บทที่ 1 ศาลเจ้า

ใบหน้าสวยหม่นหมองเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถบัส ในหัวของเธอนั้นคิดเรื่องราวต่าง ๆ มากมายไปหมด

"จินซิน ยังคิดเรื่องลู่หานอยู่อีกเหรอ" อี้ฟาง เพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างกันเอ่ยถาม

จินซินหันไปพยักหน้ารับ ลู่หานคือชื่อของแฟนหนุ่มที่เป็นสาเหตุให้เธอต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลจากจีนแผ่นดินใหญ่มาไต้หวัน เพื่อขอพรจากเทพเจ้าแห่งความรัก

เธอกับลู่หานคบกันมานานถึง 7 ปี ความรักที่ควรจะหวานชื่นกำลังจะขาดสะบั้นลงด้วยเรื่องทะเลาะกันเล็กน้อย จินซินรักเขามากเกินกว่าจะยอมรับการเลิกรา เธอจึงทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาความรักครั้งนี้ไว้

"เดี๋ยวก็ถึงศาลเทพเจ้าแห่งความรักแล้ว ฉันเอาหัวเป็นประกันเลยนะ ยังไงความรักของเธอกับลู่หานก็ต้องกลับมาดีเหมือนเดิมแน่นอน" อี้ฟางพยายามให้กำลังใจเพื่อนรักของเธอ แม้ในใจจะรู้ดีว่าความสัมพันธ์ของเพื่อนนั้นคงยากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ แต่เพราะรู้ว่าจินซินรักแฟนหนุ่มมากเพียงใด เธอจึงได้แต่พยายามปลอบประโลมให้เพื่อนสบายใจที่สุด

ณ ศาลเทพเจ้าแห่งหนึ่งในมณฑลหนานโถว ประเทศไต้หวัน

จินซินและอี้ฟางเดินตาม GPS จนมาถึงศาลเจ้าที่เป็นเป้าหมายของพวกเธอ ที่นี่ถูกตกแต่งด้วยปฏิมากรรมจีนอย่างงดงามตระการตา อี้ฟางพาเพื่อนรักของเธอเดินตรงไปที่โซนไหว้ขอความรักอย่างไม่รีรอ มีวิธีการไหว้หลายรูปแบบให้เลือก ทั้งสำหรับคนโสด คนมีคู่ หรือแม้แต่คนที่ต้องการทำใจจากความรักที่พังทลาย ซึ่งในส่วนของจินซิน เธอมาไหว้เพื่อขอให้ความรักดีขึ้น วิธีการไหว้คือสวดบทเสริมความรักพร้อมกับบูชาน้ำมันเติมในตะเกียง เพื่อจุดถวายแก่องค์เทพให้รับรู้ต่อคำอธิษฐานของเธอ

"สบายใจขึ้นไหม" หลังจากเดินออกมาจากศาลเทพเจ้า อี้ฟางเอ่ยถามขึ้น เธอยังคงเห็นความกังวลฉายอยู่ในแววตาของเพื่อนรัก จินซินยังคงพะวักพะวงอยู่กับการก้มดูโทรศัพท์แทบจะตลอดเวลา

"สบายใจอะไรล่ะ ลู่หานบ่นเรื่องที่ฉันมาไต้หวันตั้งแต่ลงรถแล้ว จริง ๆ ก็เถียงกันเรื่องนี้ตั้งแต่ลงจากเครื่องแล้วด้วยซ้ำ" อี้ฟางสัมผัสได้ว่าความรักของเพื่อนนั้นน่าจะมาถึงจุดสุดท้ายแล้วจริง ๆ แม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็หยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นถกเถียงจนกระทั่งทะเลาะกันได้

"ถ้างั้นเรากลับกันเลยไหมล่ะ" ทีแรกทั้งคู่ตั้งใจว่าจะเที่ยวที่ไต้หวันต่ออีกสักสองสามวันแล้วค่อยกลับ แต่ดูจากท่าทีรุกรี้รุกรนของจินซินแล้ว ทั้งคู่คงต้องรีบกลับไปจัดการเรื่องที่ยังค้างคาใจให้เสร็จสิ้น

'งั้นก็เลิกกันสักทีเถอะ เธอจะได้สบายใจ'

จินซินเปิดดูข้อความที่หน้าจอโทรศัพท์ของเธอ ข้อความสุดท้ายจากลู่หานที่แสดงถึงจุดจบของความสัมพันธ์ที่เธอพยายามรักษาไว้มาตลอดหลายปี

