บทที่ 6 6
“คุณกันต์ อย่าบอกนะคะว่าคุณจะซื้อกุหลาบ โอ๊ย ! ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะสนใจการประกวดกิ๊กก๊อกนี่ด้วย แต่ช่างเถอะค่ะ ตามใจคุณกันต์ล่ะกัน” หญิงสาวปล่อยมือจากแขนเขา ในขณะที่กันติทัตเหลือบมองไปทางเวที เห็นสาวไทยในชุดสีเหลืองมีดอกไม้เต็มสองมือแล้ว และหล่อนก็หันไปส่งดอกไม้ให้คนที่ถือถุงใบใหญ่รอรับ
“ขอ 50 ดอกครับ” เขาบอกความต้องการ และนั่นก็ทำให้คนขายถึงกับนิ่งอึ้ง แต่ก็ยอมขายให้แต่โดยดี
หลังจากจ่ายเงินแล้ว กันติทัตก็หอบกุหลาบเดินไปหน้าเวที ซึ่งผู้คนก็รีบหลีกทางให้ โดยทุกสายตาจับจ้องมองเขาอย่างสนใจว่าเขาจะให้กุหลาบแก่ใคร หรือจะแบ่งให้สาวงามทุกคนเลย
ชายหนุ่มเดินผ่านคนอื่น จนไปหยุดที่หญิงสาวในชุดห่มสไบสีเหลือง และทันทีที่สายตาสานสบกัน กันติทัตก็เย็นวาบไปทั้งร่าง แม้ว่าหล่อนจะเกล้าผมขึ้นสูง ใบหน้าแต่งแต้มสีสันอ่อนๆ แต่เขาก็จำได้ว่าหล่อนคือ…ผู้หญิงในฝันของเขา
เหมือนหล่อนจะมีปฏิกิริยาต่อต้านทันทีที่เห็นหน้าเขา เพราะหน้าหวานซีดเผือดทันตาเห็น หนำซ้ำดวงตายังวาววับราวแม่เสือ
“รับไปสิครับ” เขาพูด ดวงตายังไม่ยอมห่างจากวงหน้าสวย
หญิงสาวยังคงยืนนิ่งเฉย จนเขาต้องกระตุ้น
“รับไปสิครับ ทั้ง 50 ดอกเลย”
นั่นแหละ หล่อนถึงยอมยื่นมือมารับกุหลาบหลายสิบดอกจากเขาเหมือนจำใจ
ชายหนุ่มถอยห่างจากเวที ใจเต้นรัวเร็วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน…เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่านางในฝันจะมีตัวตนจริงๆ
หลังจากหมดเวลาให้ดอกไม้ว่าที่นางนพมาศทั้ง 17 คนแล้ว กรรมการก็นับดอกไม้ ก่อนประกาศชื่อผู้ที่จะได้ครองตำแหน่งนางนพมาศในปีนี้
“นางนพมาศขวัญใจหนุ่มๆในปีนี้ ได้แก่…นางสาวเมริน นราภัตติ ซึ่งมีดอกไม้ทั้งสิ้น 249 ดอก เยอะมากที่สุดเลยครับผม”
เสียงปรบมือดังสนั่น ส่วนกันติทัตยืนมองผู้ที่ได้ตำแหน่งนางนพมาศราวกับต้องมนต์สะกด จนคนที่มาด้วยชักจะไม่พอใจ
“คุณกันต์ ! อย่ามัวดูอะไรไร้สาระอยู่เลยค่ะ พัชว่าไปหาอะไรกินทางโน้นดีกว่า”
เหมือนเขาไม่ได้ยินคำพูดของพัชราด้วยซ้ำ เพราะใจมัวจดจ่ออยู่กับคนบนเวที หลังได้รับสายสะพายและเงินรางวัลแล้ว เมรินก็เดินเข้าหลังเวทีทันที เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
“คุณกันต์คะ…ไปหาอะไรทานเถอะค่ะ แล้วเมื่อกี้เสียเงินจ่ายค่าดอกไม้ไปตั้งเยอะ ไม่เสียดายบ้างเหรอไงคะ” หล่อนถามเสียงกระฟัดกระเฟียด และนั่นก็ทำให้กันติทัตสิ้นสุดความอดทน เพราะเขาหันมาตอบเสียงลอดไรฟันว่า
“เงินของผมนะคุณพัช ผมจะใช้ทำอะไรก็ได้ไม่ใช่เหรอ”
“ก็รู้แล้วค่ะว่าเป็นเงินของคุณ แต่ถ้าต้องเสียเงินไปเพราะเรื่องไร้สาระ พัชไม่เห็นด้วย”
“คุณพัช…!” ชายหนุ่มเรียกชื่อหล่อนหนักๆเป็นการเตือน และนั่นก็ทำให้หญิงสาวถึงกับหน้าเง้า รู้สึกขัดใจอย่างบอกไม่ถูกที่เห็นเขาซื้อกุหลาบไปให้ผู้หญิงคนนั้นมากมาย ทว่าหล่อนกลับไม่เคยได้รับดอกไม้จากเขาแม้แต่ดอกเดียว !
