บทที่ 14 หลี่กุ้ยฮัวรนหาที่

หลังจากผ่านเหตุการณ์อันแสนวุ่นวายไปแล้วทุกคนถึงได้เริ่มลงมือกินมื้อเช้า หลังจากจบมื้ออาหารเช้าวันนี้ฉีหลินจะเป็นคนไปเยี่ยมสามีของนางที่โรงหมอส่วนน้องชายน้องสาวทั้งสองคนจะอยู่ช่วยกันเก็บของที่จำเป็นใส่หีบ ถึงเวลาย้ายออกไปจะได้ง่ายขึ้น

แม่สามีวันนี้จะอยู่เลี้ยงหลานที่บ้าน ตอนนี้บ้านสายรองไม่จำเป็นต้องไปทำงานในแปลงนา เพราะพวกเขาไม่ได้ส่วนแบ่งที่นา ส่วนข้าวที่ปลูกไปแล้วพอถึงเวลาเก็บเกี่ยวบ้านใหญ่ก็คงจะไม่แบ่งให้พวกเขาอยู่แล้ว

ในเมื่อไม่มีส่วนแบ่งเป็นของตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องไปลงแรงให้เปล่าประโยชน์ ลูก ๆ ของนางวันนี้ดูพวกเขาจะมีความสุขมากในบ้านมีแต่เสียงหัวเราะเพราะมีเพื่อนใหม่ถึงสามตัว

เสี่ยวเฮยนั้นทำตัวเองให้เป็นเก้าอี้เพื่อให้เฉิงเอ๋อร์นั่ง ส่วนเสี่ยวหู่นั้นนอนมองเจี้ยนเอ๋อร์ขี่หลังเสี่ยวหลาง บางครั้งมันก็ให้เจี้ยนเอ๋อร์ขี่หลังมันบ้าง แต่เพราะกลัวจะมีคนเห็นว่ามันเป็นเสือมันจึงได้เพียงย่อขนาดให้เท่ากับ    ลูกแมวและไปตามออดอ้อนแม่สามีเพื่อขอของกิน

“เสี่ยวเฮยเราไปหาท่านย่าที่ห้องครัวกันเถอะ” เสียงเล็ก ๆ ของ   เฉิงเอ๋อร์ชวนสหายตัวใหม่เพื่อไปขอขนมท่านย่ากิน

“ใช่แล้ว เสี่ยวหลางเราเองก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวเสี่ยวหู่จะกินขนมที่ท่านย่าทำไปหมดเสียก่อน” เจี้ยนเอ๋อร์เองก็เห็นด้วย

ทำให้ตอนนี้ที่ห้องครัวแออัดไปด้วยสองเด็กและสามตัว เดิมทีห้องครัวก็คับแคบอยู่แล้วแต่พอเจ้าพวกนี้เข้ามาอัดกันอยู่ในนี้อีก ทำเอา   นางฟางถึงกับปวดหัวไปเลยทีเดียว

“พวกเจ้าออกไปเล่นรอข้างนอกก่อน ประเดี๋ยวย่าทำเสร็จแล้วจะไปเรียก หากพวกเจ้ามาอยู่กันเสียที่นี่หมดมันเกะกะย่าเข้าใจหรือไม่”

“ขอรับท่านย่า น้องรองเราออกไปกันเถอะ พวกเจ้าด้วยตามออกมาให้หมด” เฉิงเอ๋อร์รีบบอกให้ทุกคนออกจากห้องครัว

“ท่านแม่มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่” เยว่เล่อที่กลัวเสี่ยวเฮยขึ้นใจ    รีบเข้ามาในห้องครัวทันที ที่พวกนั้นยกโขยงกันออกไป

“ไม่มีหรอกเจ้าไปปักผ้าต่อเถอะ งานในบ้านก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว หรือจะขึ้นเขาไปดูกับดักกับพี่ชายพี่สะใภ้เจ้าก็ตามใจ จากนั้นเจ้ากับพี่ชายเจ้าค่อยมาช่วยแม่เก็บของ”

“เจ้าค่ะท่านแม่ เช่นนั้นข้าตามพี่สะใภ้ไปดูกับดักดีกว่าเจ้าค่ะ”