ไม่สามารถส่งข้อความถึงผู้ใช้รายนี้ได้

หลังจากส่งข้อความบอกเลิกสำเร็จ ลู่หานก็กดบล็อกจินซินทันที

โทรศัพท์ในมือของเธอกลายเป็นก้อนหินที่หนักอึ้ง จินซินยืนนิ่งงัน กำมือแน่นจนสั่นไปทั้งตัว ดวงตากลมโตจ้องมองหน้าจอที่เปลี่ยนไป ภาพโปรไฟล์ของเขาพลันเปลี่ยนเป็นสีขาวว่างเปล่า ช่องสำหรับส่งข้อความถูกปิดใช้งาน

"เป็นอะไรไปเหรอ?" อี้ฟางเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นท่าทีผิดปกติของเพื่อน

จินซินเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำไปด้วยความโกรธและน้ำตาที่เอ่ออาบเต็มสองแก้ม

"เวรจริงๆ! เทพเจ้าพวกนี้ไม่เห็นศักดิ์สิทธิ์สักนิด ฉันเพิ่งขอพรไปไม่ถึงยี่สิบนาที เดินออกมายังไม่พ้นกำแพงศาลเลยด้วยซ้ำ"

อี้ฟางได้แต่ยืนนิ่งราวกับถูกสาป เธอมองเพื่อนที่กำลังสติแตกตรงหน้า และไม่รู้ว่าจะจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร

"จินซิน! เดี๋ยวสิ จะไปไหนน่ะ!" อี้ฟางรีบสาวเท้าตามเพื่อนไป จินซินเดินย้อนกลับไปยังจุดไหว้ขอพรความรักอีกครั้ง เธอไม่พูดอะไร เพียงแต่ยืนจ้องรูปปั้นเทพเจ้า น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอโทษว่าเป็นความผิดของเทพเจ้า ที่ทำให้ความรักของเธอต้องจบลง ทั้งที่เธอพยายามประคับประคองมานานหลายเดือน

"ถ้าให้ดี ๆ ไม่ได้ ก็อย่าหลอกลวงใครอีกต่อไปเลย!" หญิงสาวเดินไปคว้ากระบวยตักน้ำมันจากถัง แล้วสาดใส่แท่นตั้งรูปปั้นองค์เทพอย่างบ้าคลั่ง อี้ฟางรีบวิ่งเข้าไปห้ามพร้อมกับคนดูแลอีกสองสามคน แต่จินซินก็ดิ้นสุดแรงต่อต้านการจับกุมของทุกคน

เมื่อหลุดจากพันธนาการ เธอก็คว้าเทียนเล่มที่สว่างไสวที่สุด แล้วทิ้งมันลงพื้นจนเกิดไฟลุกขึ้นทั่วบริเวณที่ราดน้ำมัน

"เผาทิ้งซะ! ศาลเฮงซวย!" เธอร้องตะโกนใส่รูปปั้น ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างวิ่งกันวุ่นวายเพื่อหาถังมาดับเพลิง แต่ด้วยตรงจุดนั้นมีถังใส่น้ำมัน และน้ำมันที่ถูกสาดกระจายไปทั่ว ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็ว

แม้แต่จินซินเองที่เป็นคนจุดไฟขึ้นมาด้วยความขาดสติ ก็ยังรู้สึกถึงเปลวความร้อนจากไฟที่ลามมาถึงตัว เธอค่อย ๆ ถอยออกมาจากจุดเกิดเหตุ แต่เพลิงได้ลุกลามไปทั่วตัวศาลแล้ว ทำให้เธอต้องยืนอยู่กลางกองเพลิงโดยไม่รู้ตัว

"อี้ฟาง! อี้ฟางช่วยฉันด้วย!" คนที่ยืนอยู่กลางเปลวเพลิงร้องขอความช่วยเหลือ แต่เหมือนว่าความรุนแรงของเปลวไฟ จะแรงเกินกว่าที่อี้ฟางจะลุยเข้าไป ดวงตากลมมองหาสักลู่ทางที่พอจะวิ่งออกไปได้อย่างปลอดภัย และเธอมองเห็นจุดที่เปลวไฟไม่โหมมาก อยู่ห่างจากเธอไปเพียงสองสามก้าว

จินซินตัดสินใจก้าวเท้าหมายจะลุยไฟออกไป แต่ด้วยน้ำมันที่เธอราดเอาไว้ ทำให้หญิงสาวลื่นถลาแล้วล้มลงในกองเพลิง ความร้อนกระจายแผ่ทั่วทั้งร่างกายอย่างรวดเร็ว อี้ฟางทำได้เพียงพยายามตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ

ความแสบร้อนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ภาพของศาลเจ้าและเพื่อนสนิทที่ยืนร้องไห้สลับกับร้องขอความช่วยเหลืออยู่นอกศาลค่อยๆ เลือนรางและจางหายไปในที่สุด

'นี่ฉันเอาชีวิตมาทิ้งอย่างนั้นเหรอ บ้าจริง' หญิงสาวได้แต่พูดกับตัวเองในใจ ความตายเหมือนจะใกล้เข้ามาทุกที

บทถัดไป