บทที่ 9 ทวงแค้น : 9
"หยุด!!"
เสียงคนคุมรถลากดังขึ้น แรงโคลงเคลงหยุดนิ่งลงในเวลาต่อมา
"ด้านนอกเกิดอะไรขึ้น หยุดรถม้าทำไม"
อาถังตะโกนถามพร้อมรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
"ข้างหน้ามีซากต้นไม้ใหญ่ขวางทางขอรับ"
องครักษ์นายหนึ่งเอ่ยขึ้น
อาถังแง้มหน้าต่างออกไปดูจึงเห็นตามที่รายงานมา
"เดี๋ยวให้องครักษ์ด้านนอกจัดการต้นไม้แห้งพวกนั้นสักประเดี๋ยวนะเจ้าคะ"
อาถังหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อให้คุณหนูของนางเบา ๆ
"ซากต้นไม้?"
เฟิงซูเหยารู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง
วันนี้นางเดินทางออกจากจวนฟ่างซึ่งเป็นที่รู้กันทั้งจวน ทว่าสองแม่ลูกศัตรูคู่กัดของนางกลับไม่ห้ามปรามหรือโผล่หน้ามาให้เห็นสักนิด แบบนี้ยิ่งทำให้เฟิงซูเหยาตะขิดตะขวงใจว่าสองแม่ลูกนั้นต้องวางแผนอะไรอยู่เป็นแน่ หากนางคิดมากไป ขอให้ต้นไม้ที่ขวางทางนี้เกิดจากภัยจากธรรมชาติ แต่ถ้านางเดาถูก...
ไม่! ต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นในเวลาเช่นนี้
"พวกเจ้าเป็นใคร อ๊าก!!"
"คุณหนูหนีเร็ว โจร.. โจรภูเขา! เฮือก!"
เสียงองครักษ์สองคนด้านนอกดังขึ้น ทำคนที่อยู่ด้านในตกใจตาม อาถังรีบเข้าไปกอดขวางเฟิงซูเหยาเอาไว้อย่างเป็นห่วง
"ทำไมถึงมีโจรภูเขาได้ล่ะ" เสียงอาถังสั่นเครือ
เสียงสู้กันด้านนอกเงียบลงแล้ว ทว่าเฟิงซูเหยารับรู้ได้ว่ายังมีผู้รอดชีวิตอยู่หลายคนและคงเป็นคนของนางที่ตายหมด
"ไม่ใช่โจรภูเขาหรอก นี่ไม่ใช่วิถีของพวกนั้น"
"เหตุใดคุณหนูดูมั่นใจเช่นนั้นเจ้าคะ"
จะไม่ให้เฟิงซูเหยามั่นใจได้เช่นไรในเมื่อตั้งแต่จำความได้ ชีวิตของนางก็เกลือกกลั้วอยู่กับกองโจรนั่นแล้ว
ทั้งนิสัย ทั้งวิถีการปล้นฆ่า เฟิงซูเหยารู้ดีว่ากองโจรภูเขาที่ถูกแอบอ้างนั้นทำอย่างไรบ้าง
"เจ้าไม่ต้องกังวล สักประเดี๋ยวโจรพวกนั้นจะเข้ามาจับพวกเรา เจ้าห้ามสู้ห้ามขัดขืน ปล่อยให้พวกนั้นจับไปอย่างจำยอม"
อาถังอยากค้านคุณหนูนางเสียเหลือเกิน แต่พอขบคิดดูแล้ว เหลือเพียงสตรีสองนางเช่นนี้ต่อให้สู้หรือขัดขืนไปก็คงมิรอดอยู่ดี
"ไปเอาตัวพวกมันมา"
เป็นดั่งที่เฟิงซูเหยาคาดเดา องค์รักษ์สองคนของนางตายหมดแล้ว ประตูรถม้าเปิดออกทำให้เฟิงซูเหยาเห็นการแต่งกายของโจรกลุ่นี้ถนัดตา
คนกลุ่มนี้มิใช่คนของโจรภูเขาอย่างที่นางคิด เป็นเพียงพวกอันธพาลที่ปิดหน้าคาดหัวให้ดูเหมือนโจรภูเขาตบตาพวกขี้ขลาดรักตัวกลัวตายเชื่อพวกมันแล้วส่งทรัพย์สมบัติให้พวกนี้ปล้นไปอย่างง่ายดาย
"ปล่อยคุณหนูนะ พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่านั่นคือบุตรีของท่านแม่ทัพใหญ่ฟ่างเสวียนสวี่"
อาถังที่ถูกคุมตัวลงมาจากรถม้าตะโกนสุดเสียงอย่างเป็นห่วงคุณหนูสาม
ทว่าสตรีที่ถูกเป็นห่วงกลับเดินลงมาพร้อมโจรกลุ่มนั้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่งสายตาดูเฉยชาราวโจรกลุ่มนี้เป็นเพียงสัตว์ตัวเล็ก ๆ ไร้พิษสงใด
"เจ้าคิดว่าพวกข้าไม่รู้หรือไรว่านี่คือบุตรีของแม่ทัพฟ่าง แต่ใครจะกลัว นี่คือกองโจรภูเขาเฟิงเสี้ยวที่แม้แต่บิดาของเจ้ายังปราบมิได้"
คิ้วสวยกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อกองโจรที่คุ้นหูนั้น
แซ่เฟิงที่นางได้มาก็มาจากชื่อของกองโจรภูเขาผู้เกรียงไกรเรื่องความเหี้ยมโหดเฟิงเสี้ยว เด็กขวางฆ่าเด็ก คนแก่ขวางฆ่าคนแก่ แม้แต่พระก็มิเว้น นั่นคือคำสอนสั่งของกองโจรนี้
"เฟิงเสี้ยวเกรียงไกร ใครขวางข้าฆ่า เด็ก คนบ้า พระ คนแก่ฆ่าไม่ปรานี ภูติผียังต้องหลบทาง"
"เจ้าท่องอะไร หนวกหู!"
