บทที่ 2 คำขอร้อง
LOVE MARRIAGE วิวาห์รักพิศวาส
Chapter 1
รถยนต์คันหรูหยุดจอดลงใต้ชายคาบ้านหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่สีขาว ประตูรถถูกเปิดออกพร้อมกับปรากฏร่างระหงที่ก้าวเท้าออกมา หญิงสาวหยุดอยู่สักพักเพื่อมองก่อนจะเดินเข้าบ้าน สายตาคู่สวยมองไปยังสิ่งที่ยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน นานแล้วที่จากที่นี่ไป สี่ปีนับตั้งแต่เธอเรียนจบมัธยมหก ก็ตัดสินใจไปเรียนเมืองนอกทันที
ชาลิสาเดินขึ้นบันไดมายังหน้าห้องนอน สายตาจ้องมองไปยังกรอบรูปบนโต๊ะขณะสาวเท้าเดินไป รูปในอดีตเด็กสาวร่างอ้วนท้วมถ่ายภาพคู่กับบิดา
ใช่แล้ว... นั่นเป็นเพียงอดีต เด็กสาวในภาพคืออดีตเมื่อหกปีก่อน หลังจากที่ถูกรุ่นพี่ปฏิเสธอย่างเยือกเย็น เธอไม่เคยลืมเขา ผู้ชายที่ไร้หัวใจคนนั้น ทั้งที่หลายปีผ่านมาก็พยายามที่จะลืมแล้วก็ตาม แต่สุดท้ายก็ได้แต่หลอกตัวเองว่าเธอลืมเขาแล้วจริง ๆ
สายตาหยุดจ้องมองของสิ่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนตู้โชว์ขนาดกลาง ขวดคุกกี้ที่เธอเคยให้ใครบางคน ใครคนนั้นที่ไม่เคยเห็นค่าแม้แต่น้อย มือเรียวเอื้อมหยิบขวดคุกกี้ขึ้นมามองด้วยความเจ็บปวดก่อนจะวางลงที่เดิม ถึงแม้คุกกี้จะถูกเททิ้งไปแล้ว แต่เธอก็ยังอยากจะเก็บขวดแก้วไว้เพื่อเตือนใจเธอ ทั้งที่รู้ว่ายังคงลืมเขาไม่ได้
ก๊อกๆ ก๊อก ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับประตูถูกเปิดออก ปรากฏร่างหญิงวัยกลางคนร่างอวบเดินเข้ามาหา
“คุณหนูคะ คุณหญิงท่านให้มาตามคุณหนูไปพบค่ะ” แม่นมพูดก่อนเดินออกจากห้องไป ชาลิสาได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินตามลงไป
“แม่ว่าอะไรนะคะ !” หญิงสาวอุทานออกมาเสียงดันด้วยความตกใจพลางลุกขึ้นจากโซฟา เมื่อได้ยินแม่เลี้ยงพูดออกมา
“ใช่แล้ว แม่ขอโทษ” ชลรินดา ผู้เป็นแม่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด มองไปยังลูกเลี้ยงของเธอ
เธอเองก็เป็นหญิงที่ไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้ เนื่องจากมีปัญหาทางด้านมดลูก ดังนั้นเธอรักชาลิสาเหมือนกับเป็นบุตรแท้ แต่เพราะว่า ในเวลานี้ครอบครัวก็เกือบล้มละลายดีที่ สหรัฐผู้เป็นเพื่อนของสามีได้ยื่นข้อเสนอให้ โดยการยกบุตรสาวให้แต่งงานกับบุตรชายของเขา
“หมายความว่ายังไง จะให้ลิสาแต่งงานกับลูกชายคุณสหรัฐ เพื่อรักษาธุรกิจเอาไว้” เธอแทบทรุดทั้งยืน จะให้เธอแต่งงานกับคนที่เธอไม่รักเพื่อธุรกิจของครอบครัว
“แม่ขอโทษ แต่พ่อของลูกเล่นหุ้นผิดจนเกือบล้มละลาย ดีที่คุณสหรัฐเพื่อนของคุณพ่อยื่นมือเข้ามาช่วย” ผู้เป็นแม่กล่าวบอก แต่ชาลิสาถึงกับยืนอึ้งตัวเธอแทบชาไปทั้งตัว
“ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือคะ ทำไมต้องให้แต่งงาน เราผ่อนผันกับเขาก็ได้นี่คะ” เธอถามแสดงความคิดเห็นพร้อมค่อยๆ นั่งลงอีกครั้ง
“คือพ่อของลูกคุยแล้วแต่ทางนั้นเขาไม่ยอม” ชลรินดาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า
“ทำไมล่ะคะ”
“ช่วยเถอะนะ ตอนนี้พ่อเครียดอยู่ ถ้าอาการกำเริบจะไม่ดีนะ”
