บทที่ 1 สถานะเมียขัดดอก บทที่ 1 ข้อเสนอล้างหนี้ / 1
บทที่ 1 ข้อเสนอล้างหนี้
"รู้ไหมฉันเกลียดอะไรที่สุด"
คำถามดังมาจากหญิงวัยกลางคนรูปร่างอวบซึ่งนั่งราวกับนางพญาอยู่บนเก้าอี้ไม้ ข้างกายมีชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำสองคนประกบซ้ายและขวา "พวกที่สัญญาว่าจะคืนเงินแต่ไม่ยอมคืนสักทียังไงล่ะ"
"ผมขอโทษจริง ๆ ครับคุณนาย ผมผิดไปแล้ว" คนที่คุกเข่าอยู่กับพื้น ร่างกายสะบักสะบอมจากการถูกรุมกระทืบรีบยกมือไหว้ขอโอกาสจากเจ้าหนี้
ทว่าบทสนทนาก็ถูกขัดจังหวะจากเสียงของผู้มาใหม่เสียก่อน
"นี่มันเรื่องอะไรกันคะ"
บัวบูชา ถามออกไปทั้งที่ยังหอบเหนื่อย เมื่อครู่ภรรยาใหม่ของพ่อรีบร้อนไปตามเธอซึ่งอาศัยอยู่บ้านของตาและยาย อีกฝ่ายร้อนรนบอกให้บัวบูชารีบมาหาพ่อที่บ้าน และเอาแต่พูดว่า พ่อเธอจะโดนพวกมันตีตายอยู่แล้ว
ถึงแม้จะเติบโตมาได้เพราะตาและยายช่วยเลี้ยงดู แต่ด้วยความเป็นลูกบัวบูชาก็ยังมีจิตใจเป็นห่วงพ่อที่ไม่เคยเหลียวแลตนอยู่บ้าง
"ทำไมถึงขั้นต้องลงไม้ลงมือกันหนักแบบนี้ด้วยคะคุณ" หญิงสาวถามขณะเข้าไปประคองร่างผู้เป็นพ่อ ที่แทบจะนั่งยังไม่ไหวด้วยซ้ำ
"เพราะว่าพ่อเธอเป็นหนี้แต่ไม่ยอมใช้ไงสาวน้อย ผลัดมาเป็นปี บาทเดียวก็ไม่เคยคืนให้ฉัน"
คุณนายจิตรลดา เอ่ยตอบหญิงสาวตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูใจดีกว่าตอนที่พูดกับลูกหนี้มากนัก สายตาก็ลอบสำรวจตามเนื้อตัวและใบหน้าของบัวบูชา ก่อนจะยกยิ้มพึงพอใจขึ้นมา
"จริงเหรอพ่อ พ่อไปเป็นหนี้เขาเท่าไหร่ แล้วทำไมไม่คืนเขาล่ะ" บัวบูชาหันมาเอาความกับคนเป็นพ่อ
"กูจะเอาที่ไหนมาคืน เสียจนหมดตัวทุกวันแบบนี้"
คำตอบของคนเป็นพ่อถึงกับทำเอาบัวบูชาถอนหายใจเหนื่อยหน่าย เธอรู้ว่าพ่อติดพนันหนักแค่ไหน ก่อนหน้าที่ตากับยายยังมีชีวิตอยู่พ่อก็มักจะโผล่หน้าไปหาแค่ตอนที่ต้องการเงินก็เท่านั้น
"เป็นหนี้อยู่เท่าไหร่ก็บอกลูกสาวไปสิ" คุณนายจิตรลดาเร่งเร้า เพราะเธอเองก็ไม่ได้มีเวลาว่างมาทวงหนี้แค่กับ อรรถพล คนเดียวเท่านั้น ยังมีลูกหนี้สันดานเสียอีกมากที่ต้องเจอคนจริงอย่างคุณนายจิตรดา
"นะ...หนึ่งล้าน" อรรถพลเสียงสั่นตอนบอกยอดหนี้รวมดอกเบี้ยทั้งหมดให้ลูกสาวฟัง
"หนึ่งล้าน! ทำไมพ่อไปกู้เงินคนอื่นเยอะแยะแบบนั้นล่ะ แล้วจะเอาที่ไหนมาคืน"
