บทที่ 1 บทนำ
บทนำ
เภตรายืนนิ่งมองปานประตูสีขาวตรงหน้าด้วยแววตาเลื่อนลอย มือเล็กที่กำลังเอื้อมออกไปช่างไร้เรี่ยวแรง หัวใจดวงน้อยเต้นตุบตับกับการมาครั้งนี้ของตัวเอง นานเหลือเกินที่เธอไม่ได้พบหน้ากับใครอีกคนที่อยู่ข้างในและเป็นเจ้าของห้อง นานจนเธอเกือบจะลืมใครคนนั้นไปแล้ว
“เฮ้อ” หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ เพื่อระบายความอึดอัดที่คับแน่นอยู่ในอก หากเพียงเธอเคาะประตูส่งสัญญาณบอกคนภายในถึงการมา บางสิ่งบางอย่างที่แบกรับเอาไว้อาจจะได้รับการแบ่งเบาหรือไม่…มันก็อาจจะกลายเป็นความหนักอึ้งเท่าทวีคูณ
หัวใจดวงน้อยที่คิดว่าเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวห่อเหี่ยวกับความคาดหวังที่ไม่รู้ว่าจะมีสมหวังหรือผิดหวัง เธอรู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่แขกน่าพิสมัยของเจ้าของห้องทว่าวันนี้ทุกอย่างต่างออกไป หัวใจของเธอไม่เพียงแค่แบกรับโลกเอาไว้ทั้งใบมันยังแบกรับความคาดหวังของมารดาที่กำลังล้มป่วยอย่างกะทันหันอีกด้วย
เภตราสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกพลังให้หัวใจอีกครั้ง มือเล็กเอื้อมออกไปสัมผัสปานประตูแรงๆ สองสามครั้งก่อนจะยืนนิ่งรอการตอบรับจากด้านใน และไม่นานประตูสีขาวบานใหญ่ก็เปิดแง้มออกมาพร้อมใบหน้าของใครอีกคน
แอ๊ด
ใบหน้าหล่อเหลากำลังยืนจ้องหน้าเภตราด้วยความแปลกใจ สายตาคู่คมมองสำรวจดวงหน้าอ่อนหวานที่วันนี้ดูจืดเจื่อนกว่าทุกวันก่อนจะควบคุมความแปลกใจแล้วเอ่ยออกไปเสียงเรียบ
“เมเข้ามาก่อนสิ”
เภตราช้อนตาขึ้นมองคนพูดด้วยแววตาเช่นเดียวกัน ความอึดอัดก่อตัวขึ้นมาฉับพลันทันทีที่ขาก้าวเข้าไปภายในห้องพักสุดหรูราคาเกือบสิบล้านของอีกฝ่าย หญิงสาวลอบถอนหายใจเมื่อเดินตามแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินนำไปที่ห้องรับแขกอย่างเคย หัวใจดวงน้อยที่พยายามควบคุมเอาไว้เต้นรัวขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
“นั่งก่อนสิ”
ขาเรียวก้าวฉับๆ ไปที่โซฟาตัวเล็กด้านข้างตามคำเชิญโดยไม่ต้องคิด อาการกระวนกระวายหัวใจเริ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อต้องนั่งสบตากัน ชายหนุ่มเจ้าของห้องนั่งลงฝั่งตรงข้ามโดยไม่ถามอะไรอีก เขาทำท่านิ่งเงียบเหมือนรอฟังจุดประสงค์และสิ่งที่เธอต้องการอย่างเคย
“เมมีอะไรหรือเปล่า”
“เอ่อ ท็อป คือ เรามีเรื่องจะมาขอร้องท็อปหน่อย”