ชาลิสานั่งเงียบอยู่นานเพื่อใช้เวลาตัดสินใจ
“ตกลงค่ะ ถ้าทำเพื่อคุณพ่อ”
เธอไม่อยากจะให้บิดาลำบากใจ ยิ่งถ้าแล้วบิดาเธอมีอาการเป็นโรคหัวใจล้มเหลวอยู่ เธอยังไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญู
“ขอบคุณนะจ๊ะลูกแม่ เดี๋ยวแม่จะไปหาพ่อก่อน ลูกไปพักผ่อนเถอะ” ชลรินดาพูดจบแล้วลุกเดินจากไป เหลือแต่เพียงชาลิสาที่นั่งปลงอยู่กับชีวิตของเธอ
ชลรินดาเดินออกจากห้องรับแขกมาเพื่อไปหาสามีเธอที่อยู่ห้องทำงาน เธอเดินเปิดประตูเข้าไป พลางถอนหายใจอย่างสงสารชาลิสาที่ต้องมารับหน้าที่และภาระของครอบครัว สามีของเธอที่นั่งทำงานอยู่บนโต๊ะทำงานค่อยเงยหน้าขึ้นมามองผู้เป็นภรรยา
“คุณคะ แบบนี้จะดีเหรอคะ ฉันสงสารลูกนะคะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด
“ผมเข้าใจ แต่มันไม่มีทางเลือก...” เขาวางมือจากงานแล้วเดินเข้ามาโอบไหล่ของผู้เป็นภรรยา สีหน้าของผู้เป็นภรรยาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“แต่ว่า...”
“เชื่อผม ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น” ผู้เป็นสามีพูดปลอบให้กำลังใจ เขารู้ดีว่าชลรินดาถึงแม้ไม่ใช่แม่ผู้ให้กำเนิดของชาลิสา แต่เธอก็ยังรักชาลิสาเหมือนลูกสาวแท้ๆ หลายปีมานี้จิตใจเขาดีขึ้นหลังจากภรรยาคนเก่าเสียชีวิตลงเพราะอุบัติเหตุเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว เขาแทบเหมือนคนที่ไร้วิญญาณ จนกระทั่งเขามาพบกับชลรินดา เธอเป็นผู้หญิงที่สดใสคนหนึ่ง เขาและเธอใช้เวลาศึกษากันและกันจนกระทั่งตกลงใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
“ฉันหวังว่าจะเป็นอย่างที่คุณพูดค่ะ” เธอพูดแล้วซบลงในอ้อมอกของเขาที่ยังอบอุ่นไม่เคยเปลี่ยน
บรรยากาศภายในห้องประชุมโรงแรงระดับห้าดาวแห่งหนึ่งใจกลางเมือง อัดแน่นเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด พนักงานทุกคนต่างนั่งนิ่งเงียบ
“ทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น !” ชายหนุ่มตวาดอย่างโมโห คนในห้องประชุมต่างพากันก้มหน้าไม่กล้าตอบด้วยความกลัว
“ฉันถามทำไมไม่มีใครตอบ !”
“ เอ่อ เป็นความผิดพลาดของฉันเองค่ะ ที่ไม่ตรวจสอบให้ละเอียด” หญิงสาวพนักงานฝ่ายบัญชีเงยหน้าขึ้นมาพูด แต่เธอก็ต้องก้มหน้าลง เพราะสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธได้จ้องมองมาที่เธอ
“ทำงานสะเพร่าแบบนี้ คุณว่าผมควรจะจ้างงานคุณอีกอย่างงั้นเหรอ ! คุณควรพิจารณาตัวเองใหม่ได้แล้วคุณพัชนิญา” เสียงชายหนุ่มพูดออกมาอย่างเยือกเย็น เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปจากห้องประชุมด้วยอารมณ์หงุดหงิด เจ้าของชื่อที่ฟังได้แต่นิ่งเงียบกลั้นน้ำตาไว้
ภูวดลทิ้งตัวลงเก้าอี้อย่างอ่อนล้า หลังจากที่เขาเดินออกจากห้องประชุมด้วยความโมโห เพราะความไม่รอบคอบของพนักงาน ทำให้ยอดเงินในเดือนนี้ของโรงแรมเขาขาดทุนเกือบสิบล้าน
นับตั้งแต่เขามาบริหารการแทนบิดาเมื่อสามปีก่อนไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ โรงแรมของเขาไม่เคยขาดทุนเว้นแต่จะมีพวกยักยอกเงิน
