บทที่ 18 ความลับของหยางเฟยเทียน
หลังจากที่จับปูจับปลาจับกุ้งกันจนพอใจแล้ว สามเสี่ยวลงเล่นน้ำอย่างสนุกสนานฉีหลินนึกได้ว่ายังไม่ได้ขุดบ่อน้ำเอาไว้ใช้สอยเลย จะพึ่งพาเพียงแค่น้ำจากลำธารไม่ได้ อีกทั้งนางต้องการที่จะเปลี่ยนน้ำในบ่อให้เป็นน้ำพลังวิญญาณโดยการนำน้ำพุวิญญาณในมิติมาเติมลงไป
เมื่อกลับจากจับปลาที่ลำธารแล้วนางจึงปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อสามีและสามีทันที บ่อน้ำที่นางต้องการคือ บ่อน้ำขนาดใหญ่ 1 บ่อ และบ่อน้ำสำหรับใช้สอยในบ้าน 1 บ่อ นางคิดว่าจะจ้างชาวบ้านในหมู่บ้านมาช่วยขุดให้
“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้ามีเรื่องจะปรึกษาเจ้าค่ะ ท่านพี่ด้วยนะเจ้าคะ”
“มีเรื่องอะไรหรือหลินเอ๋อร์” เฟยเทียนถามภรรยาออกมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ข้าต้องการขุดบ่อน้ำขนาดใหญ่ในที่ดินของเราเจ้าค่ะ และบ่อน้ำสำหรับใช้สอยในบ้านอีก 1 บ่อ ข้าอยากให้ท่านพ่อไปว่าจ้างชาวบ้านมาช่วยขุดเจ้าค่ะ เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปตักน้ำที่ลำธารเจ้าค่ะ”
“ดีเหมือนกัน เช่นนั้นหลังกินมื้อเที่ยงแล้วพ่อจะเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อพูดคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านเรื่องการจ้างงานก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ ฝากด้วยนะเจ้าคะ”
“ไม่เป็นไรไม่ได้ลำบากอะไร พวกเจ้าเอาปลาไปให้แม่ของเจ้าทำเถอะจะได้รีบกินข้าว ดูท่าพวกเจ้าแฝดหิวจนจะกินปลาดิบแล้ว น้ำลายยืดเสียขนาดนั้น”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ”
“ท่านแม่ขอรับแล้วจะทำปลากระดองแข็งกับปลาเปลือกแข็งหรือไม่ขอรับ เสี่ยวหู่บอกว่ามันอยากกินมาก” เจี้ยนเอ๋อร์
“เจ้าเด็กหน้าเหม็น เจ้าอยากกินเองแล้วทำไมถึงกล้าเอาข้าไปกล่าวอ้างกันเล่า อีกอย่างข้าไม่เคยพูดกับเจ้าสักคำ ครึ่งคำก็ไม่มี” เสี่ยวหู่มองบนใส่เจี้ยนเอ๋อร์
“เอาล่ะ แม่รู้ว่าเจ้าอยากกิน เจ้าแค่บอกว่าเจ้าอยากกินก็พอไม่ต้องเอาคนอื่นมาอ้าง เข้าใจหรือไม่ เกิดเป็นคนต้องซื่อสัตย์เข้าใจหรือไม่”
“ขอรับท่านแม่ ข้าขอโทษขอรับ ข้าขอโทษเจ้าด้วยนะเสี่ยวหู่”
เมื่อฉีหลินเห็นว่าลูกชายรู้จักขอโทษเมื่อทำผิดนางจึงไม่ได้ต่อว่าเขาอีก นางเดินเข้าครัวเพื่อไปช่วยแม่สามีทำมื้อเที่ยงโดยทิ้งให้สามีของนางอยู่กับลูกชายและพวกสามเสี่ยว เสี่ยวเฮยนึกอยากจะแกล้งเฟยเทียนขึ้นมา เพราะมันรู้ว่าเฟยเทียนนั้นยังทำใจไม่ค่อยได้เวลาเห็นพวกมัน เขายังมี ความกลัวอยู่บ้าง
“อะไรเจ้าจ้องหน้าข้าทำไม ไม่ต้องเข้ามาใกล้ข้าเลยเสี่ยวเฮย ออกไปไกล ๆ ข้าเลยนะ” เฟยเทียนร้องออกมาเสียงหลงเมื่อเสี่ยวเฮยเลื้อยเข้ามา ใกล้ ๆ เขาแถมยังกลายร่างเสียใหญ่โตอีกด้วย
