บทที่ 7 หทัยทิพย์ คุณกำลังหาทางตายใช่ไหม?!
หทัยทิพย์แปลงานเสร็จก่อนเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง เธอเซฟไฟล์งานลงในคอมพิวเตอร์ แล้วก็แบ็คอัพใส่ยูเอสบีไดรฟ์อีกที
พอทำทั้งหมดนี้เสร็จ
ในขณะที่เธอกำลังภาวนาว่า “โน้ตบุ๊กอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ”
โน้ตบุ๊กของเธอก็เหมือนได้ยินเสียงในใจ
หน้าจอดับมืดลงทันที
ไม่ว่าหทัยทิพย์จะตบมันยังไง มันก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ
โน้ตบุ๊กค้างเหรอ?
หทัยทิพย์มองคอมพิวเตอร์ที่ใช้มาหลายปีอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะมาเสียในเวลาสำคัญแบบนี้
เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่
โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
โชคดีที่ในวินาทีสุดท้าย เธอได้แบ็คอัพเอกสารไว้ในยูเอสบีไดรฟ์แล้ว
เธอถอดยูเอสบีไดรฟ์ออกมา แล้วมองหาคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นที่พอจะใช้ได้
หาไม่เจอ
สุดท้ายจึงต้องไปขอความช่วยเหลือจากป้าสมศรี
“ป้าสมศรีคะ ตอนนี้หนูต้องการใช้คอมพิวเตอร์ด่วนเลยค่ะ โน้ตบุ๊กของหนูมันค้างไปแล้ว แต่ว่าหนูรีบมาก ที่บ้านพอจะมีคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นอีกไหมคะ หนูขอใช้แค่แป๊บเดียว แค่ส่งไฟล์เอกสารเท่านั้นเองค่ะ”
“มีจ้ะ แต่ว่าเป็นของคุณชาย”
หทัยทิพย์ใจหล่นวูบ
คอมพิวเตอร์ของธนวัฒน์น่ะเหรอ เธอจะกล้าใช้ได้ยังไง
“แค่ส่งไฟล์เอกสาร คงใช้เวลาไม่นานหรอกใช่ไหม?” ป้าสมศรีเห็นสีหน้ากระวนกระวายของเธอก็อยากจะช่วย “ถึงคุณชายจะดุ แต่ก็ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลนะ ถ้าหนูรีบจริงๆ ใช้แป๊บเดียว เขาคงไม่ว่าอะไรหรอก”
หทัยทิพย์เหลือบมองนาฬิกา
สิบเอ็ดโมงห้าสิบนาทีแล้ว
ลูกค้ากำชับว่าต้องส่งเอกสารให้ได้ก่อนเที่ยง
หทัยทิพย์ไม่ลังเลอีกต่อไป เธอเดินขึ้นไปที่ห้องหนังสือของธนวัฒน์บนชั้นสอง
แน่นอนว่าเธอกลัวมากว่าจะถูกธนวัฒน์จับได้
แต่เงินก้อนนี้ เธอหามาได้เห็นๆ ไม่อยากให้มาพังทลายลงในนาทีสุดท้าย
อีกอย่าง เธอก็ต้องการเงิน
ค่าเช่าบ้านของแม่ ค่าทำแท้งของเธอ ทั้งหมดนี้ต้องใช้เงินทั้งนั้น
เธอเดินไปที่โต๊ะทำงานแล้วเปิดคอมพิวเตอร์
เขาไม่ได้ตั้งรหัสผ่านไว้ด้วยซ้ำ
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เสียบยูเอสบีไดรฟ์เข้าไป แล้วล็อกอินเข้าบัญชีของตัวเอง รีบส่งไฟล์เอกสารให้รุ่นพี่อย่างรวดเร็ว
ไฟล์ถูกส่งไปสำเร็จก่อนเที่ยง
เธอส่งไฟล์เสร็จด้วยใจที่เต้นระทึก ไม่กล้าอยู่ในห้องหนังสือนานกว่านั้น
