บทที่ 12 เรื่อง เห็ด เห็ด
ทั้งสองคนเร่งรีบเดินออกมาจากป่าชั้นกลาง จนกระทั่งเข้าเขตป่าชั้นนอกจึงได้ผ่อนฝีเท้าลง
“ท่านพี่ ข้าว่าพักสักครู่เถอะเจ้าค่ะ” เนี่ยหลิงเอ่ยออกมาหลังจากที่อกสั่นขวัญกระเจิงกับหมีขนเหล็กเมื่อสักครู่ นางนึกว่าจะตายรอบสองแล้วเชียว หยางหลงเองมีสีหน้าไม่ต่างกับผู้เป็นภรรยา
“พี่เห็นด้วย เฮ้อ ตกใจหมดนึกว่าจะตายเพราะหมีขนเหล็กเสียแล้ว” หยางหลงว่าพลางนั่งลงอย่างหมดเรี่ยวแรง
ขณะที่ทั้งสองคนนั่งพักดื่มน้ำอยู่นั้น ก็ปรึกษากันว่าจะเอาของที่ได้บางส่วนออกมาจากแหวนมิติตอนลงจากเขา เนื่องจากต้องการให้ชาวบ้านเห็นในสิ่งที่ล่ามาได้ในแต่ละครั้ง เพื่อจะได้
ตัดปัญหาเวลาสร้างบ้านและซื้อที่ดิน นางต้องการให้ชาวบ้านรู้ถึงที่มาของเงินจะได้ไม่มีผู้ใดนำไปพูดให้มากความ หากเจ้าอิจฉาก็
เข้าป่าหาของป่าไปขายสิ หากเจ้ามีความสามารถพอ สิ่งที่นางรำคาญที่สุดคือปากชาวบ้าน เช่นนั้นก็ทำให้เห็นกันไปเลย ว่าครอบครัวนางหาเงินมาด้วยวิธีใด
พอหายเหนื่อยแล้วก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อ ก่อนที่เดินออกไปจากตรงนี้ หยางหลงที่กวาดสายตาไปรอบ ๆ พลันสายตาปะทะเข้ากับเห็ดดอกสีแดงสดจึงได้เรียกผู้เป็นภรรยาให้มาช่วยดู
“น้องหญิงนี่ใช่เห็ดหลินจือแดงใช่หรือไม่”
“ใช่เจ้าค่ะท่านพี่ รีบเก็บเถอะเจ้าค่ะ เก็บแค่ดอกใหญ่สามดอกก็พอ ดอกเล็กปล่อยทิ้งไว้ให้โตก่อนค่อยมาเก็บทีหลัง”
“ได้ เอาตามน้องหญิงว่า” หยางหลงไม่รอช้ารีบเก็บเห็ดหลินจือ และนำใบไม้ใบใหญ่มาห่อใส่ตะกร้าสะพายหลังทันที
“เห็ดสามดอกนี้ น้องหญิงจะนำไปขายหรือไม่” หยางหลงเอ่ยถามออกมา
“ข้าจะขายสองดอกและก็โสมสี่ต้นเจ้าค่ะ ส่วนโสมอีกสองต้น และเห็ดอีกหนึ่งดอก ข้าจะนำไปให้ท่านพ่อและท่านแม่ต้มบำรุงร่างกายเจ้าค่ะ ส่วนของท่านพ่อท่านแม่ของท่านพี่ หญ้าวานรเวหาก็เพียงพอแล้วเจ้าค่ะ”
“หากเป็นไปได้ พี่อยากให้ท่านพ่อตาได้สร้างบ้านใหม่ด้วยน้องหญิงคิดเห็นเช่นไร”
“น้องเห็นด้วยเจ้าค่ะ”
เมื่อออกมาถึงป่าชั้นนอก ทั้งสองก็ไม่ได้รีบเร่งเหมือนกับ
ป่าชั้นกลาง พลางกวาดสายตาเพื่อมองหาสิ่งที่จะสามารถเก็บเกี่ยวกลับไปด้วยได้ ทั้งสองแวะเก็บเห็ดหูหนูดำเห็ดหอมและล่าสัตว์ไปด้วยป่าชั้นนี้มีเพียงไก่ป่า กระต่ายป่า หมูป่า และสัตว์เล็ก ๆ เท่านั้น
หยางหลงล่าไก่ป่าได้ห้าตัว ตะกร้าสะพายหลังทั้งสองคนเต็มไปด้วยเห็ดและผักป่านานาชนิด ขณะที่ทั้งสองเก็บเห็ดสนจนหมดแล้วและตะกร้าก็เต็มแล้วเช่นกัน