“หยุดข้าบอกให้หยุดอย่าเข้ามายังไงเล่า ตัวของเจ้าใหญ่ขนาดนี้ คิดจะเลื้อยมาทับข้าให้ตายเลยหรือไง เจี้ยนเอ๋อร์ เฉิงเอ๋อร์ เอาเพื่อนเล่น ของลูกออกไปห่าง ๆ พ่อ”
“ท่านพ่อ เสี่ยวเฮยแค่อยากเล่นกับท่านพ่อเองนะขอรับ เสี่ยวเฮยออกจะนิสัยดี”
“พามันออกไปเถอะ ตอนนี้ก็รู้จักกันแล้ว พวกลูกก็บอกให้มันอยู่ ห่าง ๆ พ่อก็พอ”
“ขอรับ ๆ ท่านพ่อ ไปเล่นกันเถอะเสี่ยวเฮย เสี่ยวเฮยนวดขาให้ข้าหน่อยสิ” เสียงเล็ก ๆ ของลูกชายค่อย ๆ ห่างออกไปพร้อมเพื่อนเล่นตัวเขื่อง เฟยเทียนถึงกับต้องถอนหายใจเลยทีเดียว
“เฮ้อ ข้าล่ะไม่ชินจริง ๆ” เขาได้แต่พูดกับตัวเอง
“ทำใจเสียเถอะเจ้าใหญ่ พ่อว่าเจ้าสามตัวนั่นไม่ธรรมดาเลย พ่อเองก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี แต่พ่อรู้สึกว่าต้องเป็นเช่นนั้น” เทียนฉีบอกกับลูกชาย
“ขอรับท่านพ่อ ข้าจะพยายามขอรับ ข้าเองก็เกือบจะหายดีแล้ว เราคงต้องเริ่มบุกเบิกที่ดินรกร้าง ท่านพ่ออย่าลืมจ้างชาวบ้านมาช่วยพลิกหน้าดินด้วยนะขอรับ แรงงานในบ้านของเราไม่เพียงพอหากไม่รีบเสียแต่ตอนนี้เราจะเพราะปลูกไม่ทัน”
“พ่อคิดว่าในส่วนนี้คงต้องไปจ้างทาสหลวงเพราะตอนนี้ชาวบ้านเองก็คงจะยุ่งอยู่กับการเพาะปลูกในที่ดินของตัวเองทั้งนั้น พ่อคิดว่าคนที่ทำงานในที่ดินของตัวเองเสร็จแล้ว จะมีไม่กี่คนเท่านั้น”
“ขอรับเรื่องนี้ข้าฝากท่านพ่อด้วยขอรับ”
“ไม่เป็นไรมันเป็นหน้าที่ของพ่อ ที่ผ่านมาพ่อไม่ดีเองทำให้พวกเจ้าและน้อง ๆ ลำบาก พ่อขอโทษเจ้าด้วย”
“อย่าเก็บมาใส่ใจเลยขอรับ มันผ่านไปแล้วตอนนี้เรามาเริ่มต้นใหม่กับบ้านหลังใหม่ของพวกเราดีกว่าขอรับ ข้าคิดว่าในอนาคตพวกเราจะ ไม่ลำบากแน่นอน”
“อือ พ่อเห็นด้วยกับเจ้า ตอนนี้แม่ของเจ้าสบายใจขึ้นมากตั้งแต่ พวกเราแยกบ้าน หลายปีมานี้พ่อติดค้างแม่ของเจ้ามาก พ่อทำให้นางลำบาก เพราะความกตัญญูโง่ ๆ ของพ่อเอง”
“อย่าโทษตัวเองเลยขอรับ ตอนนี้เราออกมาแล้ว ถือว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
ฉีหลินและแม่สามีใช้เวลาทำมื้อเที่ยงไม่นานก็เสร็จ เฟยจินกับ เยว่เล่อช่วยกันจัดโต๊ะอาหารและยกอาหารออกมาวาง อาหารมื้อเที่ยงวันนี้ มีน้ำแกงปลา ปลาทอด ปลาเปลือกแข็งคั่วเกลือ ข้าวผัดปลากระดองแข็ง เมื่อทุกคนเห็นหน้าตาอาหารและกลิ่นหอมชวนให้หิวท้องของพวกเขาแข่งกันร้องออกมาเสียงดัง ไม่เว้นแม้กระทั่งสามเสี่ยวยังน้ำลายไหลยืด
หลังมื้อเที่ยงเทียนฉีเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อพูดคุยเรื่องจ้างแรงงานกับหัวหน้าหมู่บ้าน นางฟางและเยว่เล่อตัดเย็บเสื้อผ้าสำหรับทุกคนในบ้าน ส่วนแฝดทั้งสองคนนอนกลางวันพร้อมกับสามเสี่ยว เฟยจินกับฉีหลินจึงออกไปสำรวจพื้นที่รอบ ๆ บ้าน
“เฟยจินหากข้าอยากได้ธนูสักคันจะต้องทำยังไง”