“ตามใจเจ้าเถอะ”

นางฟางมองตามหลังลูกสาวคนเล็กออกจากห้องครัวไป หากสามีของนางไม่แยกบ้านนางกลัวว่าลูกสาวของนางคงไม่ได้แต่งออกไปดี ๆ แน่

พี่สะใภ้จะต้องหาบ้านสามีที่แย่ ๆ ให้กับลูกสาวของนาง ขอบคุณสวรรค์ในที่สุดสามีของนางก็ตาสว่างเสียที ไม่ใช่เอาแต่ก้มหน้ากตัญญูและยึดถือคำสั่งเสียของมารดาที่ไม่เคยรักเขาเลย

ฉีหลินเตรียมตัวขึ้นไปดูกับดักที่วางเอาไว้ โดยมีน้องสามีทั้งสองคนตามไปด้วย หลังจากไปตรวจดูกับดักเสร็จแล้ว นางถึงจะเข้าเมืองไปเยี่ยมสามีที่โรงหมอ

ทั้งสามคนเดินออกจากบ้านเดินมุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านยังไม่ทันจะถึงชายป่า อยู่ ๆ หลี่กุ้ยฮัวที่ไม่รู้มาจากไหน กระโดดออกมาขวางทางฉีหลินเอาไว้

“หยุด เจ้ายังไปไหนไม่ได้ จนกว่าเจ้าจะตอบคำถามข้า”

“หลี่กุ้ยฮัว เจ้าต้องการอะไร มาขวางทางข้าทำไม”

“เจ้าบอกมานะ ว่าเจ้าพาพี่เฟยเทียนไปรักษาที่ไหน”

“เรื่องของสามีข้า ข้าไม่จำเป็นต้องบอกให้เจ้ารู้ ทำไมเจ้าไม่เอาเวลาที่มีอยู่ไปหาชายหนุ่มแต่งงานด้วยสักคน เจ้าเองก็อายุ 18 ถือว่าไม่น้อยแล้ว ยังจะมาไล่ตามสามีคนอื่นอยู่ทำไม”

“เจ้าไม่ต้องมายุ่งเรื่องของข้า ข้าจะแต่งให้ใครหรือไม่แต่งมันก็เรื่องของข้า เจ้ามีหน้าที่ตอบคำถามของข้าก็พอ”

“จิ๊ จิ๊ ๆ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร แล้วเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหน ถามหาสามีของคนอื่นช่างไร้ยางอายสิ้นดี”

“หากเจ้าไม่ตอบอย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกันดูสิว่าข้าจะการกับเจ้ายังไง”

“หืม นอกจากเจ้าจะหน้าหนาอยากเข้าหาสามีของคนอื่นแล้ว เจ้ายังไร้ยางอายอีกด้วย ถึงเจ้าไม่อายแต่ให้เห็นแก่หน้าบิดามารดาของเจ้าด้วย    ไม่คิดหรือว่าพวกท่านจะอาย พ่อแม่เจ้าทำงานอยู่ในแปลงนา นอกจากเจ้าจะไม่ช่วยแล้วเจ้ายังวิ่งแล่นมาถามหาสามีชาวบ้าน ช่างหน้าหนาจริง ๆ”

“หุบปาก ข้าไม่ต้องการความเห็นจากเจ้า ตกลงเจ้าจะไม่บอก      ใช่หรือไม่”

“แล้วทำไมข้าถึงต้องบอกเจ้าด้วย”

“พี่กุ้ยฮัว ข้าว่าท่านเลิกคาดคั้นกับพี่สะใภ้ของข้าจะดีกว่า พี่ใหญ่เองก็ไม่เคยพูดกับท่านเลยสักครั้ง พี่ใหญ่ไม่ใช่เคยบอกท่านไปแล้วหรอกหรือว่า พี่ใหญ่ไม่ได้มีใจให้ท่าน ไม่มีใจชอบพอท่าน เหตุใดท่านถึงไม่ยอมเลิกรา    เสียที”