ในขณะที่บัวบูชาเริ่มมีสีหน้าเคร่งเครียดกับจำนวนหนี้สินที่ผู้เป็นพ่อก่อ คนเป็นพ่อกลับรีบเข้ามาจับมือเธอและส่งยิ้มให้อย่างมีเลศนัย
"มันมีวิธีอยู่ ใจเย็น ๆ นะบัว คุณนายเขายื่นข้อเสนอดี ๆ ให้พ่อเมื่อกี้เอง แต่แกต้องช่วยพ่อนะบัว ถ้าแกไม่ช่วยพ่อต้องตายแน่ ๆ"
"ขะ ข้อเสนออะไร" อยู่ ๆ บัวบูชาก็รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และหัวใจดวงน้อยก็ต้องตกไปอยู่แทบเท้าเมื่อได้ฟังข้อเสนอจากปากคนเป็นพ่อ
"ให้แกไปเป็นเมียลูกคุณนายแค่ครึ่งปี ครึ่งปีเองบัว แค่นั้นคุณนายก็จะยกหนี้ให้พ่อทั้งหมดเลย"
บัวบูชานิ่งค้างไปราวกับช็อกจนพูดไม่ออก หรือไม่ก็อาจเพราะความเสียใจมากก็เป็นได้ คนเป็นพ่อพูดออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย และไม่เห็นความรู้สึกผิดบนสีหน้าเลยสักนิดยามที่บอกให้เธอเอาตัวเองไปใช้หนี้แทน
"แค่ครึ่งปีเองนะบัวนะ"
"พ่อพูดออกมาได้ยังไงกัน" น้ำสีใสร่วงหล่นอาบแก้มเนียน เธอรู้สึกผิดหวังในตัวคนเป็นพ่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า "บัวไม่ทำ บัวไม่ได้เป็นคนไปกู้เงินใครมาสักหน่อย"
"ฉันเป็นพ่อแกนะ แกไม่คิดจะตอบแทนบุญคุณที่ฉันให้แกเกิดมาบ้างเลยรึไงนังบัว!"
"พอได้แล้ว" คุณนายจิตรลดาสั่งขึ้นอย่างทรงอำนาจ ทำเอาอรรถพลถึงกลับหดคอหนี ยอมเงียบปากเงียบคำทันที
เจ้าหนี้ร่างอวบลุกจากที่นั่งก่อนจะเดินมายอบตัวลงข้างสาวน้อยที่สะอื้นไม่หยุด
"หนูไม่ทำไม่ได้เหรอคะ ขอเวลาให้หนูสักหน่อยนะคะคุณนาย หนูจะรีบหางานแล้วหาเงินมาใช้หนี้ให้พ่อ หนูไหว้ละค่ะคุณนาย" บัวบูชายกมือไหว้คนตรงหน้าอย่างขอความเห็นใจ ใบหน้าหวานเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
"ความจริงฉันเองก็ไม่ได้อยากบังคับฝืนใจใคร แต่ฉันค่อนข้างถูกใจหนูบัวนะเลยยื่นข้อเสนอแบบนี้ให้ อย่ากลัวไปเลย ไปกับฉันหนูไม่ลำบากหรอก มีที่นอนดี ๆ ให้ มีข้าวให้กินทุกมื้อ หรือถ้าหนูอยากใช้สิ่งที่เรียนมาทำงาน ฉันก็จะหางานให้ทำไปด้วยระหว่างนั้น อีกอย่างลูกชายฉันไม่ใช่คนขี้เหร่อะไร แค่หนูบัวทำให้เขาพอใจตลอดหกเดือนหลังจากนี้ ชีวิตหนูกับพ่อก็จะเป็นอิสระ หนี้สินหนึ่งล้านของพ่อหนูจะกลายเป็นโมฆะทันที"
คนอายุมากเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงใจดี พร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เด็กสาว