“พี่สะใภ้ ร้านขายอาวุธในเมืองมีขอรับหรือเราจะทำเองก็ได้แต่หัวของลูกธนูย่อมต้องซื้อเพราะหัวโลหะชาวบ้านเช่นเราไม่สามารถทำขึ้นเองได้ขอรับ”
“อ่อ เช่นนั้นรอท่านพ่อกลับมาจากบ้านหัวหน้าหมู่บ้านเราค่อย ขับเกวียนเข้าไปซื้อดีหรือไม่”
“ถ้าพี่สะใภ้ว่าดี ข้าก็ว่าดีขอรับ ข้าเองก็อยากได้ด้วยเช่นกัน เวลาเราไปล่าสัตว์จะได้ไม่ต้องหวังพึ่งพาแค่กับดักที่วางเอาไว้”
“นั่นสิ ข้าคิดว่าข้าจะยึดอาชีพเป็นนายพรานล่ะ ฮ่า ๆ”
“พี่ใหญ่จะยอมหรือขอรับ ในป่าอันตรายขนาดนั้น”
“เอาเถอะ พี่ใหญ่เจ้าจะต้องยินยอมแน่ ๆ”
“ขอรับ” เฟยจินได้แต่ไม่เข้าใจความคิดของพี่สะใภ้ นางช่างแตกต่างจริง ๆ แต่ช่างเถอะเขาพร้อมที่จะเคารพการตัดสินใจของนาง
“เจ้าล่ะเฟยจิน เจ้าอยากทำอะไร หรือมีอะไรที่อยากทำหรือไม่”
“ข้าหรือขอรับ ข้าอยากเรียนหนังสือให้มากกว่านี้ ตอนนี้ข้าเพียงแค่อ่านออกเขียนได้นิดหน่อยเท่านั้น และข้าอยากเป็นเจ้าของสวนผลไม้ขอรับ ข้าอยากปลูกผัก ปลูกผลไม้ขาย”
“ดีเลย ในเมื่อเจ้าเองก็มีจุดมุ่งหมายของตัวเอง ตั้งใจเข้าล่ะ ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องทำได้ เอาไว้ข้าจะช่วยเจ้าหาผลไม้มาปลูกด้วยดีหรือไม่”
“ดีขอรับ ขอบคุณพี่สะใภ้มากขอรับ”
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกพวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน”
สองวันต่อมาชาวบ้านที่จ้างมาขุดบ่อน้ำก็เริ่มเข้ามาทำงาน ส่วน ทาสหลวงมีหน้าที่พลิกหน้าดิน ฉีหลินเองก็ยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเตรียมหน้าดินเช่นเดียวกัน นางแบ่งพื้นที่ทำการเกษตรออกเป็นสัดส่วน สวนผลไม้ 60 หมู่ สวนผัก 20 หมู่ แปลงนา 30 หมู่ อีก 5 หมู่ เลี้ยงสัตว์ และอีก 5 หมู่ เป็นที่อยู่อาศัย
ตอนนี้ตระกูลหยางแห่งหมู่บ้านป่าหมอกได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว และทุกสิ่งทุกอย่างกำลังเริ่มต้นไปด้วยดี เฟยเทียนเองตอนนี้หายดีแล้ว เขาเองก็ทำงานในสวนอย่างเต็มที่ ปีนี้พวกเขาปลูกข้าวและผัก ส่วนผลไม้นั้นต้องเข้าเมืองไปหาซื้อต้นกล้าเพื่อมาปลูก
ฉีหลินเองยังชอบที่จะเข้าป่าอยู่เนือง ๆ เมื่อเห็นว่าสามีสามารถจัดการงานในไร่ในสวนได้เรียบร้อย ไม่มีอะไรให้นางต้องห่วงนางเองก็ชอบ ที่จะเข้าป่าเพื่อหาของป่าและล่าสัตว์
ทันทีที่สามีของนางหายป่วยเขาก็เข้าไปช่วยงานท่านพ่อทันที ท่านแม่สามีเองก็ลงไปช่วยปลูกผักเช่นเดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่ลูก ๆ ของนางเอง ทุกคนทำงานด้วยกันอย่างมีความสุข
