บทที่ 13 สมาชิกใหม่

หลังจากที่ทุกคนเข้ามาในบ้านแล้วสองแฝดเพิ่งจะเห็นว่าในตะกร้า  ที่ท่านแม่ของพวกเขาสะพายอยู่นั้นมีก้อนอะไรกลม ๆ ขาว ๆ อยู่ ด้วยความสงสัยเจี้ยนเอ๋อร์จึงได้เอ่ยปากถามมารดาของตัวเองในสิ่งที่เขาสงสัยทันที

“ท่านแม่ขอรับท่านแม่ อะไรอยู่ในตะกร้าของท่านแม่หรือขอรับ   ขอข้าดูหน่อยได้หรือไม่ หรือว่าจะเป็นกระต่ายหรือขอรับ”

“อ่อ เจ้านี่หรือ มันชื่อเสี่ยวหลาง แม่ไปเจอมันอยู่ตัวเดียวในป่า   เลยพามันกลับมาด้วย ต่อไปนี้มันจะมาอยู่กับพวกเราเป็นสมาชิกในบ้าน  ของเรา ลูกต้องช่วยกันดูแลและห้ามรังแกมันเด็ดขาด”

“ว้าว หมาล่ะ ลูกหมาล่ะ เฉิงเอ๋อร์ชอบมันที่สุดเลยขอรับท่านแม่”

“เอาล่ะ ๆ ถ้าลูกชอบก็ดูแลมันให้ดี ๆ ล่ะ ไปอาบน้ำกันได้แล้ว”

“ขอรับ เสี่ยวหลางเจ้าก็ต้องอาบน้ำด้วยนะ ถ้าเจ้าไม่อาบน้ำเจ้าต้องไปนอนนอกบ้าน” เจี้ยนเอ๋อร์

“พวกเจ้ารออารองด้วย อารองไปอาบด้วยคน”

“ท่านแม่เจ้าคะวันนี้ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”

“เฟยเทียนอาการดีขึ้นไม่น้อย เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงนะ”

“เจ้าค่ะท่านแม่ วันนี้ข้าคุยกับท่านพ่อแล้ว ให้ว่าจ้างช่างจากในเมืองมาช่วยสร้างบ้านให้พวกเราอยู่ชั่วคราวไปก่อน น้องรองเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ข้าเองก็ไม่วางใจหากข้าหรือท่านพ่อและน้องรองไม่อยู่ ข้ากลัวว่า      ป้าสะใภ้จะมาหาเรื่องระรานท่าน อีกอย่างข้าคิดว่าฮุ่ยเหม่ยนางคงไม่ยอมจบง่าย ๆ หรอกเจ้าค่ะ นางคงต้องหาวิธีมาเอาคืนบ้านเราแน่”

“เฮ้อ แม่เองก็ไม่รู้ว่าเหตุใดทั้งลุงและป้าสะใภ้ของพวกเจ้าถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ นับตั้งแต่ท่านปู่ของพวกเจ้าจากไปดูเหมือนว่าท่านลุงของพวกเจ้าจะเปลี่ยนไปด้วย และยังมีท่านย่าของพวกเจ้าอีก หลังจากที่ท่านปู่ของพวกเจ้าจากไปไม่นานนางเองก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน บางครั้งทำกับพ่อของเจ้าเหมือนว่าเขาไม่ใช่ลูกของนาง แม่เองก็ไม่เข้าใจ”

“อย่าเก็บมาใส่ใจเลยเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านพ่อเองก็ทุกข์ใจมาตลอด ต่อไปนี้ครอบครัวเราจะต้องดีขึ้น ข้าสัญญา นี่เงิน 100 ตำลึงท่านแม่เก็บเอาไว้นะเจ้าคะจะได้ซื้ออาหารดี ๆ ไปให้ท่านพี่บำรุงร่างกาย”

“แม่ขอบใจเจ้ามากนะหลินเอ๋อร์ ลำบากเจ้าแล้ว”

“ข้าไม่ลำบากเจ้าค่ะ ข้ายินดีขอเพียงแค่ครอบครัวของเรามี     ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นก็พอแล้วเจ้าค่ะ”

ก่อนเวลาอาหารเย็นเล็กน้อยหยางเทียนฉีก็กลับมาถึงบ้าน หลังจากอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ถึงเวลาอาหารเย็นพอดี หลังจากจบ   มื้ออาหารแล้วทุกคนแยกย้ายกันไปพักผ่อน ฉีหลินพาลูก ๆ เข้านอนโดยมีเสี่ยวหลางตามเข้าไปนอนในห้องด้วย