ชายหนุ่มคิดและยิ้มอย่างมีเล่ห์ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาใครบางคน เพื่อเช็คเรื่องบางอย่างที่เขาอยากรู้ ภูวดลวางโทรศัพท์ลงทันทีที่คุยเสร็จ ก่อนก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ
เสียงประตูถูกปิดลงพร้อมร่างหญิงสาวร่างอรชรที่เดินเข้ามาหาเขาในชุดเกาะอกสีแดง เผยให้เห็นอกอวบขาวที่ล้นออกมาจากชุดสวย พิมพ์ดาราเดินเข้ามาหาเขาและนั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน ก่อนโน้มตัวลงมาเพื่อมองชายหนุ่ม
ชายหนุ่มละสายตาจากเอกสารที่เขาทำอยู่ขึ้นมามองเธอ ร่องอกของหญิงสาวพยายามจะให้เขาเห็นเพื่อยั่วยวน เขามองเธอพร้อมลุกเดินมาหาเธอ หญิงสาวยันกายขึ้นแล้วหันมาหาชายหนุ่ม
“คิดถึงจังค่ะ ที่รัก” พิมพ์ดาราพูดพร้อมยกมือลูบใบหน้าเข้ม ภูวดลจับมือของเธอลงและดึงเข้ามาจูบ ลิ้นหนาของเขาตวัดและบดจูบอย่างเร้าร้อน เธอเองก็จูบตอบเขาเช่นกัน มือเรียว ๆ ค่อยเอื้อมไปโอบไหล่ ก่อนที่แผ่นหลังของเธอจะถูกดันลงแนบกับโต๊ะทำงานเขา
มือหนาเลื่อนไปตามขาเรียวยาวที่นวลไร้ที่ติเพื่อปลุกเร้าเธอ ก่อนจะค่อยลูบเข้าไปข้างในเนื้อกลีบกุหลาบ ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาทำหน้าที่ปลุกอารมณ์หล่อนมากขึ้นเข้าไปอีก ชายหนุ่มสลัดชุดเกาะอกสีแดงออกแล้วโยนร่วงลงไปอยู่ที่พื้น
“อืม” เสียงหวานเซ็กซี่ครางออกมาเบา ๆ ปลุกอารมณ์ดิบของเขา เขาจ้องมองใบหน้าของพิมพ์ดาราที่เซ็กซี่ ก่อนจะอุ้มเธอไปไว้ที่โซฟาทั้งที่ปากของเธอและเขายังจูบกันดูดดื่ม
“ฉัน...อยากได้คุณนะคะ” เสียงหวานกระเส่าของเธอเชิญเขา
ภูวดลตอบรับโดยการถอดกางเกงออก ก่อนจะพรมจูบไปที่ท้องแบนราบของเธอ เสียงครางหวานครางตอบรับเขาเป็นอย่างดี ขาเรียวสวยถูกจับแยกออกและยกขึ้น ก่อนแทรกความแข็งแกร่งเข้าหาเธอทันที
ชายหนุ่มเริ่มเร่งจังหวะเร็วขึ้นจนคนที่อยู่ใต้ก็แอนสะบั้นรับเขาอย่างชำนาญ เสียงของเธอและเขาครางกระเส่าออกมา เมื่อเขาและเธอใกล้ถึงจุดสุดยอด ชายหนุ่มขยับตัวออกจากหล่อนเพื่อหลั่งข้างนอกทันที
เสียงหายใจหอบของเขาและเธอดังขึ้น ชายหนุ่มลุกขึ้นแล้วหยิบเสื้อผ้าที่กระจายอยู่สวมใส่ก่อนหันมาหาหญิงสาวที่นอนอยู่บนโซฟา
“ลุกขึ้นแล้วใส่เสื้อผ้าซะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานเช่นเดิม พิมพ์ดาราได้แต่มองเขาด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาแต่ว่าประตูถูกเปิดเข้ามาซะก่อน
เสียงเปิดประตูพร้อมกับปรากฏร่างหญิงสาวสูงวัยเดินเข้ามา แต่แล้วก็ต้องอึ้งเมื่อเห็นร่างอรชรเปล่าเปลือยยืนอยู่มองมาที่เธอด้วยความตกใจไม่แพ้กัน เธอจึงรีบสวมใส่เดรสของเธอโดยเร็ว
“คุณแม่ !” ภูวดลมีสีหน้าตกใจ
“นี่มันอะไรกัน ตาดล !” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามด้วยความโกรธ
“เอ่อ...” ชายหนุ่มอ้ำอึ้งตอบไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าแม่จะมา เขาเดินไปหาแต่ต้องหยุดชะงักลงอยู่ข้างหล่อน
“เอานังผู้หญิงคนนี้ออกไป !”







































































