงเหลือบมองกระจกหลัง ช่วงรถลงเขา และเขาก็เห็นหางม้าไหวๆ บนเนินด้านหลัง ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม เหลือบมองสาวน้อยที่นั่งหน้าเศร้ามองผ่านกระจกข้างรถ เธอจึงไม่ได้เห็นว่า คนยุ่งยังหาเวลามายืนดักทางส่ง ที่พันแสงคิดมากกว่านั้นคือ ระหว่างผู้ปกครองหนุ่มกับสาวน้อยในปกครอง มันมีอะไรมากกว่าสถานะดังกล่าวนั้นหรือไม่
“เฮ้อ...”
“เป็นอะไรของมึงไอ้ตูดหมึก นั่งดูโทรศัพท์แล้วก็ถอนหายใจเฮือกๆ แดดร้อนเกินไปหรือไง” ประนอมเห็นหนุ่มคนงานรุ่นราวคราวเดียวกับเธอถอนใจเฮือกๆ ก็อดตะโกนถามแกมประชดประชันไม่ได้
“เออ นั่นดิ ก่อนจะพักเที่ยงแม่งบ่นหิวไส้จะขาด พอพักจริงมันกินไปสองคำ แล้วก็เอาแต่นั่งดูโทรศัพท์ กูละเชื่อมันเลย เป็นเอามาก”
หนุ่มชื่อหมึกตวัดมองเพื่อนตาขวาง
“มึงไม่เป็นกูไม่เข้าใจหรอกไอ้เวก ไอ้อัดด้วยไม่ต้องมายิ้มเยาะกู มึงดูๆ วันนี้น้องพุดโพสต์รูปใหม่ลงเฟซ โหย...สวยก็สวย น่ารักก็น่ารัก เมื่อไหร่จะกลับมาสักทีน้อ... ไอ้หมึกอยากเห็นหน้าสวยๆ ของน้องพุดใจจะขาดอยู่แล้ว”
หนุ่มหมึกรำพึงรำพัน ยื่นโทรศัพท์ให้เพื่อนดู ก่อนสองหนุ่มจะทำเสียงครางในลำคอพร้อมจุปาก แววตาออกประกายหื่นกามชัด เลิกสนใจข้าวกลางวันกันไปเลยทีเดียว
ประนอมหูผึ่ง ผุดลุกโน้มตัวข้ามโต๊ะมาคว้าโทรศัพท์ไปดู หนุ่มหมึกผวาตาม จนแทบจะปัดจานกระเด็น โต๊ะกินข้าวที่ทำจากไม้ มีม้านั่งสองข้างและพนักพิงหลัง ต่อกันเป็นแถวยาวมีความกว้างหนึ่งเมตร
“เฮ้ย ถ้วยแกงกูแทบคว่ำ เล่นอะไรของมึงเนี่ยไอ้หมึก” อัดชาโวยวาย รีบยกถ้วยต้มจืดกะหล่ำปลีหนีอย่างไว ขณะที่เพื่อนเกยเข่าขึ้นมาบนโต๊ะ
ประนอมกรีดร้องเสียงดัง ตาถลนมองหน้าจอ
“ไอ้หมึก นี่มึงไปเอาเฟซนังพุดมาจากไหน”
“ก็... แอบดูที่โทรศัพท์ของน้อมนั่นแหละจ้ะ” หนุ่มหมึกตอบพร้อมยิ้มแหยๆ “ขอโทรศัพท์คืนน่า ตกแตกไป ขี้เกียจเก็บตังค์ซื้อใหม่ เครื่องนี้ตั้งห้าพันนะน้อม”
สมาร์ตโฟนคู่ใจ สำคัญยิ่งกว่าชีวิต เสพย์ติดยิ่งกว่าอะไรสำหรับไอ้หมึก ถึงมันไม่ใช่ยี่ห้อดัง แต่ก็เล่นได้ไม่แพ้เครื่องราคาหลักหมื่น อย่างน้อยๆ ก็ทำให้มันเข้าไปดูหน้าสวยๆ ของน้องพุด กดไลค์ คุยไลน์ เท่านี้มันก็สุขหัวใจแล้ว
“ไอ้หมึก แอบมาดูโทรศัพท์ฉันเมื่อไหร่ อุตส่าห์ไม่บอกใครเรื่องเฟซนังพุดมันแล้วนะเนี่ย”
“เอ็งมันใจดำ แค่ให้พวกฉันดูรูป คุยไลน์กับน้องพุดก็ไม่ได้ สามปีกว่าแล้วนะโว้ยที่ไปเรียน ดูสิ น้องพุดสวยขึ้นมากจนฉันใจละลายแล้วเนี่ย พอแอดไปนะ น้องพุดยังรับฉันเป็นเพื่อนเลย ไม่เห็นจะหวงตัว คืนโทรศัพท์มาเลย” หมึกสั่งเสียงดัง
ก่อนที่ประนอมจะเฉ่งเพื่อนหนุ่มคนงานต่อ ก็มีเสียงแทรกขึ้น
“เฮอะ ป่านนี้น้องพุดของมึงคงมีผัวอยู่ที่กรุงเทพแล้วไอ้หมึก มันคงจะคิดถึงไอ้หนุ่มโคบาลตัวดำอย่างมึงหรอก!”