ในขณะที่ทุกคนกำลังก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่นั้น สามเสี่ยวเองก็ช่วยงานด้วยเช่นกัน เสี่ยวหลางช่วยขุดหลุมเตรียมเอาไว้เพื่อปลูกผลไม้ เสี่ยวหู่ช่วยคาบกิ่งไม้ออกจากแปลงดิน ส่วนเสี่ยวเฮยมันเลื้อยผ่านดินที่พลิกหน้าดินเอาไว้ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่โตของมันทำให้เกิดร่องดินขึ้น ทำให้พวกเขาสะดวกในการทำแปลงผักเป็นอย่างมาก
“ขอบใจพวกเจ้าทุกตัว เช่นนั้นเย็นนี้ข้าจะเพิ่มอาหารให้นะ” ฉีหลินบอกกับสามเสี่ยว
“ไม่เป็นไร พวกข้าแค่ช่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น อีกอย่างตอนนี้ก็อยู่ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำพอดี” เสี่ยวหู่
หลังจากทำงานกันอย่างหนักมา 6 วันเต็ม ๆ พื้นที่เพาะปลูกก็สามารถปลูกผักได้แล้ว แต่ปีนี้พวกเขาไม่สามารถปลูกข้าวได้ ฉีหลินจึงให้ พ่อสามีปลูกถั่วบำรุงดินไปก่อน
ในส่วนของแปลงผัก นางปลูกผักกาดขาว หัวไชเท้า กวางตุ้ง คะน้า กะหล่ำ ผักบุ้ง นอกจากนั้นนางยังปลูกถั่วฝักยาว แตงกวา ฟักทองเอาไว้ ข้าง ๆ กำแพงอีกด้วย
หลังจากปลูกผักเสร็จแล้วฉีหลินจึงมีเวลาเข้าเมืองเพื่อซื้อธนูที่นางอยากได้ และไปร้านขายเมล็ดพืชเพื่อดูว่ามีต้นกล้าผลไม้ขายหรือไม่ ผลไม้ มีน้อยมากสำหรับที่แห่งนี้ ฉีหลินได้เมล็ดแตงโม แตงหอมมาอย่างละห่อ ได้แอปเปิ้ลมาสองต้นเพียงเท่านั้น
“ผลไม้หายากมากเลย”
“ใช่แล้วหลินเอ๋อร์ ไม่ค่อยมีคนปลูกจะมีก็แต่ที่เมืองหลวงแต่เป็นผลไม้ที่ซื้อมาจากแคว้นอื่นน่ะ”
“เช่นนั้นเราไปร้านขายอาวุธก่อนเจ้าค่ะ ข้าอยากจะได้ธนูเอาไว้ ติดตัวเข้าป่า”
“ได้พี่ตามใจเจ้า แต่เจ้าต้องให้รางวัลพี่เช่นกันรู้หรือไม่”
“รางวัลอะไรของท่านพี่กันเจ้าคะ”
“เอาไว้กลับถึงบ้านแล้วพี่จะบอกนะ”
“ข้าไม่คุยกับท่านพี่แล้วพูดจาเลื่อนเปื้อน”
เฟยเทียนมองตามหลังภรรยาไปด้วยสายตารักใคร่ ขอบคุณสวรรค์ ที่พานางกลับมาหาเขาขอบคุณที่ไม่พรากนางไปจากเขาตลอดชีวิตต่อไปนี้เขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะดูแลปกป้องนางให้ดี จะไม่ยอมให้นางต้องจากไปไหนอีกแล้ว เขาเองก็เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่งแต่สวรรค์คงจะเห็นใจถึงได้ส่งเขากลับมา ในตอนที่เขาเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บได้ไม่นาน
ชาติที่แล้วของเขา ภรรยาของเขาตายไปในวันที่เขาบาดเจ็บกลับมา แต่การกลับมาครั้งนี้ของเขาภรรยาของเขาไม่ได้ตายจากเขาไปเพียงแต่นางบาดเจ็บเท่านั้น ท่านเทพที่พาเขามาส่งบอกกับเขาว่าดวงจิตของภรรยาของเขากำลังจะกลับมาและการกลับมาครั้งนี้ของนาง นางจะนำพาให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น
เรื่องที่ตัวเองเคยตายไปแล้วครั้งหนึ่งเฟยเทียนไม่เคยบอกกับใคร เขาจะเก็บให้มันเป็นความลับเช่นนี้ตลอดไป ตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ความสุขกำลังจะวิ่งมาหาเขาในไม่ช้านี้