“ท่านพี่ วันนี้พอแค่นี้ก่อนเจ้าค่ะ เห็ดพวกนี้สามารถนำไปตากแห้งเก็บไว้เป็นเสบียงได้ วันหลังค่อยมาเก็บใหม่”
“ได้” หยางหลงรับคำ ในตอนที่กำลังจะเดินออกมาจากป่าสน หยางหลงเจอกับเห็ดสีแดงดอกเล็กสามดอก ไม่รอช้าเขารีบตรงไปที่เห็ดสีแดงทันที
“นี่มันใช่เห็ดเปลวอัคคีหรือไม่น้องหญิง มาดูหน่อย ใช่พี่มองผิดหรือไม่” เนี่ยหลิงรีบตรงมาที่หยางหลงทันที
“ใช่แล้วเจ้าค่ะท่านพี่ ทำไมป่าชั้นนอกถึงมีเห็ดเปลวอัคคีได้ ไม่ใช่มันจะมีอยู่ในป่าชั้นกลางหรอกหรือ”
“พี่ก็ไม่รู้เช่นกัน รีบเก็บเถอะ เห็ดนี่ถือเป็นสมุนไพรหายาก ราคาดีไม่น้อยเลย”
กลิ่นเงินนี่มันช่างหอมหวานจริง ๆ นางคิดในใจ ฮิฮิ จะรวยก็คราวนี้ ชีวิต ดี๊ดี เกิดมาชาตินี้ พี่สวยและเริ่มจะรวยมากนะขอบอก คิดไปหัวเราะคิกคักไปด้วยความอารมณ์ดี หยางหลงมองตามหลังเนี่ยหลิงเขาได้แต่ส่ายหน้า นางอารมณ์ดีก็ดีแล้ว
นั่นหมายถึงว่านางมีความสุข เขาซึ่งเป็นสามีก็มีความสุขไปด้วย
เดินมาเกือบจะพ้นทางลงเขา เนี่ยหลิงเอาหมูป่าและกระต่ายแสงจันทร์ออกมาเพื่อที่จะแบกลงเขาให้ชาวบ้านเห็นในสิ่งที่ได้มาวันนี้ก่อนจะนำไปขาย ถึงเวลานั้นจะใช้เงินทำอะไรเท่าไหร่ก็ไม่มีคนมาคอยจับผิด
และก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เมื่อเดินพ้นชายป่าและลงมาจากเขา ทั้งสองก็พบกับชาวบ้านที่ลงจากเขาเหมือนกัน แต่ละคนได้สัตว์เล็กบ้างใหญ่บ้างตามความสามารถของแต่ละคน ชาวบ้านมองดูทั้งสองสามีภรรยาแบกตะกร้าที่เต็มไปด้วยเห็ดและผักป่า และหยางหลงที่แบกหมูป่า ที่เอวมีกระต่ายแสงจันทร์ผูกอยู่สองตัว ส่วนเนี่ยหลิงก็ถือไก่ป่าอีกห้าตัวสร้างความอิจฉาให้ชาวบ้านที่พบเห็นไม่น้อย และกระต่ายแสงจันทร์เป็นสัตว์วิญญาณถึงจะแค่ระดับต่ำ แต่ก็ใช่จะล่ามาได้ง่าย ๆ และข่าวที่ทั้งสองล่าสัตว์วิญญาณมาได้ดังไปทั่วหมู่บ้านป่าหมอกอย่างรวดเร็ว
12
ซื้อที่ดินเพิ่ม
ทั้งสองกลับถึงบ้านก็เกือบได้เวลาอาหารเย็นแล้ว คอกวัวสร้างเสร็จแล้ว หลังคาซ่อมเสร็จแล้วเช่นกัน คงเหลือแต่ผนังบ้านที่ชำรุดเป็นบางจุด ช่างจะมาซ่อมแซมให้ในวันพรุ่งนี้ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 100 เหรียญทอง ทั้งสองเอาของทั้งหมดที่ได้มาวันนี้ไปกองไว้ในห้องครัวก่อน พรุ่งนี้เนี่ยหลิงจะเข้าเมืองเพื่อไปขายของป่าที่ได้มาวันนี้ และจะไปสำรวจตลาดด้วยเผื่อจะมีแนวทางในการหาเงินเพิ่มขึ้น
ได้เวลาอาหารเย็น ทุกคนมารวมกันที่ห้องโถงที่ใช้เป็นห้องกินข้าวด้วย เนี่ยหลิงได้กล่าวกับพ่อสามีว่าอีกสองวันจะกลับไปเยี่ยมบ้านเดิม ซึ่งหนิงเหวินเทียนเองไม่ได้คัดค้านลูกสะใภ้พร้อมสนับสนุนอีกด้วย
“สองปีแล้วที่เจ้าไม่ได้กลับไปเยี่ยมบิดามารดา เจ้าไปคราวนี้ก็เอาของไปมากหน่อย พ่อแม่ของเจ้าอายุมากขึ้นคงทำงานหนักไม่ได้เช่นเก่าก่อน ดูว่าขาดเหลือสิ่งใด เจ้าจัดหาไปให้ด้วยก็แล้วกัน นี่ก็ใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้ว”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านพ่อเจ้าคะ วันนี้ข้ากับท่านพี่ได้สิ่งนี้มาเจ้าค่ะ” นางเอาหญ้าวานรเวหาขึ้นมาวาง พอทุกคนเห็นสิ่งที่นางเอามาถึงกับนั่งนิ่งอ้าปากค้างตาโตเท่าไข่ห่าน
“นี่ นี่มัน หญ้าวานรเวหาสมุนไพรวิญญาณระดับกลาง
ทั้งยังมีตั้งห้าต้น พวกเจ้าได้มันมาจากไหน พวกเจ้าเข้าป่าชั้นกลางมาใช่หรือไม่”
“ข้ากับน้องหญิงพบมันที่ป่าชั้นนอกติดกับป่าชั้นกลางขอรับท่านพ่อ” หยางหลงเอ่ยโกหกออกไปเพราะกลัวบิดาจะกังวล นี่ถ้าท่านพ่อรู้ว่าเขาเกือบโดนหมีขนเหล็กตบ อาการป่วยของท่านพ่อคงได้กำเริบอีกแน่
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากับน้องหญิงจะไม่นำไปขาย น้องหญิงบอกว่าให้ท่านต้มบำรุงร่างกายและรักษาโรคเก่าของท่านทั้งสองให้หายดี พอถึงหน้าหนาวจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีก”
“พ่อและแม่ขอบใจเจ้าทั้งสองมาก” ท่านพ่อกล่าวออกมาด้วยดวงตาแดงกล่ำ ท่านแม่เองถึงกับร้องไห้ออกมา ทุกคนพลอยยินดีไปด้วย ต่อไปนี้ความเป็นอยู่คงจะค่อย ๆ ดีขึ้น ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ เงินที่หามาได้ก็ไม่ต้องหมดไปกับค่ายาของสองผู้เฒ่าอีก
“เอาล่ะ กินข้าวกันเถอะ ประเดี๋ยวอาหารจะเย็นแล้วไม่อร่อย”
หลังจากที่ทุกคนทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ท่านแม่กับน้องเล็กเก็บถ้วยชามไปล้าง เนี่ยหลิงและทุกคนนั่งหารือเรื่องซื้อที่ดินและสร้างบ้าน ส่วนลูก ๆ ทั้งสามนั้นออกไปวิ่งเล่นเพื่อย่อยอาหารที่ลานบ้าน
“ท่านพ่อเจ้าคะ พรุ่งนี้รบกวนท่านพ่อไปติดต่อซื้อที่ดินเพิ่มจากหัวหน้าหมู่บ้านนะเจ้าคะ”
“เจ้าต้องการมากน้อยแค่ไหนอาหลิง”
“ข้าต้องการที่ดินรอบ ๆ บ้านของเราทั้งหมด ด้านหลังยาวไปถึงลำธารเล็ก จนถึงตีนเขาเจ้าค่ะท่านพ่อ”
“มากมายเพียงนั้น เงินที่มีจะพอสร้างบ้านหรือไม่ หากซื้อที่ดินมากมายเพียงนั้น”
“ท่านพ่อไม่ต้องกังวลนะขอรับ วันนี้ข้าและน้องหญิงได้กระต่ายแสงจันทร์มาสองตัว เห็ดหลินจือ และยังมีโสมอีกด้วย”
“ใช่เจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ข้ากับท่านพี่จะเข้าเมืองไปขายของพรุ่งนี้เจ้าค่ะ”
“น้องรอง น้องสาม พวกเจ้าหาฟืนให้ได้มากที่สุด อีกสองวันข้าจะไปบ้านพ่อตาแม่ยาย หลังจากกลับมาแล้วพวกเราจะขึ้นเขา
อีกครั้ง”
“ขอรับพี่ใหญ่”
หลังจากจบการพูดคุยปรึกษาหารือกันแล้ว ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน เนี่ยหลิงเดินไปตามลูก ๆ ให้ไปอาบน้ำเพื่อเข้านอน เมื่อเข้ามาข้างในแล้ว ห้าคนพ่อแม่ลูกนอนเบียดกันบนเตียงเตา
ไม่นานก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
เช้าวันใหม่หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เนี่ยหลิงกับหยางหลงเข้าเมืองไปขายสัตว์ป่าและสมุนไพร ส่วนน้องชายทั้งสองไปหาฟืน ท่านแม่กับน้องเล็กยังคงทำปลาตากแห้งเหมือนเดิมนอกเหนือจากตัดชุดสำหรับทุกคน ส่วนท่านพ่อไปติดต่อซื้อที่ดินเพิ่มที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านโดยมีหลานทั้งสามตามไปด้วย
เดินเข้ามาในหมู่บ้านสักพักก็มาถึงบ้านหัวหน้าหมู่บ้าน
บ้านอิฐหลังใหญ่ หัวหน้าหมู่บ้านถือว่าร่ำรวยคนหนึ่ง ลูกชายคนโตทำอาชีพนายพรานเช่นเดียวกับคนในหมู่บ้าน ส่วนลูกชายคนที่สอง เปิดร้านขายของชำในเมืองสายรุ้ง ลูกชายคนที่สามทำงานเป็น
นายบัญชีในเมืองสายรุ้งเช่นกัน ส่วนลูกสาวแต่งงานกับชายหนุ่มฐานะร่ำรวยจากหมู่บ้านข้าง ๆ
“มีคนอยู่หรือไม่ขอรับ ท่านหัวหน้าหมู่บ้านอยู่หรือไม่” สักพักก็มีคนออกมาเปิดประตู
“สามีข้าอยู่ในบ้าน เชิญท่านหนิงเข้ามาก่อนเจ้าค่ะ” ฮูหยินเหลียนเชิญท่านพ่อเข้าไปในบ้าน
“นั่งรอสักครู่เจ้าค่ะ ข้าจะไปเรียกท่านพี่มาให้” นางเหลียนหันหลังเดินออกไป สักพักหัวหน้าหมู่บ้านก็เดินเข้ามา
“มีอะไรให้ข้าช่วยเหลือหรือ” เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านนั่งลงก็
เอ่ยปากถามทันที
“ข้าต้องการซื้อที่ดินเพิ่มขอรับ”
“ซื้อที่ดินอย่างนั้นรึ เจ้าต้องการตรงไหนล่ะ”
“ข้าต้องการที่ว่างรอบ ๆ บ้านข้า ยาวไปถึงลำธารตีนเขาขอรับ ไม่ทราบว่ามีเจ้าของหรือไม่”
“มากมายเพียงนั้น เจ้าต้องการที่ดินไปทำอะไรหรือ ที่ติดเขาไม่มีเจ้าของดอก เพราะคนกลัวสัตว์ป่าลงมาทำร้าย”
“ไม่เป็นไรขอรับ ลูกชายคนโตของข้ากับภรรยา ต้องการที่จะเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ไม่ทราบว่าราคาที่ดินหมู่ละเท่าไหร่ขอรับ”
“ที่ดินราคาหมู่ละ 10 ตำลึงทอง ตามที่ทางการกำหนด ที่ดินที่เจ้าต้องการรวมทั้งสิ้น 200 หมู่ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,000 ตำลึงทอง”
“นี่ขอรับเงิน” ท่านพ่อนำตั๋วเงินมาจ่ายค่าที่ดิน และเหลือเงินสำรองที่บ้านเพียง 200 ตำลึงทองเท่านั้น
หัวหน้าหมู่บ้านเขียนหนังสือสัญญาซื้อขายให้ท่านพ่อลงชื่อ ท่านพ่อใส่ชื่อในโฉนดที่ดินเป็นชื่อหยางหลง หนังสือสัญญาทำขึ้นสามฉบับเก็บไว้ที่ท่านพ่อหนึ่งฉบับ หัวหน้าหมู่บ้านหนึ่งฉบับ และส่งให้ทางการหนึ่งฉบับ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยท่านพ่อให้ค่าน้ำชาหัวหน้าหมู่บ้าน 10 ตำลึงเงิน จากนั้นท่านพ่อและหลาน ๆ ก็กลับบ้านทันที
หลังจากท่านพ่อออกมาแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยกับนางเหลียนผู้เป็นภรรยาทันที เรื่องบ้านหนิงมาซื้อที่ดินเป็นจำนวนมาก ข่าวที่ว่า
หยางหลงและภรรยาได้พบเจอวาสนาในป่าคงเป็นเรื่องจริง คงได้
สิ่งล้ำค่าจากป่าไปขาย ไม่เช่นนั้นคงไม่มีเงินมากมายขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ สองปีมานี้บ้านหนิงมีความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นมาก
“ท่านพี่ บ้านหนิงซื้อที่เยอะหรือเจ้าคะ”
“200 หมู่เลยล่ะ สงสัยข่าวที่ว่าลูกชายคนโตพบเจอสมุนไพรล้ำค่าคงเป็นเรื่องจริง ทั้งยังซื้อเกวียนวัวอีกด้วย”
“คงเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ”
ณ บ้านสกุลหนิง
“ท่านพี่ สำเร็จหรือไม่เจ้าคะ เงินพอหรือไม่” ท่านแม่ถามสามีทันทีที่สามีกลับมาถึงบ้าน
“ที่ทั้งหมด 200 หมู่ เป็นเงิน 2,000 ตำลึงทอง เงินมีเพียงพอจ่าย เจ้าไม่ต้องกังวล”
“เจ้าค่ะท่านพี่ ท่านดื่มน้ำก่อนเจ้าค่ะ แล้วนี่หลาน ๆ ทั้งสาม ไปไหน ไม่ใช่แอบตามท่านอาทั้งสองขึ้นไปหาฟืนบนเขานะ”
“ปล่อยหลานไปเถอะ หาฟืนแค่ป่ารอบนอกไม่มีอันตรายอะไรหรอก ลูกรอง ลูกสามดูแลหลานได้”
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั้น เหม่ยหลันก็อุ้มชิงหลงที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเข้ามา
“หลงเอ๋อร์ เจ้าร้องไห้ทำไม เจ็บที่ใดรึ มาให้ย่าดูหน่อย”
“หลานไม่ได้เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะท่านแม่ แค่เสียใจที่พี่ ๆ ไม่ให้ขึ้นเขาไปหาฟืนกับพี่ รองและพี่สาม”
“หลงเอ๋อร์ยังเด็ก บนเขาอันตราย อยู่กับย่ากับปู่ดีหรือไม่
ย่าจะให้อาเล็กทำขนมอร่อย ๆ ให้กิน ไม่ร้องแล้วนะ เป็นลูกผู้ชายต้องไม่ร้องไห้งอแง”
“ก็ได้ขอยับ หลานจะเชื่อฟังท่านปู่ ท่านย่า”