หยางเยว่เล่อพูดออกมาพลางแอบหลังพี่สะใภ้อย่างฉีหลินด้วยความหวาดกลัวหลี่กุ้ยฮัว

ทันทีที่หลี่กุ้ยฮัวได้ฟังสิ่งที่เยว่เล่อพูดออกมา นางรู้สึกยอมรับไม่ได้ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงก็ตามที นางเองหลงรักหยางเฟยเทียนมาตั้งแต่นางยังเด็ก แต่หวังฉีหลินผู้หญิงน่าตายคนนี้กลับมาตัดหน้านางไปเสียก่อน

“หยางเยว่เล่อ เจ้าหุบปากของเจ้าไปเดี๋ยวนี้ ฮุ่ยเหม่ยน่าจะจับเจ้า ไปขายที่หอนางโลมจะได้ไม่ต้องมาปากดีเช่นนี้ น่าจะขายเจ้าไปเสียก่อนที่จะแยกบ้าน”

“หลี่กุ้ยฮัว นอกจากตาของเจ้าจะมืดบอดแล้ว จิตใจของเจ้ายัง    มืดบอดด้วย มิน่าล่ะเจ้าถึงได้คบหากับฮุ่ยเหม่ยเป็นสหายกัน ว่ากันว่าคนเลวเหมือน ๆ กันย่อมคบค้าสมาคมกันได้ ถ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วหลีกทางไปเสียเวลาทำมาหากิน ลมตะวันออกมันกินไม่อิ่มหรอกนะจะบอกให้”

“ตกลงจะไม่บอกใช่หรือไม่”

“ข้าก็บอกไปแล้วเรื่องของสามีข้า ทำไมข้าจะต้องเอามาบอกเจ้าด้วย หลบไปเสียทีทำตัวเป็นชะนีร้องหาผัวอยู่ได้ ที่สำคัญผัวชาวบ้านด้วย       หน้าไม่อาย”

“กรี๊ด กรี๊ด ๆ นังฉีหลิน” หลี่กุ้ยฮัวพุ่งเข้าใส่ฉีหลินแต่ยังไม่ทันได้ถึงตัวก็โดนฉีหลินยกเท้าถีบออกมาเสียก่อน หลี่กุ้ยฮัวคงลืมไปแล้วว่าเมื่อวันก่อนนางเองทำอะไรฉีหลินไม่ได้เลย

ไม่ต้องให้มีใครพูดอะไรฉีหลินกระชากผมของหลี่กุ้ยฮัวขึ้นมาและจัดการตบไม่ยั้งจนตอนนี้หน้าของนางบวมเหมือนหัวหมู ฉีหลินถึงได้หยุด

“วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน หากเจ้ายังมาเสนอหน้าให้ข้าเห็นอีก จำเอาไว้ว่าข้าจะหักขาเจ้า จำเอาไว้”

หลังจากที่ฉีหลินเดินออกจากหมู่บ้านมุ่งหน้าเข้าป่าไปได้ไม่นาน ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้พากุ้ยฮัวกลับไปส่งบ้านของนางมีบางคนวิ่งไปตามพ่อแม่ของนางที่แปลงนาเพื่อให้มาดูลูกสาวของตน

“ลุงหลี่ ๆ ท่านลุงหลี่ แย่แล้วขอรับ แย่แล้ว”

“เจ้าจะร้องโวยวายหาอะไรโกวต้าน ใครเป็นอะไร” หลี่กุ้ยจื่อ

“ก็กุ้ยฮัวน่ะสิ นางไปหาเรื่องสะใภ้บ้านหยางเมียของเฟยเทียนน่ะขอรับ”

“ห๊ะ อะไรนะ นี่นังลูกไม่รักดีกะจะให้ข้าไม่มีหน้าเดินออกไปไหนเลยหรือยังไง ทุกวันนี้ข้าแทบจะเอาตะกร้าคลุมหัวเดินออกจากบ้านแล้วนะ”

“ข้าว่าท่านรีบกลับไปดูนางเถอะ โดนหวังฉีหลินทุบตีจนข้าแทบจำหน้านางไม่ได้อยู่แล้ว”

“เหอะ รนหาที่เอง ข้าเตือนนางไปหลายรอบแล้ว แต่นางไม่ฟังข้าเลย มันเป็นเพราะเจ้านั่นแหละที่ให้ท้ายลูก งามหน้าขนาดนี้ก่อเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้ เจ้ากลับไปจัดการลูกสาวตัวดีของเจ้าเองเถอะ และรีบ ๆ ให้นางแต่งออกไปได้แล้วอย่าให้นางมาทำให้ครอบครัวขายขี้หน้าคนอื่นแบบนี้”

“ท่านพี่ กุ้ยฮัวนางเป็นลูกของท่านนะเจ้าคะ ทำไมท่านพี่พูดจา  แบบนี้ล่ะเจ้าคะ” นางเฉินแม่ของหลี่กุ้ยฮัวหันไปตวาดสามี

“เจ้าไม่ต้องมาพูดมาก หากเจ้าจัดการนางไม่ได้ข้าจะหย่ากับเจ้า   วัน ๆ ไม่เคยช่วยงานในแปลงนา ดีแต่ทำเรื่องขายขี้หน้าไปวัน ๆ”

ฉีหลินไม่ได้สนใจว่าครอบครัวหลี่กุ้ยฮัวจะวุ่นวายหรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น นางมุ่งหน้าเดินไปตรวจดูกับดักที่นางวางเอาไว้ ครั้งนี้นางได้กระต่ายป่า 5 ตัว ไก่ฟ้า อีก 6 ตัว เมื่อตรวจดูกับดักครบหมดทุกอันแล้ว ถึงได้กลับบ้าน

“พี่สะใภ้ จะเอาไปขายเลยหรือไม่เจ้าคะ”

“ใช่ แต่พี่จะแบ่งไก่เอาไว้ให้ท่านแม่ทำอาหาร 2 ตัว พี่ใหญ่ของเจ้ายังต้องบำรุงร่างกาย ส่วนที่เหลือพี่จะเอาไปขาย และจะแวะเยี่ยมพี่ใหญ่  ของเจ้าด้วย”

“พี่สะใภ้ขอรับ ท่านเข้าเมืองก็ระวังตัวหน่อยนะขอรับ ข้ากลัวว่าท่านป้าสะใภ้กับพี่ฮุ่ยเหม่ยจะคิดวางแผนอะไรไว้”

“ขอบใจนะเฟยจิน ข้าจะดูแลตัวเองให้ดี”

“ขอรับ เช่นนั้นเรารีบกลับบ้านกันเถอะ พี่สะใภ้จะได้รีบเข้าเมือง”

“พวกเจ้าอยู่บ้านช่วยท่านแม่เก็บของให้ดี ยังมีเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะเข้าฤดูหนาว วันนี้ท่านพ่อคงให้ช่างมาสร้างบ้านให้พวกเราอยู่ชั่วคราวก่อน”

“ขอรับพี่สะใภ้ วางใจได้เลยขอรับข้าจะช่วยท่านแม่เก็บของให้เรียบร้อย”

“อืม เยว่เล่อเจ้าอย่าออกมานอกบ้านเด็ดขาด หากไม่มีพี่รอง     หรือท่านแม่ไปด้วย หากพี่และท่านพ่อไม่อยู่บ้านเจ้าอย่าได้ออกนอกบ้าน       เป็นเด็ดขาด หากมีความจำเป็นจริง ๆ ให้เรียกเสี่ยวหลางไปด้วยเข้าใจหรือไม่”

“เข้าใจเจ้าค่ะพี่สะใภ้”

ทั้งสามคนเดินกลับมาถึงบ้านก็พอดีกับที่นางฟางเตรียมน้ำแกงปลาเสร็จพอดี ฉีหลินเอาไก่ 2 ตัว ให้น้องสามีเอาไปเก็บไว้ในบ้าน

ส่วนนางรับเอาตะกร้าน้ำแกงและเดินออกจากบ้านเพื่อนั่งเกวียนรับจ้างของหมู่บ้านเข้าเมืองทันที ฉีหลินนำไก่ป่าและกระต่ายป่ามาส่งที่ร้านรับซื้อสัตว์ป่า กระต่ายป่า 5 ตัว คิดเป็นเงิน 250 อิแปะ ไก่ 4 ตัว คิดเป็นเงิน 120 อิแปะ

หลังจากขายกระต่ายและไก่เสร็จแล้วนางมุ่งหน้าไปที่โรงหมอทันที เมื่อนางมาถึงสามีของนางตื่นแล้วตอนนี้เขานั่งพิงหัวเตียงเพื่อรอกินมื้อเที่ยง ท่านหมอที่รักษาสามีของนางแจ้งว่าสามารถนำเขากลับไปรักษาที่บ้านได้แล้วหากต้องการ ทางโรงหมอจะคืนเงินที่เหลือให้

“แม่นางมาเยี่ยมสามีของเจ้าหรือ”

“คารวะท่านหมอเจ้าค่ะ ใช่เจ้าค่ะ อาการสามีข้าเป็นเช่นไรบ้าง   เจ้าคะ”

“นับว่าดีมากเลยทีเดียวร่างกายของสามีเจ้าฟื้นตัวได้ดี หากจะพากลับไปรักษาและพักฟื้นที่บ้านก็ย่อมทำได้ หรือหากจะให้อยู่รักษาที่นี่        ก็สุดแล้วแต่แม่นางจะสะดวก หากกลับไปรักษาต่อที่บ้านทางเราจะคืนเงิน   ที่เหลือให้”

“ขอบพระคุณเจ้าค่ะท่านหมอ ข้าขอปรึกษากับสามีสักครู่ ได้เรื่องยังไงแล้วข้าจะมาแจ้งท่านหมออีกทีนะเจ้าคะ”

“ได้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”

“ท่านพี่ ท่านอยากกลับบ้านหรืออยากอยู่รักษาที่นี่ต่อเจ้าคะ”

“พี่อยากกลับบ้าน พี่คิดถึงเจ้ากับลูก ๆ”

“เช่นนั้นท่านพี่กินน้ำแกงปลาเสียก่อนเจ้าค่ะ ท่านแม่เตรียมมาให้ท่าน ตอนนี้ที่บ้านท่านแม่กับน้อง ๆ เริ่มเก็บของเตรียมเอาไว้แล้ว วันนี้ท่านพ่อน่าจะจ้างช่างในเมืองไปสร้างบ้านที่หมู่บ้านป่าหมอก ข้าบอกท่านพ่อให้ช่างทำบ้านแค่พออยู่ได้ให้พวกเราอยู่ไปก่อน จากนั้นค่อยสร้างบ้านอีกหลัง”

“ขอบใจน้องมากนะหลินเอ๋อร์ ขอบใจที่ไม่ทิ้งพี่กับลูกไปไหน”

“ท่านพี่พูดอะไร ข้าจะทิ้งท่านไปได้เช่นไรเจ้าคะ ไม่ต้องพูดแล้ว   เจ้าค่ะ ท่านรีบดื่มน้ำแกงเถอะเจ้าค่ะ”

“อืม มีใครมารังแกเจ้าอีกหรือไม่”

“ใครจะกล้ามารังแกข้ากันเจ้าคะ ข้าตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่จะยอมให้ใครมารังแกเอาได้ง่าย ๆ”

“เป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว ต่อไปเราไม่จำเป็นต้องอดทนอะไรอีกแล้ว   โชคดีที่ท่านพ่อตาสว่างเสียที เฮ้อ”

“คิก ๆ ท่านพี่พูดเหมือนท่านแม่เลยเจ้าค่ะ ว่าโชคดีที่ท่านพ่อ      ตาสว่างเสียที เช่นนั้นท่านพี่ดื่มน้ำแกงรอข้าไปก่อน ข้าจะไปว่าจ้างเกวียน  มารับท่านพี่กลับบ้านและจะไปแจ้งท่านหมอด้วย”

“อืมไปเถอะ พี่จะรอเจ้ามารับ”

“จริง ๆ แล้ว ข้าอยากซื้อเกวียนวัว แต่เอาไว้รอให้เราย้ายบ้านเสร็จก่อนค่อยซื้อเกวียนวัวเจ้าค่ะ”

“ได้ ๆ ตามใจเจ้า เจ้าอยากทำอะไรพี่เห็นด้วยทุกเรื่อง”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป