บทที่ 2 ตายแบบอิหยังวะ และเริ่มต้นแบบมีความหวัง (หวังว่ามันจะดี)

หลังจากได้สติ เนี่ยหลิงได้ทบทวนและเริ่มเรียบเรียง

ความทรงจำของเนี่ยหลิงคนเก่าในหัว เธอตายแล้วมาเกิดใหม่เป็น ‘หวังเนี่ยหลิง’ สะใภ้ใหญ่ของสกุลหนิง แห่งหมู่บ้านป่าหมอกที่ตั้งอยู่ตรงเชิงเขาหมอกทมิฬด้านขวาติดกับชายทะเล ด้านซ้ายติดกับหมู่บ้านสายหมอก ด้านหน้าติดกับถนนเส้นทางที่จะเข้าไปยังเมืองสายรุ้งแห่งอาณาจักรหมื่นสายหมอก แต่เดิมสกุลหนิงไม่ใช่คนหมู่บ้านป่าหมอก หลังจากประมุขสกุลหนิงเสียชีวิตลง ฮูหยินผู้เฒ่าได้ทำการขับไล่ และทำหนังสือตัดขาดแก่ท่านพ่อสามี เนื่องจากไม่ใช่ลูกของนาง แต่เป็นลูกที่เกิดจากฮูหยินคนก่อน ทั้งหมดจึงได้เดินทางออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ณ หมู่บ้านป่าหมอกแห่งนี้

ด้วยเงินที่ติดตัวมาไม่กี่ตำลึง ครอบครัวสามีของเนี่ยหลิง ประกอบด้วย ท่านพ่อหนิงเหวินเทียน ท่านแม่สวี่กุ้ยฮัว ลูกชายคนโต หนิงหยางหลง หรือก็คือสามีของเนี่ยหลิง น้องชายคนรอง หนิงหานตง น้องสามหนิงหมิงเทียน และน้องสี่หนิงเหม่ยหลัน หนิงหยางหลงแต่งงานกับหวังเนี่ยหลิง ทั้งคู่มีบุตรชายสามคน คนโต หนิงเนี่ยฟง คนที่สอง หนิงมู่เฟย และน้องเล็ก หนิงชินหลง

น้องชายทั้งสองของหยางหลง และน้องสาวยังไม่มีใครได้ออกเรือน เนื่องจากตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ ฐานะทางการเงินย่ำแย่เพราะไม่ได้อะไรติดตัวมาเลย จากคหบดีร่ำรวยต้องมาขึ้นเขา ทำนา หาของป่า ล่าสัตว์ เพื่อขายเป็นรายได้ มาจุนเจือครอบครอบครัว สกุลหนิงมีที่ดินติดเชิงเขาแค่ 5 หมู่ ปลูกบ้านด้วยดินเหนียวห้าห้อง หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องน้ำ เนื่องจากมีจำนวนสมาชิกในครอบครัวเยอะทำให้ห้องไม่พอ น้องชายสองคนต้องนอนด้วยกันเป็นหนึ่งห้อง น้องสาวหนึ่งห้อง เนี่ยหลิงกับลูกและสามีหนึ่งห้อง ท่านพ่อและท่านแม่อีกหนึ่งห้อง

เมื่อสองวันก่อนเนี่ยหลิงได้เข้าไปในภูเขาข้างหมู่บ้านเพื่อเก็บเห็ดและหาของป่าไปขายและนำมาทำอาหาร ซึ่งเนี่ยหลิงทำแบบนี้เป็นประจำ ตั้งแต่สามีและน้องชายทั้งสองเข้าไปทำงานในเมืองสายรุ้ง เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวแต่ไม่เพียงพอ ในบ้านมีทั้งคนแก่ เด็ก ๆ และน้องสาวอายุได้เพียงสิบสี่หนาว ลูก ๆ ของเนี่ยหลิงเองยังเล็ก

คนโตอายุห้าหนาว คนที่สองอายุสี่หนาว ส่วนคนเล็กอายุเพียงสามหนาว เนี่ยหลิงเองจึงต้องเข้าป่าเพื่อหาอาหารเพิ่ม ตอนนี้ใกล้จะเข้าหน้าหนาวแล้ว เนี่ยหลิงกลัวว่าจะไม่มีอาหารพอให้ผ่านหน้าหนาวไปได้เพราะช่วงฤดูหนาวสามีและน้องชายจะหางานทำไม่ได้ เฮ้อ ๆ จะไหวไหม จะรอดไหม เนี่ยหลิงได้แต่คิด พลันได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา

“ท่างพี่ ท่างแม่เมื่อไหร่จะตื่ง ขอยับ” หนิงชิงหลงเอ่ยถามพี่ชาย

“ชู่ว ๆ น้องเล็กอย่าเสียงดัง ท่านแม่ไม่สบายต้องนอน ท่านหมอโหยวบอกว่าท่านแม่ต้องนอนมาก ๆ ถึงจะหายดี”

“แต่ แต่ ข้า คิดถึงท่างแม่นี่” เด็กน้อยชิงหลงได้เอ่ยออกมา

สักพักน้องสาวสามีเดินเข้ามาเพื่อที่จะเช็ดตัวให้พี่สะใภ้

“อาเฟย อาหลง หลานสองคนออกไปอยู่กับท่านย่าก่อนนะ อาเล็กจะเช็ดตัวให้ท่านแม่เจ้า”

ระหว่างนั้นเนี่ยหลิงได้ลืมตาขึ้นมา

“ท่างแม่ตื่นแล้ว”

“ท่านแม่ตื่นแล้ว ไปตามท่านพ่อกับพี่ใหญ่กัน” ชิงหลงพูดพลางวิ่งออกไป

“พี่สะใภ้ ท่านตื่นแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างเจ้าคะ”

“ข้าดีขึ้นมากแล้ว ขอโทษนะ ที่พี่ไม่เอาไหน ลำบากเจ้าแล้ว”

“พี่สะใภ้อย่าได้เอ่ยเช่นนั้น ข้าหาได้ลำบากไม่ กลับเป็นพี่สะใภ้ที่ลำบากที่สุด”

“ขอบคุณเจ้ามากน้องเล็ก ที่ดูแลเด็ก ๆ ตอนที่พี่ล้มป่วย”

“พี่สะใภ้อย่าได้เอ่ยเช่นนั้น พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ

เจ้าคะ”

“แล้วนี่ ท่านพ่อท่านแม่และคนอื่น ๆ ไปไหนกันหมด”

“พี่รองกับพี่สามไปหางานทำในเมืองเจ้าค่ะ ส่วนพี่ใหญ่วันนี้ไม่ได้ไป อยู่ช่วยท่านพ่อกับท่านแม่พลิกหน้าดินปลูกมันเทศเจ้าค่ะ พี่สะใภ้คงหิวแล้ว ข้าไปทำโจ๊กมาให้นะเจ้าคะ จะได้ดื่มยา”

หลังจากน้องสาวออกไปสามีและลูกชายทั้งสามก็มาถึง “น้องหญิงเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง พี่ขอโทษที่พี่ดูแลเจ้าไม่ดี ทำให้เจ้าลำบากและได้รับบาดเจ็บ พี่ช่างเป็นสามีที่ไร้ความสามารถ”

เนี่ยหลิงได้แต่ทอดถอนใจเมื่อเห็นสีหน้าหดหู่ของสามี

“ท่านพี่อย่าได้พูดเช่นนั้นเจ้าค่ะ น้องไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะพักสักสามสี่วันคงดีขึ้นเจ้าค่ะ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป