บทที่ 20 เดินตามหลังเมีย ย่อมต้องมีเนื้อกิน
ทั้งสองคนเดินเข้าป่าหมอกลึกเข้าไปเรื่อย ๆ หมอกก็เริ่มหนาเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน ทั้งสองคนกับอีกหนึ่งตัวเดินยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่หมอกก็ยิ่งหนามากขึ้นอีก แต่พอพวกเขาเดินผ่านหมอกที่หนาทึบลึกเข้ามากลับพบว่าภายในป่าชั้นในที่ลึกเข้ามาไม่มีหมอกเลย
ภาพตรงหน้าทำเอาฉีหลินตกตะลึงอ้าปากค้างเฟยเทียนเองก็มีท่าทางไม่ต่างกัน ภายในป่าหมอกชั้นใน ต้นไม้ทุกต้นสูงเสียดฟ้าป่าเขียวชอุ่มบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของป่าได้เป็นอย่างดี
“ข้างในนี้อุดมสมบูรณ์มากเลยนะเจ้าคะท่านพี่ แต่ทำไมชาวบ้าน ไม่เข้ามาหาของป่าล่าสัตว์ในป่าหมอกล่ะเจ้าคะ จากที่เราเข้าป่ามายังไม่พบเจอสัตว์ป่าดุร้ายเลยนะเจ้าคะ”
“อาจจะเป็นเพราะพวกชาวบ้านเดินเข้ามาก็เจอกับกำแพงหมอกและมีบางคนหลงทางทำให้หาทางออกไม่เจอก็เป็นได้”
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกันกับท่านพี่ หากว่าเราไม่มีเสี่ยวหลางมาด้วย ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะหลงทางอยู่ในกำแพงหมอกก็เป็นได้”
“คงเป็นเช่นนั้น”
เสี่ยวหลางบอกกับฉีหลินว่ามันจะไปล่าหมูเพื่อเอากลับไปให้เพื่อนตัวน้อยทั้งสองของมัน ฉีหลินเองอดค่อนแคะมันในใจไม่ได้ว่าตกลงท่านเทพส่งให้มาเป็นตัวช่วยของนางหรือมาเป็นพี่เลี้ยงลูกของนางกันแน่
ฉีหลินกับเฟยเทียนสองสามีภรรยาช่วยกันเก็บเห็ดป่าและสมุนไพรหายากได้มากพอสมควร เฟยเทียนล่าไก่ป่า กระต่ายป่าตัวอ้วนพีได้หลายตัว เสี่ยวหลางที่แยกตัวออกไปไม่นานมันก็กลับมาเพื่อบอกกับฉีหลินว่ามันล่า หมูป่าเอาไว้สองตัวให้นางและสามีไปช่วยกันยกออกมา มันกลัวว่าหากช้าไปกว่านี้กลิ่นเลือดจะดึงดูดให้สัตว์ป่าดุร้ายได้กลิ่นเลือด
“ท่านพี่เจ้าคะ เสี่ยวหลางล่าหมูป่าเอาไว้อยากให้เราสองคนไปช่วยกันขนกลับมาเจ้าค่ะ หากทิ้งเอาไว้นานเสี่ยวหลางเกรงว่ากลิ่นเลือดจะดึงดูดสัตว์ป่าดุร้ายตัวอื่นเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ จะได้รีบกลับ”
“เจ้าค่ะเช่นนั้นก็ไปกัน จะได้รีบกลับบ้านเอาสมุนไพรพวกนี้ไปจัดการทำความสะอาดด้วย ส่วนสัตว์ป่าที่ล่ามาได้วันนี้ข้าจะเก็บเอาไว้กินเองทั้งหมดนะเจ้าคะ วันนี้จะทำหมูย่างส่วนที่เหลือจะรมควันเก็บเอาไว้เป็นเสบียงเจ้าค่ะ”
“ตามใจเจ้า ทำตามที่เจ้าเห็นสมควรเถอะ”
ทั้งสองคนช่วยกันหามหมูป่าทั้งสองตัวออกจากป่าหมอก ด้วยพละกำลังของเฟยเทียนที่ท่านเทพให้มาทำให้เขาสามารถแบกหมูตัวใหญ่ ได้สบาย ๆ
ส่วนมืออีกข้างช่วยภรรยาหามหมูป่าตัวเล็กอีกตัว เสี่ยวหลางนำทางทั้งสองคนออกจากป่าหมอกได้อย่างปลอดภัย
