บทที่ 1 ทวงแค้น : 1

บทนำ

'แม้ไม่ได้เกิดหรือตายวันเดียวคืนเดียวกันแต่ข้าจะรักและซื่อสัตย์ต่อท่านเพียงพระองค์เดียว'

นั่นคือคำมั่นสัญญาที่ 'เฟิงซูเหยา' ให้ไว้กับบุรุษผู้หนึ่ง ผู้ที่เก็บนางมาจากกองขยะในตรอกมืดที่ไร้ผู้คนสัญจร ชุบชีวิตนางขึ้นมาเป็นองครักษ์เงาข้างกายเขา

ทว่าเพียงรู้หน้ามิอาจเดาใจคนได้ ในวันที่นางมอบทั้งตัวและหัวใจให้เขาทั้งดวง คนผู้นั้นกลับตอบน้ำใจให้นางด้วย 'ความตาย'

ชาตินี้เฟิงซูเหยามิอาจแก้แค้นคนที่หักหลังนางอย่างเลือดเย็นได้ ทว่าสวรรค์กลับเมตตาสงสารคนอย่างนางจึงส่งให้กลับมาเกิดใหม่ในร่าง 'ฟ่างเซียนเซียน'  สตรีอ่อนแอเป็นที่รองมือรองเท้าสองแม่ลูกฮูหยินรองที่คิดกำจัดนางออกจากตระกูลฟ่าง ตระกูลแม่ทัพใหญ่แห่งเมืองหลวงถังเหลียนจนนางถึงแก่ความตาย

ขณะที่กำลังจะบรรจุร่างไร้วิญญาณลงโลงศพเพื่อนำไปฝังยังสุสานของตระกูลร่วมกับมารดา ทันใดนั้นเกิดฟ้าผ่าขึ้นมาเปรี้ยงใหญ่ที่หน้าเรือนหลานฮวา ร่างที่เคยไร้วิญญาณกระตุกครั้งหนึ่งก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

หากเพียงครั้งนี้ นางกลับมาด้วยจิตวิญญาณของเฟิงซูเหยา สตรีห้าวหาญ จับดาบเก่ง เชี่ยวชาญพิษยิ่งกว่าเย็บปักถักร้อย

ใครที่เคยทำร้ายร่างกายนี้ไว้ ครั้งนี้เฟิงซูเหยาผู้นี้จะเอาคืนแทนให้อย่างสาสม รวมถึงคนที่หักหลังนางอย่างเลือดเย็นผู้นั้น!!

=============

“กรี๊ด!!”

เสียงกรีดร้องอย่างตกใจของสาวใช้ในเรือนหลานฮวาดังลั่น ส่งผลให้บรรดาบ่าวรับใช้คนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงวิ่งแตกตื่นมาตามต้นตอของเสียง

“อาถังเจ้าเป็นอันใด”

สาวรับใช้นางหนึ่งที่วิ่งตามเสียงร้องเข้ามาคนแรกถามไถ่กับสาวรับใช้คนสนิทข้างกายเจ้าของเรือนหลานฮวาแห่งนี้

“ค..คุณหนู คุณหนูสาม”

ดวงตาเล็กเบิกกว้าง สีหน้าอาถังซีดเผือดด้วยอาการตกใจจนถึงขีดสุด ได้แต่ยกมือที่สั่นเทาชี้ไปด้านหน้าที่เป็นเตียงไม้สี่เสามีม่านสีสดใสทำจากผ้าเนื้อดีมัดไว้อย่างเรียบร้อย

บนเตียงนุ่มนั้นมีร่างบอบบางของสตรีนางหนึ่งนอนหงายอยู่

หากมองเพียงผิวเผินเหมือนสตรีผู้นั้นกำลังหลับสู่ห้วงนิทรา ทว่ามือข้างหนึ่งกลับตกออกมาจากเตียงกว้างตามแรงโน้มถ่วง ใบหน้าสวยเรียวไร้เลือดฝาดเอียงมาทางสาวใช้ที่ห้อมล้อมมุงดู ริมฝีปากบางเริ่มขึ้นสีคล้ำมองอย่างไรคนผู้นี้ก็ไร้ลมหายใจแล้ว

"ตามท่านหมอเร็วเข้า"