ธนวัฒน์เป็นคนระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเขาจะติดกล้องวงจรปิดไว้ที่ไหนบ้าง
เธอไม่กล้าไปลูบคมเสือหรอก
หทัยทิพย์ยื่นมือที่สั่นเทาไปคลิกปุ่มปิดเครื่อง
อาจเป็นเพราะเธอตื่นเต้นเกินไป มือเลยสั่นมาก
ยังไม่ทันได้คลิกปุ่มปิดเครื่อง เมาส์ก็ดันเลื่อนไปคลิกโดนโฟลเดอร์หนึ่งที่อยู่ข้างๆ ปุ่มเปิด-ปิด
ดวงตากลมโตของเธอเบิกกว้างขึ้น มองสิ่งที่อยู่ในโฟลเดอร์นั้นด้วยความอยากรู้
ผู้หญิงคนหนึ่ง
ในโฟลเดอร์นั้นเป็นรูปของผู้หญิงคนหนึ่ง
เธอทำผมทรงฮิเมะคัท สวมชุดเดรสเจ้าหญิง
ดูเด็กมาก
แววตาสดใสไร้เดียงสา
ใบหน้างดงามจนหาที่เปรียบไม่ได้
ราวกับนางฟ้าบนดิน
ห้านาทีต่อมา เธอเดินออกจากห้องหนังสือด้วยอาการเหม่อลอย
ขณะที่หทัยทิพย์เดินลงบันได ในใจก็รู้สึกสับสนปนเปไปหมด ดูเหมือนว่าเธอจะได้ค้นพบความลับของธนวัฒน์เข้าแล้ว
ธนวัฒน์เก็บรูปของผู้หญิงคนนี้ไว้ในคอมพิวเตอร์ แต่กลับไม่เคยเอ่ยถึงเลย
ดูท่าแล้วแม่ของเขาก็คงไม่รู้เหมือนกัน
ไม่อย่างนั้น ในช่วงเวลาที่เขานอนป่วยไม่ได้สติอยู่บนเตียง ก็คงไม่จำเป็นต้องให้เธออย่างหทัยทิพย์มาแต่งงานกับเขาหรอก
ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนก็ตาม ผู้หญิงคนนี้คือคนที่เขารักแต่ไม่อาจครอบครองได้
หรือไม่อย่างนั้น ผู้หญิงคนนี้ก็เคยคบอยู่กับธนวัฒน์มาก่อน พอธนวัฒน์ประสบอุบัติเหตุ ผู้หญิงคนนี้ก็ทอดทิ้งเขาไปอย่างเลือดเย็น
ดังนั้น ธนวัฒน์ถึงได้กลายเป็นคนอารมณ์แปรปรวน โหดร้ายรุนแรงแบบนี้
แต่เขาก็ยังคงเก็บรูปของเธอไว้ในคอมพิวเตอร์
ดูมันทุกวัน
ตอนที่เขามองรูปของเธอ เขาจะคิดอะไรอยู่นะ?
คิดจะครอบครองผู้หญิงคนนี้ให้ได้?
แล้วก็ทิ้งเธอไปอย่างโหดเหี้ยม?
ไม่ได้ๆ คิดอีกไม่ได้แล้ว
หทัยทิพย์ส่ายหัวไปมา พยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านเหล่านี้ออกไป
ทำยังไงดี?
ถ้าธนวัฒน์รู้ว่าเธอเห็นรูปพวกนี้ เขาจะฆ่าเธอปิดปากไหม?
เขาทำได้แน่ๆ...
ในใจของหทัยทิพย์สับสนวุ่นวายไปหมด เพราะได้เห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นจนรู้สึกมึนหัวไปหมด ก้าวเดินก็โซซัดโซเซ
เธอวิ่งโซเซออกจากห้องหนังสือ
รีบกลับไปซ่อนตัวในห้องพักแขก นั่งลงบนเตียงเพื่อสงบสติอารมณ์และหัวใจที่เต้นรัว
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้น
หทัยทิพย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นข้อความแจ้งยอดเงินโอนเข้า
รุ่นพี่โอนเงินมาให้เธอสองพันบาท
เธอไม่คิดเลยว่าจะได้ค่าตอบแทนสูงขนาดนี้ แค่ใช้เวลาไปสองชั่วโมง กลับได้เงินมาตั้งสองพันบาท!