แต่ก่อนที่จะออกพ้นชายป่าหมอกฉีหลินเห็นกวางดาวเดินเล็มหญ้าอยู่ตัวเดียว นางคิดว่ามันน่าจะหลงฝูงออกมานางวางหมูลงและเล็งธนูไปที่กวางดาวทันที
กวางดาวตกตายลงยังไม่ทันที่มันจะได้ร้องออกมาเสียด้วยซ้ำ มันแค่เพียงเล็มหญ้าอย่างสบายอารมณ์เพียงเท่านั้นแต่กลับโชคร้ายไปเสียได้ ตัวเองตายได้อย่างไรมันยังไม่รู้เลย
“หลินเอ๋อร์น้องช่างเก่งยิ่งนัก แบบนี้เขาเรียกว่าเพียงแค่เดินตามหลังเมีย ย่อมมีเนื้อกิน”
“ท่านพี่พูดอะไรเจ้าคะ เพ้อเจ้อ รีบ ๆ เอาหมูออกไปวางไว้ชายป่าแล้วรีบกลับมาเอากวางออกไปด้วย”
“จ้ะ จ้ะ พี่จะไปเดี๋ยวนี้”
เมื่อเฟยเทียนขนซากหมูป่าและกวางดาวออกมาวางเอาไว้ที่ชายป่าด้านนอกจนหมดแล้ว เขาให้ภรรยากลับบ้านไปก่อนเพื่อบอกให้น้องชายมาช่วยขนอีกแรง
“หลินเอ๋อร์ น้องเอาไก่ป่ากับกระต่ายกลับบ้านไปก่อนแล้วตาม น้องรองมาช่วยขนพี่จะรออยู่ที่นี่”
“เจ้าค่ะท่านพี่ ข้าจะรีบไปรีบกลับ”
ฉีหลินสาวเท้ารีบเดินกลับบ้านทันที เมื่อมาถึงบ้านนางเอาตะกร้าสมุนไพรและไก่ป่ากับกระต่ายวางเอาไว้ที่ห้องครัวจากนั้นนางรีบเดินไปตามน้องชายทันที
“ท่านแม่เจ้าคะ น้องรองล่ะเจ้าคะ”
“หลินเอ๋อร์ ทำไมเจ้ากลับมาคนเดียวอาเทียนเล่าไปไหนเสียแล้ว”
“ท่านพี่เฝ้าซากสัตว์อยู่ชายป่าให้ข้ามาตามน้องรองไปช่วยขนกลับมาเจ้าค่ะ”
“น้องรองของเจ้าไปช่วยช่างสร้างบ้านกับพ่อของเจ้า”
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะท่านแม่”
“รีบไปเถอะประเดี๋ยวจะมืดค่ำเอา”
ฉีหลินเดินไปเรียกน้องชายสามีที่กำลังช่วยช่างสร้างบ้านอยู่ พอพ่อสามีรู้เข้าจึงได้ตามกันไปช่วยกันขนซากสัตว์กลับมาส่วนลูก ๆ ของ นางนั้นตอนนี้กำลังหลับสบายหลังจากที่เล่นซนมาทั้งวัน
“น้องรองไปช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าขนของกลับมาจากชายป่าหน่อยจ้ะ พอดีพี่กับพี่ใหญ่เจ้าขนกลับมาไม่หมด พี่ใหญ่ของเจ้าจึงให้พี่มาตามเจ้าไปช่วยด้วย”
“ได้ขอรับพี่สะใภ้ ข้าขอไปบอกท่านพ่อสักครู่”
“ได้เช่นนั้นพี่กลับไปรอที่บ้านนะ”
“ขอรับ”
หยางเฟยจินเดินไปบอกท่านพ่อที่กำลังคุยอยู่กับนายช่าง ตอนนี้บ้านของพวกเขาเกือบจะเสร็จแล้ววันนี้ท่านพ่อจ่ายเงินค่าสร้างบ้านทั้งค่ากระเบื้องรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เป็นเงินถึง 1,200 ตำลึงทองเลยทีเดียว ทำให้ตอนนี้เงิน 5,000 ตำลึงทองที่พี่สะใภ้ให้ไว้เมื่อวันก่อนเหลืออยู่ 3,800 ตำลึงทองเลยทีเดียว
เฟยจินพอใจมากกับความเป็นอยู่ของครอบครัวในตอนนี้ นอกจากพวกเขาจะมีเงินสร้างบ้านแล้วพวกเขายังมีเงินเหลือในมืออีกมากทำให้ไม่ต้องมาวิตกกังวลว่าจะไม่มีเงินซื้อเสบียงอาหารมากักตุนในยามเมื่อถึงฤดูหนาว ไม่ต้องมานั่งห่วงว่าจะไม่มีเสื้อผ้าหนา ๆ ใส่ ไม่ต้องกังวลว่าผ้าห่มจะเพียงพอหรือไม่ หรือจะผ่านพ้นความหนาวเย็นไปได้อย่างไร
“ท่านพ่อขอรับ ข้าจะไปช่วยพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ขนของที่ชายป่านะขอรับ”
“ขนของรึ ? ของอะไรเยอะหรือไม่ต้องให้พ่อไปช่วยอีกคนหรือเปล่า”
“ข้าเองก็ไม่ทราบขอรับแต่พี่ใหญ่ให้พี่สะใภ้มาตามข้าขอรับ”
“อืม เช่นนั้นพ่อจะไปด้วยไปกันเถอะ”
เมื่อทั้งสองคนเดินมาถึงบ้านไม้ไผ่ก็พบว่าฉีหลินได้รออยู่ก่อนแล้ว เมื่อนางเห็นว่าน้องสามีและพ่อสามีเดินมาแล้วนางจึงพาทั้งสองคนเดินกลับไปยังชายป่าที่เฟยเทียนรออยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว เมื่อทั้งสองคนเห็นซากหมูป่า 2 ตัว และกวางดาวอีกหนึ่งตัวก็ได้แต่อ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
สองคนผัวเมียคู่นี้เข้าป่าลึกไปถึงไหนกันมาได้สัตว์มามากมายเช่นนี้ การที่ล่าหมูป่ามาได้นั่นก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่กวางดาวนี่สิ ไม่ใช่จะล่ามันได้ ง่าย ๆ กวางดาวไม่ได้จะออกมาหากินตามชายป่าหากว่าไม่เข้าป่าลึกไปหาแล้วล่ะก็ไม่มีทางที่จะหาตัวมันเจอได้ง่าย ๆ
“นะ.. นี่พวกเจ้า เข้าป่าลึกมาเช่นนั้นรึ”
“ท่านพ่อขอรับรีบเอาพวกนี้กลับบ้านไปก่อนมีอะไรค่อยกลับไปคุยกันที่บ้านนะขอรับ”
“ได้ ๆ เช่นนั้นพ่อจะยกหมูนี่ไปเอง ส่วนเจ้ารองเจ้าเอากวางกลับไป”
“ขอรับท่านพ่อ”
“ท่านพ่อเอาหมูตัวเล็กกลับไปเถอะขอรับ ส่วนตัวใหญ่นี่ข้าจะเอากลับไปเอง” เฟยเทียนบอกผู้เป็นพ่อ
“ตกลง”
เมื่อทั้ง 4 คนกลับมาถึงบ้านนางฟางที่บังเอิญเดินออกมาเห็นสิ่งที่พวกเขาพ่อลูกนำกลับมาด้วยก็ได้แต่อ้าปากค้างไปเลยทีเดียว นางยืนอ้าปากพะงาบ ๆ เป็นนานสองนานกว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ
“นะ…นี่ ท่านพี่นี่มันอะไรกันเจ้าคะ ทำไมมากมายขนาดนี้”
“ข้าเองก็ไม่รู้ เจ้าใหญ่กับลูกสะใภ้ล่ามาได้ ก็อย่างที่เจ้าเห็นนี่แหละ เอาล่ะไม่ต้องตกใจแล้ว ข้าจะช่วยลูก ๆ ทำความสะอาดหมู ส่วนกวางพวกเจ้าจะทำยังไงกับมันหรือ เจ้าใหญ่”
“ท่านพ่อกวางหลินเอ๋อร์จะเอาไปขายขอรับ”
“เช่นนั้นเจ้าสองคนก็เอากวางไปขายเสียตอนนี้ ยังมีเวลาอีกมาก กว่าจะค่ำ ส่วนหมูพ่อกับเจ้ารองจะจัดการเอง”
“ขอรับ ท่านแม่ขอรับท่านช่วยจัดการกับไก่และกระต่ายที่อยู่ในห้องครัวด้วยนะขอรับ”
“อะไรนะ? นี่ยังมีไก่กับกระต่ายอีกหรือ”
“ขอรับไม่มากมายอะไร แค่อย่างละ 4-5 ตัวเท่านั้น วันนี้ข้าโชคดี ที่เดินตามหลังเมียเลยทำให้มีเนื้อกินน่ะขอรับ”