แต่จะว่าไป…ผู้หญิงคนนั้นก็หน้าตาคุ้นๆอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะชื่อเมริน
พัชรานิ่งคิดพักหนึ่ง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันอยู่ตลอดเวลา ก่อนจะเบิกตากว้าง ใจสั่นระรัวเมื่อนึกขึ้นได้
ไม่ผิดแน่ ผู้หญิงคนนั้นคือเมรินที่หล่อนเคยรู้จัก !
หล่อนจะให้กันติทัตพบหน้าเมรินอีกครั้งไม่ได้เป็นอันขาด !
เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว หญิงสาวจึงดึงแขนเขาออกมาจากบริเวณหน้าเวทีทันที “กลับกันเถอะค่ะคุณกันต์ พัชง่วงแล้ว”
“ง่วงเหรอ ? เพิ่งสามทุ่มเนี่ยนะคุณบ่นว่าง่วง ทั้งๆที่ปกติ ผมเห็นคุณนอนตี1 ตี 2โน่นไม่ใช่เหรอ”
“แต่…” พัชรากลอกตาขึ้นข้างบน แล้วพูดอีกว่า “แต่คุณเจซี่ไม่สบายไม่ใช่เหรอคะ เรารีบกลับกันดีกว่านะ”
ชายหนุ่มมีทีท่าลังเลเล็กน้อย ครั้นเหลือบมองไปทางเวทีก็พบเพียงความว่างเปล่า เขาจึงได้แต่ถอนใจ แล้วต่อรองว่า “งั้นขอลอยกระทงก่อนแล้วจะรีบกลับ”
“ได้ค่ะคุณกันต์” พัชรายิ้ม รีบพาเขาไปหาซื้อกระทงมาคนละใบกับหล่อน จากนั้นก็ก้าวลงตามขั้นบันไดจนถึงขั้นสุดท้ายเพื่อนำกระทงลอยลงแม่น้ำ แต่ทว่า…
“นั่นคุณจะทำอะไรน่ะ” กันติทัตถามอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นหล่อนเอาไม้เสียบกระทงของเขาและของหล่อนให้อยู่ติดกัน
“ก็ถ้ากระทงเราลอยคู่กัน หมายความว่าเราเป็นเนื้อคู่กันนี่คะ”
“คุณเลยเอาไม้มาเสียบกระทงของเราสองคนเนี่ยนะ ?”
“ไม่ดีเหรอคะคุณกันต์ เราจะได้คู่กันตลอดไปไงคะ” หญิงสาวทำเสียงอ้อน แต่เขากลับทำหน้าบึ้ง
“ไม่ได้ ! อย่าเล่นขี้โกงสิ” เขารีบดึงไม้ออกทันที
“เอ๊ะ ! จะดึงออกทำไมคะคุณกันต์”
“ต่างคนต่างลอยสิ เอาไม้มาเสียบแบบนี้ ผมไม่ชอบนะ”
“ก็ได้ค่ะ หึ” หล่อนทำหน้าปั้นปึ่ง แต่เขาไม่สนใจ ยกกระทงขึ้นจรดหน้าผากแล้วปล่อยให้ไหลตามกระแสน้ำ
ท่ามกลางความมืดมิดของราตรีกาลที่มีพระจันทร์ดวงใหญ่สีเหลืองนวลส่องแสงไปทั่ว ช่วยให้กระทงใบน้อยนับร้อยใบที่มีเทียนเล่มเล็กจุดสว่างดูโดดเด่น…ละลานตา
คนที่มาลอยกระทงริมแม่น้ำมีเยอะมาก จนเบียดพัชราเกือบกระเด็น เคราะห์ดีที่หล่อนยึดเอวของกันติทัตไว้ได้ทัน เสียงแหลมกรีดร้องวี๊ดๆจนเขาชักปวดหู
“ว้ายๆๆ พัชจะตกแล้วค่ะคุณกันต์ขา”
“ถ้ามันลำบากนักก็กลับกันเถอะ” เขาพูดตัดรำคาญ ทำท่าจะหันหลังกลับขึ้นตลิ่ง แต่ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงดังสนั่น
ตูม !
เป็นเสียงน้ำแตกกระเซ็นหนักหน่วง ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของผู้หญิง
“กรี๊ดดด ช่วยด้วยค่ะ ฉันว่ายน้ำไม่เป็น”
กันติทัตหันมองไปเบื้องหลัง เห็นหญิงคนดังกล่าวตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำในสภาพเปียกปอน สองแขนชูขึ้นเหนือศีรษะเพื่อขอความช่วยเหลือ