เงินโอนก้อนนี้ช่วยลดความตื่นตระหนกในใจของเธอลงได้ในทันที
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ หทัยทิพย์ก็กลับเข้าห้องแล้วปิดประตู
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการง่วงนอนของคนท้องหรือเปล่า ไม่นานเธอก็ฟุบหลับไปบนโต๊ะ
ช่วงบ่าย มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากนอกห้อง
หทัยทิพย์สะดุ้งตื่นขึ้นมา
ยังไม่ทันที่เธอจะตั้งสติได้ ประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาอย่างแรง
“หทัยทิพย์ เธออยากตายนักใช่ไหม?!” เสียงของธนวัฒน์ราวกับดังมาจากขุมนรก
หทัยทิพย์เห็นเขานั่งอยู่บนวีลแชร์ที่หน้าประตู ใบหน้าของเขามืดครึ้มน่ากลัว ในดวงตาทั้งสองคู่นั้นลุกโชนไปด้วยไฟแห่งความโกรธเกรี้ยว
“หทัยทิพย์ ใครให้ความกล้าเธอ ถึงได้กล้าแตะต้องของของฉัน?!”
เธอเดาไว้แล้วว่าถ้ารู้เรื่องนี้เขาต้องโกรธแน่ แต่ไม่คิดว่าเขาจะโกรธขนาดนี้
หัวใจของหทัยทิพย์เต้นโครมครามด้วยความตื่นตระหนก
คราวนี้คงไม่ต้องลำบากถึงขั้นต้องหย่าแล้วล่ะมั้ง
เพราะเขาคงจะฆ่าเธอให้ตายไปเลย
ขอบตาของเธอเริ่มแดงก่ำ “คุณธนวัฒน์ ขอโทษค่ะ” ในใจของเธอรู้สึกกระสับกระส่ายเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ “เมื่อเช้าคอมพิวเตอร์ของฉันเสียค่ะ ฉันเลยถือวิสาสะใช้คอมพิวเตอร์ของคุณ เรื่องนี้ฉันผิดเอง ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูของของคุณจริงๆ ตอนที่ฉันจะปิดเครื่อง มือมันสั่นไปหน่อย ก็เลยเผลอคลิกไปโดน ฉันสาบานได้เลยว่าฉันดูไปแค่แวบเดียวแล้วก็ปิดเลย...”
ดวงตาของเขาแดงก่ำเล็กน้อย ดูท่าว่าเธอคงทำให้เขาโกรธจัดจริงๆ
เธอพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ขึ้นจมูกอย่างหนัก “ขอโทษค่ะ”
“เธอดูของในคอมพิวเตอร์ของฉันเหรอ?” น้ำเสียงของธนวัฒน์ทุ้มต่ำ แฝงไปด้วยความเยียบเย็นจนถึงกระดูก
เขากำมือทั้งสองข้างเข้าหากันแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด เผยให้เห็นถึงความโกรธแค้นที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ
ถ้าตอนนี้เขาไม่ได้นั่งอยู่บนวีลแชร์ เขาคงจะบีบคอเธอจนหักไปแล้ว
ผู้หญิงโง่เง่าคนนี้! ช่างกล้าดีนัก!
ใครให้สิทธิ์เธอ?
ใครให้ความกล้าเธอ?
เธอคิดว่าแต่งงานกับเขาแล้ว จะกลายเป็นนายหญิงของบ้านนี้อย่างนั้นเหรอ?
ยัยโง่ที่คิดไปเอง!
แม่ของเขาไปหาผู้หญิงแบบนี้มาจากไหนมาทำให้เขารำคาญใจกัน?
กล้าดียังไงถึงเข้าไปในห้องหนังสือของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต
แถมยังกล้าแตะต้องของของเขาอีก!
สมควรตายจริงๆ