“อะไรของมึงนังเดือน อย่ามาว่าพุดมันนะ”
“ว่าตรงไหน แค่พูดความจริง ไปตั้งสามปี ปิดเทอมแต่ละทีเคยกลับมาที่ไร่หรือไง แล้วถ้านังพุดมันสวยอย่างที่ไอ้หมึกมันละเมอหาเป็
นบ้าเป็นบอ ป่านนี้คงจะโดนไอ้หนุ่มกรุงเทพมันเจาะจนพรุนแล้วล่ะว้า”
แสงเดือนเป็นคนงานที่รับเข้ามาช่วงปลายปีเดียวกับที่พุดแก้วไปเรียนเพื่อช่วยน้อมกับยายปลิวทำกับข้าวเลี้ยงคนงาน หล่อนจีบปากจีบคอพูด
สองสาวศรศิลป์ไม่กินกัน แสงเดือนไม่ค่อยตั้งใจทำงานชอบเอาเปรียบ หนักไม่เอาเบาไม่สู้ ประนอมก็เลยไม่ชอบ วันๆ ห่วงแต่แต่งตัวสวย โชว์ก้นโชว์นมให้ไอ้หนุ่มคนงานน้ำลายหก แต่ความหวังของแสงเดือนอยู่ที่คุณเข้มเจ้าของไร่ผู้หล่อเหลาบาดใจ
“อีเดือน ปากมึงนี่มันเน่า น่าเอาซันไลน์ล้างจริงๆ ว่ะ”
“เออ มาสิวะ กูแค่พูดเรื่องจริง มึงเป็นญาติอะไรมัน ไปปกป้องมันนักหนา กูไม่เห็นมันจะกลับมาเห็นหัวมึง เห็นหัวคนที่นี่ ถ้ากูเป็นคุณเข้ม ตัดหางปล่อยวัดไปแล้ว เด็กเนรคุณแบบนี้” แสงเดือนพูดจบก็มีลูกคู่ก๊กแก๊งรับกันว่าใช่ๆ
ความที่เป็นคนช่างพูดคุย แสงเดือนจึงรู้ว่าพุดแก้วเป็นใคร เกี่ยวข้องกับโรมรันแบบไหน มันก็ยิ่งทำให้เธอเกลียดเด็กสาวที่ไม่เคยเห็นหน้า เมื่อคนในไร่ต่างพากันชื่นชมมากกว่าเธอ ความทะเยอทะยานอยากมีเงินมีทอง อยากเป็นเมียของเจ้าของไร่ และความมั่นใจในความสวยของตัวเอง ทำให้แสงเดือนไม่สนใจใคร นอกจากโรมรันคนเดียว และเธอก็ทนไม่ได้ถ้ามีหนุ่มคนไหนพูดถึงเด็กพุดแก้ว
“อีเดือน มึง!”
ประนอมโยนโทรศัพท์คืนให้หมึก ซึ่งชายหนุ่มแทบตะครุบไม่ทัน ก่อนจะตามมาช่วยไอ้เวกกับไอ้อัดจับสองสาวที่ผวาเข้าตะกุยหน้ากันท่ามกลางเสียงเชียร์สนั่นโรงอาหาร
สามปีเหมือนกันที่ทั้งสองเป็นไม้เบื่อไม้เมา พูดผิดหูเมื่อไหร่ เป็นได้วางมวยวางมือใส่กันเมื่อนั้น