“เจ้าพูดจาอะไร นี่เจ้าให้เมียของเจ้าออกหน้าเรอะ เจ้าให้เมียของเจ้าเป็นกำบังหรือไง นี่เจ้ามันจะเกินไปแล้วนะ”
นางฟางที่ตอนนี้ โมโหลูกชายมีอย่างที่ไหนบอกว่าเดินตามหลังเมีย นี่ไม่เท่ากับว่าให้เมียออกหน้าหากมีอันตรายเกิดขึ้นก็ไม่เท่ากับผลักไสเมียให้รับเคราะห์แทนหรอกหรือ ทำไมลูกชายของนางถึงได้กลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้
“ท่านแม่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียงแต่พูดเปรียบเทียบเท่านั้นขอรับ ข้าหมายถึงว่าฟังคำพูดเมียต่างหากเล่า ข้ารักนางถึงเพียงนี้ข้าจะใช้นางเป็นโล่กำบังได้ยังไงกัน”
“ก็แล้วทำไมเจ้าไม่พูดจาให้มันดี ๆ จะพูดให้คนเข้าใจผิดทำไม รีบ ๆ เอากวางไปขายจะได้รีบกลับมากินมื้อเย็น”
“ขอรับ ขอร๊าบบบบท่านแม๊”
“เจ้านี่โตจนเป็นพ่อคนแล้วยังจะเล่นอยู่อีก เจ้าก็รู้ว่าแม่เจ้ามี ความกลัวฝังใจนางอยู่ตั้งแต่เจ้าสองคนได้รับบาดเจ็บครั้งนั้น ต่อไปเจ้าจะพูดจะจาอะไรก็คิดให้มากกว่านี้นะเจ้าใหญ่”
“ขอรับท่านพ่อ ข้าขอโทษขอรับที่ไม่ทันได้คิดให้ดี”
“เอาเถอะ ๆ รีบ ๆ ไปได้แล้ว”
คล้อยหลังลูกชายและลูกสะใภ้ออกไปไม่นานหลาน ๆ ตัวแสบก็ตื่นขึ้นมาทันที ยังไม่ทันที่เฟยเทียนจะได้ขับเกวียนออกพ้นบ้านเจ้าแสบทั้งสอง ก็วิ่งหน้าตั้งมาพร้อมสามสหายและมาขวางหน้าเกวียนเอาไว้
“ท่านพ่อ ๆๆ ท่านแม่ ๆๆ ให้พวกเราไปด้วยนะขอรับ ท่านพ่อกับท่านแม่จะไปไหนหรือขอรับ”
“ทำไมไม่อยู่บ้านกับท่านย่าล่ะ ตอนนี้ท่านปู่ของลูกกำลังทำ ความสะอาดหมูอยู่”
“พวกเราอยากไปด้วยขอรับท่านพ่อ” เจี้ยนเอ๋อร์
“ท่านพี่เจ้าคะให้ลูก ๆ ไปด้วยเถอะเจ้าค่ะ อีกอย่างหากไม่รีบไปตอนนี้จะกลับมามืดค่ำเอาได้”
“อืม เช่นนั้นก็ไปด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ”
“เย้ ๆ ท่านพ่อใจดี ข้ารักท่านแม่ที่สุด” เฉิงเอ๋อร์
“ใช่ ๆ ข้าก็รักท่านแม่ที่สุด”
“อ้าวแล้วไม่รักพ่อหรอกหรือ ว๊า เสียใจจัง” เฟยเทียนแกล้งพูด ตัดพ้อออกมา
“รักขอรับ พวกเรารักท่านพ่อน้อยกว่าท่านแม่นิดหน่อยขอรับ คิ คิ” เฉิงเอ๋อร์
จากนั้นพ่อแม่ลูกและสามเสี่ยวก็ขับเกวียนมุ่งหน้าเข้าไปในเมือง เพื่อขายซากกวางดาวทันที ตอนที่เข้าเมืองเสี่ยวเฮยย่อขนาดตัวให้เล็กลงและเข้าไปซ่อนอยู่ในอกเสื้อของเจี้ยนเอ๋อร์และโผล่ออกมาแค่หัวเล็ก ๆ ของมันเท่านั้น
เสี่ยวหู่ยังอยู่ในภาพลักษณ์ของแมวส่วนเสี่ยวหลางเป็นหมาป่าที่ทำตัวเป็นหมาบ้านทันที เกวียนวิ่งมาอย่างไม่เร่งรีบมากนักใช้เวลาเพียง 2 เค่อ ก็มาถึงประตูเมืองหลังจากแจ้งยามเฝ้าประตูว่าพวกเขานำซากสัตว์มาขายและขออนุญาตขับเกวียนเข้าเมืองพร้อมทั้งจ่ายค่าผ่านประตูเรียบร้อยแล้ว เฟยเทียนขับเกวียนมุ่งหน้าไปยังเหลาอาหารหมื่นลี้ทันที