"ทำเพื่อพ่อสักครั้งเถอะนะบัว" คนเป็นพ่อคลานเข่าเข้ามาจับแขนเธอไว้อีกครั้ง
บัวบูชาหันมองพ่อทั้งที่ตาแดงก่ำจากการร้องไห้ พ่อขอให้เธอทำเพื่อพ่อสักครั้ง แล้วพ่อล่ะเคยทำอะไรเพื่อเธอบ้าง หากถามออกไปก็คงได้คำตอบเช่นเคย คือ เป็นคนทำให้เธอเกิดมายังไงเล่า
และมันก็มักจะเป็นคำที่เธอเถียงไม่ออก เพราะเธอเองก็ยังอยากใช้ชีวิต อยากทำงานตามสายงานที่อุตส่าห์ร่ำเรียนมา และมีความฝันที่อยากทำ บัวบูชาอยากเก็บเงินไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ไม่เคยได้ไปมาก่อนในชีวิต มีอีกหลายสิ่งหลายอย่างจริง ๆ ที่เธอยังอยากจะทำ
"ตกลงค่ะหนูจะทำ" ดวงตากลมยังจ้องมองใบหน้าพ่อที่ยกยิ้มพอใจในคำตอบของเธอ แต่ฝ่ามือกลับแกะมือพ่อออกจากแขนแล้วผลักให้ออกห่าง "ถือว่าบุญคุณต่าง ๆ ของเราสองพ่อลูกหมดลงที่ตรงนี้ ต่อไปบัวไม่มีพ่อ และพ่อก็ไม่มีลูกชื่อบัวอีก พ่อจะด่าว่าบัวอกตัญญูยังไงก็เชิญ แต่บัวคิดว่าสิ่งที่บัวยอมทำเพื่อพ่อครั้งนี้มันทดแทนกับที่พ่อทำให้บัวได้เกิดมาแล้ว"
"บัว" คนเป็นพ่อเริ่มใจคอไม่ดีเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูราบเรียบของลูกสาว
"หลังจากนี้พ่อจะได้มีชีวิตใหม่ไม่ต้องติดหนี้ล้นตัว หวังว่าพ่อจะได้สติขึ้นมาบ้างแล้วตั้งใจใช้ชีวิตให้ดี เพราะต่อไปบัวจะไม่ช่วยอะไรพ่ออีกแล้ว ถือว่าครั้งนี้คือครั้งสุดท้ายที่บัวจะช่วยพ่อ"
ใบหน้าสวยหวานเผยความเศร้าออกมาให้เห็น ในตอนนี้บัวบูชายืนอยู่หน้าไร่จิตรลดา เจ้าของไร่คือคุณนายจิตรลดาผู้ร่ำรวยมากที่สุดในจังหวัด แถมยังเป็นเจ้าของที่ดินทำเลงามหลายแห่ง อีกทั้งยังเป็นเจ้าหนี้ของพ่อเธอด้วยเช่นกัน
มีคนบอกว่าคุณหญิงจิตรลดาเป็นคนดี แต่ความดีของคนเราก็มีวันหมดลงได้เช่นกัน ข้อนี้บัวบูชาไม่ได้โทษผู้เป็นเจ้าหนี้เลยสักนิด แต่เป็นเพราะบิดาเธอต่างหาก ผิดที่หยิบยืมเงินมาแล้วไม่ยอมชดใช้ ผ่านมาเป็นปีก็ยังเงียบอยู่ผ่อนสักเดือนก็ไม่มี ผลัดแล้วผลัดอีก จนกระทั่งคุณนายจิตรลดาต้องยื่นหยิบยื่นข้อเสนอสุดท้ายให้
บัวบูชาไม่รู้ว่าทำไมการชดใช้หนี้สินของพ่อ จึงมาจบลงที่เธอต้องยอมเป็นนางบำเรอให้กับลูกชายเพียงคนเดียวของคุณนายจิตรลดาด้วย ทั้งที่คนแบบนั้นก็น่าจะมีผู้หญิงมากมายยอมเสนอตัวให้แท้ ๆ
เจตนิพัทธ์
ทายาทเพียงคนเดียวของคุณนายจิตรลดา
เธอเคยได้ยินชื่อเสียงของชายหนุ่มมาบ้าง
ใคร
ๆ
ก็บอกว่าผู้ชายคนนี้หล่อเหลาเอาการ