หึ! แค่คำปลุกขวัญประจำกองโจรก่อนออกปล้นคนพวกนี้ยังไม่รู้จักยังคิดจะเอาชื่อเสียงเขามาแอบอ้างทำให้เสื่อมเสียชื่อกองโจรเฟิงเสี้ยวอีก
ถ้าหากประมุขกองโจรมาเห็นโทษของสามคนนี้มีเพียงแล่เอาเนื้อพวกมันตอนยังหายใจไปเก็บไว้เป็นอาหารของสุนัขล่าเนื้อตัวโปรดของประมุขเท่านั้น
"พวกเจ้ารับเงินมากี่ตำลึงกัน"
เฟิงซูเหยายกมือขึ้นเกาหางคิ้วด้วยท่าทางห้าวหาญ
อาถังหวั่นใจกับท่าทางยั่วโมโหของคุณหนูนางจนแทบจะเป็นลม
"เจ้าจะเสนอให้พวกข้าเยอะกว่าเพื่อเอาตัวรอดหรือไร"
หนึ่งในโจรกลุ่มนี้ถามขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะขบขัน
"ข้าให้พันตำลึงทอง"
"พะ พัน... พันตำลึงทอง"
หัวหน้าโจรถึงกับตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินจำนวนเงินมหาศาลที่เฟิงซูเหยาเสนอให้
เงินมากมายขนาดนั้นตายกี่ชาติพวกโจรกระจอกกลุ่มนี้ถึงจะหาได้
"เจ้าอย่ามาหลอกพวกข้าเพื่อหวังเอาตัวรอดเลย"
เงินก็หอมหวน แต่ใครจะไปรู้ว่าจะได้จริงดั่งที่ถูกเสนอมาหรือเปล่า ขอแข็งใจไว้สักหน่อยก่อนแล้วกัน
"คนอย่างฟ่างเซียนเซียนมิเคยพูดปด ไม่เชื่อเจ้าถามสาวใช้ข้าดู"
อาถังยังไม่เข้าใจว่าคุณหนูนางมีแผนการอันใด แต่สายตาดุดันที่มองมาทำให้อาถังเชื่อใจคุณหนูของนางจึงเอ่ย
"คุณหนูข้าพูดจริงทำจริง เงินแค่พันตำลึงทองยังไม่ถึงครึ่งของทรัพย์สินที่คุณหนูข้าครอบครองด้วยซ้ำ"
โจรกระจอกเริ่มสองจิตสองใจต่างพากันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
เฟิงซูเหยามองอาการเลิ่กลั่กของหัวหน้าโจรได้แต่ยิ้มในใจ
เงินซื้อได้ทุกสิ่ง แม้แต่คนที่ร่ำรวยอยู่แล้วยังต้องการเพิ่มกำลังทรัพย์ตนเอง เหตุใดพวกชั้นต่ำที่คงเคยจับแค่เงินไม่กี่อีแปะจะปฎิเสธข้อเสนอนาง
"อยู่ไหน เงินที่ว่าอยู่ไหน"
โจรอีกคนที่จับอาถังอยู่ถามเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น
"หลังรถม้านั่น หีบที่ใหญ่ที่สุด"
อาถังตาเบิกโต หีบนั้นบรรจุเพียงแค่เสบียงอาหารที่ไว้กินระหว่างเดินทาง คุณหนูนางพูดเช่นนี้มีแต่จะทำให้โจรพวกนี้โกรธ
"คุณหนู .."
"เจ้าไม่ต้องเสียดายแทนข้า ไปสิ ใครจะเป็นคนไปเอาเงินนั้นกับข้า"
หัวหน้าโจรรีบปรี่เข้ามาใช้กระบี่จ่อคอเฟิงซูเหยา ท่วงท่าน่าหวั่นว่าคมกระบี่จะบาดลำคอระหง แต่เฟิงซูเหยากลับไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ กับกระบี่ที่จ่อคอ นาง ค่อย ๆ เดินนำหัวหน้าโจรไปยังหลังรถม้า
"พวกเจ้าไม่ต้องตาม"