‘ณภัทร’ ย่นคิ้วเข้มสายตายังคงจ้องมองดวงหน้าอ่อนหวานของผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขาอนุญาตให้ก้าวเข้ามาในห้องนี้และในชีวิตของเขาด้วยความแปลกใจ การมาเยือนในครั้งนี้ดูผิดแผกไปจากเดิมมากเมื่อแววตาที่อีกฝ่ายทอดมองมามันดูเหนื่อยล้าและเต็มไปด้วยความอึดอัด ชายหนุ่มยอมรับว่าตัวเองใจอ่อนเพียงแค่เห็นใบหน้าจืดเจื่อนของเธอเท่านั้น
ผู้หญิงที่หัวใจเปิดรับและเก็บซ่อนเอาไว้ข้างในมาเนินนาน ‘เพื่อนสนิท’ ที่หัวใจคิดไม่ซื่อต่ออีกฝ่าย
“ท็อปมันอาจจะฟังดูแปลกๆ ไปหน่อยแต่วันนี้เรามีเรื่องสำคัญ คือมันสำคัญมากอยากให้ท็อปช่วยเรา และเราคิดว่ามีท็อปคนเดียวที่จะช่วยเราได้”
หากเป็นคนอื่นมานั่งคร่ำครวญน่าเบื่อหน่ายเช่นนี้ เขาคงไล่ตะเพิดออกไปจากห้องตั้งแต่เริ่มก้มหน้าพูดคุยแล้วทว่าเพราะเธอคือ ‘เภตรา’ ผู้หญิงที่หัวใจทั้งดวงมอบให้เธอ ทุกอย่างจึงดูน่าสนใจไปหมด
“เมมีอะไรก็บอกเรามาเถอะ ถ้าเราช่วยได้เราช่วยเมเสมอ”
คำตอบของเพื่อนสนิททำให้หัวใจของเภตราเต้นเป็นจังหวะปกติมากขึ้น อย่างน้อยเขาก็ยังคงพูดจาถนอมน้ำใจเธออย่างเคย ณภัทรเป็นผู้ชายแท้เพียงคนเดียวที่เภตรายอมรับให้เขาเป็นเพื่อนสนิท ชายหนุ่มนิสัยใจคอดี เข้าใจเธอทุกอย่างและสามารถรับฟังความทุกข์จากเธอเสมอ ครั้งนี้เธอก็มีความทุกข์ใจที่อยากเล่าระบายให้เขาฟังเช่นเคยทว่าเรื่องราวต่อไปนี้ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เธอไมได้เพียงแค่มาระบายทุกอย่างแล้วจากไปแต่เธอต้องการเล่าทุกอย่างเพื่อให้เขาเข้าใจและยอมช่วยเหลือเธอ
“ท็อปรู้ใช่ไหมว่าแม่เราป่วย”
เภตราพูดได้เพียงเท่านี้ก็น้ำตาคลอหน่วย หัวใจปวดแปลบกับการเล่าความทุกข์ใจที่กำลังเกิดขึ้นให้ใครฟัง มันเป็นเรื่องน่าละอายเมื่อเธอเป็นลูกสาวที่ไม่ได้เรื่องดูแลมารดาเพียงคนเดียวก็ไม่ได้ ท่านป่วยเรื้อรังมานานแค่ไหนก็ไม่เคยทราบกระทั่งมารู้ทีหลังในวันที่สายเกินไปแล้ว
“เมต้องการเงินไปรักษาคุณป้าเหรอ”
ณภัทรถามคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวเป็นอย่างแรก แม้จะเรียนจบและทำงานมานานแต่เภตราก็ไม่ได้มีเงินทองเก็บกักไว้ใช้ยามจำเป็นมากมาย หญิงสาวเป็นบุตรสาวคนโตของบ้านแบกรับภาระค่าใช้จ่ายภายในบ้านร่วมกับบิดาที่ทำงานรับจ้างทั่วไป แม้เภตราจะเก็บหอมรอมริบมากแค่ไหนแต่เงินทองที่รับเข้ามาก็จ่ายออกไปย่อมไม่เหลือพอให้เก็บ ชายหนุ่มเข้าใจเรื่องฐานะทางบ้านของเธอดีและยินดีช่วยเหลือเธอทุกอย่าง
“อย่าห่วงเลยเราจะให้เลขาจัดการเรื่องค่ารักษาของคุณป้าเอง”
“ไม่ใช่เรื่องนั้น คือ เอ่อท็อปคือว่า”
เภตรากัดริมฝีปากตัวเองแรงๆ กลัวคำพูดของตัวเองขึ้นมา การขอร้องเรื่องน่าละอายแบบนี้กับคนอื่นมันก็ทำให้พลังในร่างกายเหือดหายไป
“เราอยากขอร้องให้ท็อปช่วยมาแต่งงานกับเราหน่อย”