วันนี้ทุกคนต่างเหนื่อยกันมามากแล้วจึงได้นอนเร็วกว่าปกตินิดหน่อย เพราะพรุ่งนี้พวกเขายังมีงานที่ต้องทำอีกมาก

เสี่ยวเฮยและเสี่ยวหู่ที่แอบตามฉีหลินมาตั้งแต่ป่าหมอก จนกระทั่งกลางดึกทั้งสองตัวจึงแอบเข้ามาในบ้านและเรียกให้เสี่ยวหลางเปิดประตูห้องให้พวกมันได้เข้ามาข้างใน เสี่ยวหลางได้แต่ส่งสายตาดูถูกไปให้สหายทั้งสองตัว

“ทำไมพวกเจ้ามาเอาป่านนี้ มัวไปทำอะไรอยู่ไม่ใช่มาถึงตั้งนานแล้วหรอกหรือ” เสี่ยวหลาง

“ข้ากลัวนางตกใจและคนในครอบครัวนางตกใจน่ะสิ เจ้าไม่ดูบ้างล่ะว่าข้าสองตัวเป็นตัวอะไร” เสี่ยวหู่

“นั่นสิไหนจะเจ้าเด็กเฟยจินจอมขี้ขลาดนั่นอีก ถ้าเกิดข้าสองตัวออกมาตั้งแต่ตอนกลางวันคาดว่าเจ้านั่นคงได้ตกใจตายไปน่ะสิ” เสี่ยวเฮย

“แล้วพวกเจ้าจะทำยังไงต่อ จะแอบอยู่ในนี้ก็ไม่ได้หรอกนะยังไง  ย่อมต้องมีคนเห็น” เสี่ยวหลาง

“เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ รอนางตื่นขึ้นมาก่อนพวกเราค่อยอธิบายให้นางฟัง ตอนนี้นอนก่อนเถอะข้าง่วงจะตายอยู่แล้ว” เสี่ยวเฮย

สามคนแม่ลูกไม่มีทางรู้เลยว่าตอนนี้ในห้องของพวกเขาไม่ได้มีเพียงเสี่ยวหลางเท่านั้น แต่ยังมีเสือขาวอีกหนึ่ง และงูดำมะเมื่อมอีกหนึ่งที่เข้ามานอนแออัดอยู่ในห้องของนาง

เสี่ยวหลางได้แต่ภาวนาว่าในตอนที่นางตื่นขึ้นมาในตอนเช้าหวังว่านางจะไม่ตกใจ และรับฟังสหายทั้งสองของมันเสี่ยวหลางได้แต่หวังว่านางจะไม่ตกใจกลัวจนเสียสติไปเสียก่อน

ตัวเสี่ยวหลางเองนั้นเป็นหมา นับว่าเป็นเรื่องปกติของชาวบ้านที่จะมีหมาเลี้ยงเอาไว้ในครอบครัว แต่งูกับเสือนี่สิ บ้านไหนเขามีกัน นางตื่นมา    ไม่ตกใจสิแปลก แล้วยังมีเจ้าหนูน้อยสองคนนั่นอีก เฮ้อ เรื่องวุ่นวายกำลัง   จะเกิดล่ะนะ

เช้าวันต่อมาฉีหลินตื่นตั้งแต่ยามอิ๋นวันนี้นางจะขึ้นไปวางกับดักในป่าอย่างน้อย ๆ ยังมีเนื้อสัตว์นำมาปรุงอาหารได้ ตอนนี้เงินในมือนางมีอยู่ก็จริงแต่ไม่สามารถเอาออกมาใช้ได้ทีละมาก ๆ จึงจำเป็นต้องเข้าป่าหาของป่าขายเพื่อเป็นการบังหน้า

ส่วนเงินในมิตินางจะค่อย ๆ นำออกมาใช้ ส่วนของกินของใช้ในมิติยังไม่สามารถนำออกมาใช้ในตอนนี้ได้ นางตั้งใจว่าจะเปิดอกคุยกับครอบครัวแบบจริงจังหลังจากรักษาอาการป่วยของสามีนางจนหายดีแล้ว

มันน่าอึดอัดใจเป็นอย่างมากที่จะต้องมาเก็บความลับเอาไว้จะทำอะไรก็ไม่สะดวกคอยหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ตลอดเวลา อีกอย่างนางต้องการส่งให้ลูกชายทั้งสองเข้าเรียนในสถานศึกษาในปีหน้า

ฉีหลินเดินออกจากห้องโดยที่ไม่ได้เอะใจเลยว่าในห้องของตัวเองนั้นมีสมาชิกเกินมาอีก 2 ตัว เพราะสองตัวนอนอยู่มุมห้องนางจึงไม่ทันเห็น

หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้วนางก็ขึ้นไปวางกับดักในป่าทันที จากนั้นก็เก็บผักป่ากลับมาด้วย ขากลับผ่านลำธารก็จึงแวะจับปลามาทำมื้อเช้าด้วย

ฉีหลินถึงตอนนี้นางก็ยังไม่รู้ว่าในห้องนอนของนางมีสมาชิกที่ไม่ได้รับเชิญเพิ่มมาอีก 2 ตัว จนกระทั่งนางกลับมาจากวางกับดักในป่าหลังจากแวะเอาปลาไปให้แม่สามีทำมื้อเช้าแล้ว

ฉีหลินเดินตรงมายังห้องนอนของนางที่มีลูกชายทั้งสองคนนอนอยู่ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เปิดประตูเข้าไปด้านในกลับได้ยินเสียงลูกชายทั้งสอง หัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปนางแทบจะล้มทั้งยืนกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ตอนนี้ลูกชายของนางอีกคนกำลังนั่งอยู่บนหลังเสือ อีกคนกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับงูดำตัวใหญ่เกือบจะเท่าตัวของลูกชายของนาง

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น เจี้ยนเอ๋อร์ลงมาลูก เฉิงเอ๋อร์ถอยออกมา ทำไมมีงูและเสืออยู่ในบ้าน พวกมันมาจากไหน”

“ท่านแม่ข้าไม่รู้ขอรับข้าตื่นขึ้นมาพวกมันก็อยู่ในห้องแล้ว แต่    พวกมันไม่กัดนะขอรับพวกมันน่ารักมากเลย ข้าชอบมากเลยขอรับ ท่านแม่เลี้ยงพวกมันได้หรือไม่ขอรับ นะท่านแม่นะขอรับ เลี้ยงนะขอรับ”

“หยุด ๆ ขอแม่ตั้งสติหน่อย หืมหรือว่าเสียงที่เราได้ยินเมื่อวาน    จะเป็นเจ้าสองตัวนี้คุยกัน”

“เสี่ยวหลาง พูดมาเจ้าสองตัวนี้มาจากไหน” ฉีหลินถามเสี่ยวหลางผ่านกระแสจิต

“ท่านเทพส่งมาไง ผู้ช่วยของเจ้า ถ้าไม่มีอะไรแล้วข้านอนก่อนนะ  ยังง่วงอยู่เลย”

“ท่านแม่ตกลงว่าให้พวกมันอยู่กับเราได้ใช่หรือไม่ขอรับ”

“เอาเถอะ ๆ ไหน ๆ พวกมันก็มาแล้ว ก็เลยตามเลยก็แล้วกัน แต่แม่กลัวว่าท่านย่ากับท่านอาของพวกเจ้าจะตกใจเอาน่ะสิ พวกเจ้าสองตัวน่ะ   ทำตัวให้มันเล็กลงกว่านี้หน่อยได้หรือไม่”

“ย่อมได้อยู่แล้ว” เสี่ยวหู่

จากนั้นเสี่ยวหู่และเสี่ยวเฮยก็ย่อขนาดตัวลงให้มีขนาดเล็ก เสี่ยวหู่นั้นหากมองเผิน ๆ มันเหมือนแมวตัวหนึ่งเท่านั้น แต่เสี่ยวเฮยยังเป็นงูดำอยู่เหมือนเดิม

ฉีหลินได้แต่หวังว่าพ่อแม่และน้องของสามีจะไม่ตกใจจนเป็นลม   ล้มพับหรอกนะ แล้วนี่นางจะทำยังไงดีกับเจ้าพวกนี้กัน หากพ่อแม่สามีถามนางจะหาคำตอบยังไงดี จะให้ตอบว่า “อ๋อ มันตามข้ามาจากป่าหมอก     เจ้าค่ะ” แบบนี้ก็ไม่ได้อีกใครจะไปเชื่อกัน

“ลุกขึ้นไปล้างหน้าได้แล้ว ส่วนพวกเจ้าตามข้ามา เสี่ยวหลางตื่น   ได้แล้ว”

หลังจากจัดการความวุ่นวายภายในห้องนอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว     ฉีหลินเดินนำหน้าทั้งสามตัวออกมาจากห้องนอนและให้พวกมันรออยู่ที่   ห้องโถงก่อน จากนั้นนางจึงไปจัดการลูกชายของนางให้ล้างหน้าแปรงฟัน

หยางเฟยจินที่กลับมาจากการรดน้ำแปลงผักหลังบ้านเดินเข้ามาในห้องโถงสายตาของเขาเหลือบไปเห็นเสี่ยวเฮยที่กำลังชูคอคุยกับสหายทั้งสองอย่างออกรสออกชาติ เขาถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ

“เฮ้ย งู ท่านแม่ ท่านพ่อ งู ขอรับงู ในบ้านมีงูขอรับ”

“อะไร งูอะไร งูที่ไหน เจ้าตาฝาดไปหรือเปล่า” หยางเทียนฉีวิ่ง  หน้าตั้งเข้ามาในห้องโถง

“งูจริง ๆ ขอรับท่านพ่อ นั่นขอรับมันอยู่นั่น เห้ย นอกจากจะมีงูแล้วยังมีแมวอีกด้วย พวกมันมาจากไหนกัน”

“เจ้าไปเอาไม้มา พ่อจะไล่มันออกไปเอง เดี๋ยวจะเป็นอันตรายกับ คนในบ้าน”

“ขอรับท่านพ่อ”

เสียงร้องเอะอะโวยวายแตกตื่นของสองพ่อลูก ฉีหลินคิดว่าพวกเขาคงเจอเจ้าพวกนั้นอยู่ในบ้านเป็นแน่ ก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้นนางจึงต้องรีบไปห้ามทัพก่อน

ยังไม่ทันที่เฟยจินจะได้เอาไม้มาตามที่บิดาสั่ง ฉีหลินรีบเดินเข้ามาในบ้านทันที ส่วนเด็กน้อยทั้งสองนั้นรีบวิ่งมาด้วยเช่นเดียวกันพวกเขาอยากจะเล่นกับเพื่อนใหม่ทั้งสามตัว

“ท่านพ่อเจ้าคะ เกิดอะไรขึ้นข้าได้ยินเสียงดังไปถึงข้างนอก”

“ลูกสะใภ้เจ้าพาลูก ๆ ของเจ้าออกไปก่อน ในบ้านมีงู”

“อ่อ งู เสี่ยวเฮยหรือเจ้าคะ”

“นี่ลูกสะใภ้ เจ้าเรียกเจ้างูนั่นว่าเสี่ยวเฮยหรือ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ เมื่อวานเจ้าไม่ได้เก็บแค่หมาป่ากลับมาใช่หรือไม่ อย่าบอกว่าเจ้าเก็บเอางูและแมวป่ากลับมาด้วยน่ะ”

“เป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะท่านพ่อ แต่พวกมันไม่ทำอันตรายพวกเราหรอกนะเจ้าคะ ท่านพ่อวางใจได้ แต่ถ้าเป็นคนอื่นที่คิดร้ายกับพวกเราก็ไม่แน่    เจ้าค่ะ”

“เจ้าบอกความจริงพ่อมา เมื่อวานพวกเจ้าเข้าป่าลึกใช่หรือไม่”

“เจ้าค่ะท่านพ่อ ข้าขอโทษที่ต้องโกหกนะเจ้าคะ ทีหลังข้าไม่กล้าพาน้องรองเข้าป่าลึกอีกแล้วเจ้าค่ะ”

ฉีหลินแถจนสีข้างถลอกหมดแล้ว ว่าจะพูดให้พ่อแม่สามีและน้อง ๆ ของสามีวางใจได้เล่นเอานางคอแหบแห้งไปหมด ส่งตัวช่วยมาให้นางทั้งที    ก็เหมือนกับจะกลั่นแกล้งนางไม่รู้ว่าเทพที่อยู่ข้างบนนั่นมีความแค้นอะไร   กับนางนักหนา

นางสิจะต้องแค้นนัดกันไว้ 7 วัน แต่พอมาวันที่ 3 กลับตายก่อน   ซะได้ ยังดีที่นางซื้อของจนครบหมดแล้วไม่เช่นนั้นล่ะก็นางจะไม่มีทางยอมง่าย ๆ เป็นแน่

หลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายไปแล้วทุกคนในบ้านก็เริ่มลงมือกินมื้อเช้าและยังมีส่วนแบ่งของทั้งสามตัวด้วย ในตอนแรกเฟยจินค่อนข้างที่จะกลัวเสี่ยวเฮย แต่ไป ๆ มา ๆ กลับตัวติดกันไปเสียอย่างนั้น ส่วนเสี่ยวหู่ก็ทำตัวออดอ้อนท่านแม่สามีของนาง

เสี่ยวหลางกลายเป็นม้าให้ลูก ๆ ของนางขี่หลัง การมีพวกสามเสี่ยวมาอยู่ด้วยนับว่าเป็นเรื่องดี จะได้ป้องกันสองแม่ลูกบ้านใหญ่หากวันไหน  พวกนางกลับมาระรานคนในบ้าน นางก็จะให้เจ้าพวกนี้จัดการทันที

บทก่อนหน้า
บทถัดไป