เสียงทุ้มกังวาลของพ่อบ้านกุ้น พ่อบ้านประจำจวนฟ่างตะโกนสั่งบ่าวรับใช้

ทุกคนดูวุ่นวายและแตกตื่นกับเหตุการณ์ตรงหน้าจนทำอันใดไม่ถูก

"อาถังเจ้าเข้าไปดูอาการคุณหนูสามเร็วเข้า"

พ่อบ้านกุ้นสั่งสาวรับใช้คนสนิทที่ยังคงสติแตกตัวสั่นงันงกอยู่กับพื้น

เมื่อได้ยินคำสั่งพ่อบ้านใหญ่อาถังรีบตั้งสติคลานอย่างทุลักทุเลเข้าไปบีบนวดคุณหนูของนาง

"วุ่นวายอันใดกัน"

เสียงเล็กแหลมของผู้มาใหม่ดังขึ้น

การแต่งกายหรูหราราวนางพญา แต่งแต้มสีสันบนใบหน้าด้วยเครื่องประทินโฉมจนขาวโพน คิ้วเรียวถูกลงสีน้ำตาลเข้มให้ดูโก่งโค้งได้รูป ริมฝีปากแต้มสีแดงโดดเด่นขับให้ทั้งดวงหน้าสวยร้ายอย่างมิปิดบัง

"ฮูหยินรอง"

บ่าวรับใช้ทั้งหมดทำความเคารพฟ่างฮูหยินรองอย่างพร้อมเพียง

เจินซู่กวาดสายตามองฐานกำนันที่ต่ำต้อยในสายตานางอย่างลวก ๆ ก่อนจะลากสายตาเฉี่ยวคมดุดันไปยังเตียงสี่เสากลางห้อง

"เสี่ยวเซียน!"

มือที่แต่งแต้มสีตามเล็บยกขึ้นทาบอกคล้ายตกใจ ทว่าหากมีคนช่างสังเกตจะเห็นว่ามีรอยยิ้มเกิดขึ้นที่มุมปากร้ายนั้นเล็กน้อย

"ฮูหยินรองอย่าเพิ่งตกใจ ข้าให้บ่าวในจวนไปตามหมอแล้ว"

พ่อบ้านกุ้นรายงานเสียงสั่นเครือ ทั้งตกใจกับสภาพคุณหนูสามทั้งหวาดกลัวต่อคนตรงหน้าที่ไม่รู้จะมาร้ายหรือดีกับเจ้าของเรือนหลานฮวาแห่งนี้

"ตามหมอ? สภาพเช่นนี้เจ้ายังให้คนไปตามหมองั้นรึ ควรจะไปซื้อโลงมาใส่นางมากกว่า"

คุณหนูรองเจินเม่ยที่เพิ่งมาถึงเอ่ยอย่างมิได้มีความตกใจหรือเสียใจกับคนที่นอนแน่นิ่งบนเตียงสักนิดเดียว

เหตุเพราะว่า บุตรีต่างมารดาทั้งสองนางมิถูกกันแต่ไหนแต่ไรแล้ว

ฟ่างเซียนเซียนหรือคุณหนูสามเป็นบุตรีของฮูหยินเอกเหวินเหม่ยเซียวกับฟ่างเสวียนสวี่ ทำให้เจินซู่ที่ถูกตบแต่งเข้ามาทีหลังเกลียดชังลูกเลี้ยงนางนี้เป็นที่สุด ส่งผลให้เจินเม่ยบุตรสาวของตนเกลียดน้องเล็กอย่างฟ่างเซียนเซียนตามมารดาไป

"เหตุใดคุณหนูรองกล่าวเช่นนั้นเจ้าคะ"

อาถังที่รักคุณหนูสามราวน้องสาวแท้ ๆ เอ่ยขัดเมื่อสิ่งที่เจินเม่ยกล่าวมาช่างอัปมงคลเสียจริง

"ข้าพูดอันใดผิด นางไม่หายใจมาตั้งห้าชั่วยามแล้ว แม้แต่หมอเทวดายังช่วยไม่ได้เลย"

ทุกคนที่อยู่ในห้องต่างหันมองหน้าเจินเม่ยอย่างพร้อมเพียง

"เหตุใดคุณหนูรองถึงกล่าวว่าห้าชั่วยามเจ้าคะ"

บทถัดไป