บทที่ 9 9

“ผมเคยเห็นเขากับนักศึกษาคนหนึ่งอยู่บ่อยๆ เธอชอบมาหาเขาที่หอพัก วันที่เขากับพี่สาวของคุณทะเลาะกันผู้หญิงคนนั้นก็มานะ”

ใจของอารียากระตูกวูบ “แน่ใจเหรอคะ”

“แน่ใจครับ เพราะเธอลงรถตรงหน้าวินผมพอดี” แม้จะปวดศีรษะอย่างมากแต่ก็อดทนเล่าให้อีกฝ่ายฟังอย่างเต็มใจ เพื่อลบล้างความรู้สึกผิดออกไปบ้าง “ที่พี่สาวคุณบอกยกเลิกงานแต่งงาน อาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้ก็ได้นะครับ”

.............................

ไช่ถินค่อยๆ เดินโซเซห่างออกไปจากห้องผู้ป่วยรวมที่มีลูกสาวคนที่สองอยู่ในนั้น มันเป็นความบังเอิญที่ประจวบเหมาะ จึงทำให้เขาได้รับรู้ความเลวของชายหนุ่มที่จะมาเป็นลูกเขยอย่างไม่คิดไม่ฝัน

‘กูจะฆ่ามึงไอ้ติ๊ก! ไอ้ระยำ!  มึงกับกูคงอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว มึงต้องชดใช้ที่ทำให้ลูกสาวของกูเป็นแบบนี้’ พร่ำด่าอีกฝ่ายในใจด้วยความเคียดแค้นจนเดินมาถึงรถ ไม่สนใจกับอาการเจ็บปวดที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในทรวงอกสักนิด คิดแต่เรื่องจะไปพบกับธนายุทธให้เร็วที่สุด

เปิดประตูรถเข้าไปนั่งประจำที่คนขับ แต่ขณะที่กำลังเสียบกุญแจรถอยู่นั้นหัวใจของเขาก็เจ็บแปลบจนสุดจะทน ต้องเอนหลังกับเบาะแล้วกดที่หน้าอกด้านซ้ายไว้แน่น แต่อาการปวดกลับทวีความรุนแรงมากขึ้นจนเหงื่อผุดขึ้นเต็มตัว

ปวดจนเริ่มหายใจขัด ไม่มีแรงแม้แต่หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ลมหายใจเริ่มติดขัดมากขึ้นจนกลายเป็นหายใจไม่ออก ดวงตาเหลือกโตด้วยความทรมาน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเกร็งขึ้นเพื่อหาอากาศเฮือกสุดท้าย

และทุกอย่างก็ดับวูบลงไป

“อาจารย์เสียใจด้วยนะอารียา ตอนที่เราพบพ่อเธอหัวใจท่านหยุดเต้นแล้ว อาจารย์ได้ทำการปั๊มหัวใจและให้ยากระตุ้นแต่พ่อเธอก็ไม่ตอบสนองเลย”

อารียาทรุดลงไปกองกับพื้น กอดมารดาที่ร้องไห้ปริ่มใจจะขาดเอาไว้ทั้งน้ำตา ใครเลยจะคิดว่าเรื่องร้ายๆ แบบนี้จะเกิดขึ้นในครอบครัวเกือบจะพร้อมๆ กัน และตอนนี้เธอก็สูญเสียบิดาไปแล้วหนึ่งคน

บิดาของเธอถูกพบศพโดยเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาความปลอดภัย ที่ได้รับแจ้งจากรถคันข้างๆ ว่าเห็นมีคนนอนหลับอยู่ในรถตั้งแต่ตอนที่เอารถมาจอด จนกระทั่งจะกลับก็ยังเห็นนอนอยู่ เจ้าหน้าที่คนนั้นจึงไปเคาะกระจกเรียกแต่ก็ไร้การตอบรับ จึงโทรประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ จนสามารถเปิดรถได้ และพบว่าเสียชีวิตแล้ว

“เรากลับบ้านกันก่อนนะแม่ ส่วนเรื่องทางนี้ปล่อยให้นกมันจัดการไปนะแม่” ลูกชายคนโตของตระกูลปลอบใจมารดา พยายามกลั้นน้ำตาไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้ท่านได้เห็น

“แม่จะอยู่ที่นี่ แม่จะอยู่เป็นเพื่อนเตี่ยเขา แม่จะกลับบ้านพร้อมกับเตี่ยเขาลูก” เมตตาสะอื้นไห้ไม่หยุด

“แม่จ๋าอย่าร้องไห้สิจ๊ะ แม่ต้องเข้มแข็งไว้นะ แม่ยังมีพวกเราอีกห้าคนนะจ๊ะ” ลูกสาวคนสุดท้องร้องไห้ไปพูดไป กลัวเหลือเกินว่ามารดาจะตรอมใจจนจากไปอีกคน

“กลับบ้านก่อนนะแม่ ถึงอย่างไรเตี่ยก็จากพวกเราไปแล้ว เราควรกลับไปปรึกษากันว่าจะส่งเตี่ยครั้งสุดท้ายอย่างไรดีกว่านะแม่นะ” ในบรรดาพี่น้องห้าคนที่อยู่ในนี้ อารียาคือคนที่ตั้งสติได้ดีกว่าใครเพื่อน ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะอาชีพหมอของเธอ และด้วยอาชีพหมอนี่เอง เธอจึงมีแผนที่จะส่งเตี่ยจากไปอย่างมีความสุขเอาไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว

........................

นรกภูมิ

ณ เมืองยมโลก ประตูสู่ดินแดนนรกที่วิญญาณทั้งหลายไม่อยากย่างกรายเข้ามา

“ยมบาลมัจฉา ช่วยติดต่อยมทูตปาณะให้เราหน่อยสิ เราอยากรู้ว่าทำไมจนป่านนี้แล้วยังตามหาดวงวิญญาณรนิดาไม่เจออีก เส้นตายแค่เย็นนี้แล้วนะ” ท่านพญามัจจุราชผู้ยิ่งใหญ่ในนรกภูมิ กล่าวกับยมบาลที่ทำหน้าที่แยกแยะความชั่วของมนุษย์อย่างร้อนใจ เพราะตอนนี้ก็กินเวลาเข้าไปหลายชั่วโมงแล้ว ที่ยมทูตผู้มีหน้าที่รับวิญญาณยังตามหาหญิงสาวที่ดวงยังไม่ถึงฆาต แต่ตกใจจนเตลิดหายไปจากร่างไม่พบ ที่สำคัญที่สุดร่างของเธอกำลังจะถูกเผาพร้อมกับบิดาของเธอในอีกไม่กี่นาทีนี้แล้วด้วย

“เจ้านั่นมันอยู่กับมนุษย์นานจนลืมเรื่องเวลาไปแล้วหรือไร” พญามัจจุราชพึมพำกับตัวเอง

“ไม่ลืมหรอกขอรับท่านยมราช หนึ่งชั่วโมงของเราเท่ากับโลกมนุษย์หนึ่งวันกระผมยังจำได้ขึ้นใจขอรับ” ยมทูตปาณะขึ้นมารายงานตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ได้รับการติดต่อผ่านกระแสจิตจากทางนรกภูมิ

“แล้วทำไมเจ้ายังตามหาดวงวิญญาณของรนิดาไม่พบอีกเล่า เราร้อนใจนะ ถ้าเกิดร่างของนางถูกเผาขึ้นมา เราจะรับผิดชอบเรื่องนี้กันได้เหรอ”

“กระผมขอโทษขอรับท่านยมราช กระผมได้เจอกับดวงวิญญาณของนางหนหนึ่งแล้ว แต่ก็พลาดไปอย่างเฉียดฉิว นางหนีได้ไวมากขอรับ กระผมเรียกอย่างไรก็ไม่ฟัง”

“เธอคงตกใจมากสินะ” ท่านพญามัจจุราชนึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ร่างของวิญญาณดวงนั้นกำลังจะถูกรถชน หน้าตาของเธอบ่งบอกว่าช็อกสุดขีดตอนที่รถคันใหญ่พุ่งเข้าใส่ ก่อนจะกรีดร้องอย่างเจ็บปวดตอนที่ถูกกระแทกใส่ร่าง และวิญญาณก็หลุดลอยไปคนละทิศละทางกับร่างกายเมื่อกระแทกลงสู่พื้นถนน

“ท่านยมทูตปุลากลับมาแล้วขอรับท่านยมราช” ยมบาลมัจฉากล่าวรายงาน

“เร่งด่วนแบบนี้ทำไมเราไม่ให้ท่านยมทูตปุลาไปช่วยท่านยมทูตปาณะอีกแรงเล่าขอรับ เพราะอีกหนึ่งชั่วโมงครึ่งจะเกิดสึนามิที่ชายฝั่งอันดามันของไทย ยมทูตเกือบทั้งหมดจะต้องไปรับวิญญาณที่นั่นนะขอรับ” ยมบาลเมฆาที่ทำหน้าที่ตรวจสมุดบัญชีความตายเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม

“ทำตามที่เจ้าแนะนำก็แล้วกัน ยมทูตปาณะพายมทูตปุลาไปเดี๋ยวนี้เลย เวลาเราเหลือน้อยลงทุกทีแล้ว”

“ขอรับท่านยมราช” ยมทูตทั้งสองขานรับพร้อมเพรียงพร้อมอาวุธสามง่ามและบ่วงรัดวิญญาณก่อนจะหายตัวไปในทันที

“เจ้าสองตนคิดว่าว่าสองยมทูตนั่นจะพาดวงวิญญาณของรนิดากลับมาได้ไหม”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป