บทที่ 6 ทุบตีคน
ฉีหลินเดินนำหน้าน้องสามีกลับมาถึงบ้านจากนั้นนางนำปลาไปให้แม่สามีเพื่อต้มน้ำแกงให้กับสามีของนาง และแวะดูลูกชายฝาแฝดของนางด้วย
อย่าดูถูกว่าพวกเขาอายุยังน้อยแต่เป็นเด็กที่รู้ความมากทุกวัน เด็กน้อยทั้งสองหลังจากที่ดูแลแปลงผักหลังบ้านช่วยท่านย่าแล้ว ก็จะมาอยู่เป็นเพื่อนท่านพ่อของพวกเขาที่ป่วยจนไม่สามารถลุกออกจากเตียงได้
“ท่านแม่ ข้าจับปลามาได้ รบกวนท่านแม่ต้มน้ำแกงให้ท่านพี่ดื่มหน่อยนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะเข้าป่าไปเก็บผักเสียหน่อย”
“เจ้าทำไมไม่นอนพักอีกหน่อย เจ้าหายดีแล้วหรืออาหลิน”
“ข้าหายดีแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าสบายดี”
“ท่านแม่ขอรับพวกเราไปด้วยได้หรือไม่ขอรับ” แฝดพี่
“หากพวกลูกไปใครจะอยู่ช่วยงานท่านย่า ใครจะคอยดูแลท่านพ่อ เอาไว้ท่านพ่อของลูกหายดีเมื่อไหร่แม่จะพาเจ้าสองคนไปด้วยดีหรือไม่”
“ตกลงขอรับ พวกข้าจะเชื่อฟังรอท่านแม่อยู่ที่บ้านและช่วยท่านย่าดูแลท่านพ่อขอรับ”
“ดีมากจ้ะเอาไว้แม่กลับมาแล้วจะทำของอร่อยให้กินนะ”
“ขอรับ พวกเราจะรอท่านแม่ทำของอร่อยนะขอรับ”
“ดีมาก เด็กดี แม่ไปก่อนอาเล็กของลูกรอแล้ว”
ฉีหลินพาเยว่เล่อสะพายตะกร้าไม้ไผ่ขึ้นหลังเดินออกจากบ้านทางปีกซ้ายของบ้านใหญ่ ก็เจอเข้ากับนางหลินป้าสะใภ้มหาภัยทันที เมื่อนางหลินมองเห็นฉีหลินและเยว่เล่อกำลังจะออกไปนอกบ้านแต่ไม่ใช่ทางที่จะไปทุ่งนาที่สามีและลูกชายของนางทำงานอยู่ จึงรู้สึกโมโหและก่นด่าทั้งสองคนทันที
“ดี ดีจริง ๆ งานการไม่รู้จักทำ งานในนาเยอะแยะไม่ยอมไปช่วยกันทำ นอกจากข้าจะเลี้ยงหมาป่าตาขาวเอาไว้แล้ว พวกมันยังทำตัวเป็นปลิงคอยดูดเลือด โอ้สวรรค์เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายกับครอบครัวของข้ายิ่งนัก งานการไม่เคยช่วยทำ วัน ๆ เอาแต่เดินเล่นในป่าไปมา แล้วแบบนี้ข้าจะเอาข้าวสารที่ไหนกรอกหม้อ”
“พูดจบหรือยัง ถ้าพูดจบแล้วข้าจะได้ไปสักที ไม่ทราบว่าใครไปเหยียบหางท่านป้าหรือเจ้าคะ ถึงได้มาร้องโหยหวนอยู่ตรงนี้ ไม่อายชาวบ้านบ้างหรือเจ้าคะ”
“แก นังฉีหลิน แกว่าใครห๊ะ นี่น้องรองกับเมียสั่งสอนลูกสะใภ้ยังไง ให้มาก้าวร้าวกับผู้อาวุโสในบ้านเช่นนี้ อกตัญญูแล้ว อกตัญญูจริง ๆ ทำไมสวรรค์ถึงได้ส่งคนพวกนี้มาให้ครอบครัวข้ากัน”
ทางด้านเยว่เล่อตกใจจนหน้าขาวซีดทำไมวันนี้พี่สะใภ้ของนางไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหนถึงได้กล้าต่อปากต่อคำกับป้าสะใภ้อย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่สะใภ้กันหรือว่าที่นางตกร่องเขาจะทำให้สมองนางกระทบกระเทือนกันแน่ถึงได้ทำให้นางมีความกล้าเช่นนี้ เมื่อเห็นท่าว่า ไม่ดีแน่แล้วเยว่เล่อรีบดึงพี่สะใภ้ให้รีบเดินทันที
ตอนนี้นางหลินป้าสะใภ้ได้แต่โมโหจนหน้าดำเป็นตับหมู กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอทั้งสองคนก็เดินออกไปไกลแล้ว นางหลินทำได้เพียงเดินกระแทกเท้าเข้าบ้าน
“รอให้ถึงเย็นนี้ก่อนเถอะ ดูสิว่าข้าจะจัดการกับพวกเจ้าบ้านสองยังไง” นางหลินกว่าคาดโทษเอาไว้
ทั้งสองคนเดินมายังไม่ทันได้พ้นชายหมู่บ้านก็เจอเข้ากับหยางฮุ่ยเหม่ยลูกสาวคนสุดท้องของนางหลิน เยว่เล่อเหลือบตามองญาติผู้พี่ที่ไม่เคยหยิบจับงานบ้านเลยแม้แต่น้อย วัน ๆ เอาแต่แต่งตัวสวยและเดินไปทั่วหมู่บ้านกับสหายของนางเท่านั้น
“ฮุ่ยเหม่ย นั่นไม่ใช่สะใภ้ของบ้านสองของเจ้าหรอกหรือ ไหนว่านางตกร่องเขายังไงล่ะทำไมถึงยังเดินได้อยู่” หลี่กุ้ยฮัวหนึ่งในเพื่อนของฮุ่ยเหม่ยพูดออกมาทันทีที่เห็นฉีหลินเดินมา
“ใครจะไปรู้ล่ะ เมื่อวานพี่สะใภ้ของข้าบอกว่านางรนหาที่ตายเอง ก็สมน้ำหน้าแล้วจะไปมองนางทำไมกันให้เสียอารมณ์”
“คนบางคนนี่ก็แปล๊กกกแปลกเนอะน้องเล็ก เป็นคนอยู่ดี ๆ ไม่ชอบ ชอบเป็นหมาไปเสียอย่างนั้น”
ก็เอาสิเห่ามาก็ว่ากลับรับรองได้เลยว่าวันนี้ได้มีเรื่องแน่ ๆ ไหนก็ตั้งใจเอาไว้ว่าจะทุบตีคนก็ต้องทุบตี เริ่มจากลูกสาวสุดที่รักของป้ามหาภัยนี่เป็นยังไง ไหน ๆ มีหมาเดินหลงมาให้ตีแล้วก็ตีเสียหน่อยประเดี๋ยวจะเสียโอกาส
“เจ้าว่าใครเป็นหมา ฉีหลิน พูดจาให้มันดี ๆ หน่อย ข้าล่ะสงสาร พี่เฟยเทียนเสียจริง ที่แต่งเมียเช่นเจ้าเข้าบ้าน”
“ข้าว่าใคร ข้าเอ่ยชื่อหรือยัง พวกเจ้าร้อนตัวหรือ แล้วข้าเป็นยังไงรึ ไม่ต้องมาคิดแทนสามีข้า หรือว่าเจ้าอยากจะได้สามีคนอื่น หน้าของเจ้าคงหนามากสินะ อย่าได้ริทำตัวมาให้ท่าสามีข้า”
“นี่ ฮุ่ยเหม่ยทำไมวันนี้นังฉีหลินมันแปลก ๆ แถมยังกล้าต่อปาก ต่อคำด้วยถ้าปกติแล้วมันต้องเดินก้มหน้าไม่ตอบโต้ไม่ใช่หรอ” กู้เจินจูพูดออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
“ใครจะไปรู้ มันอาจจะตกเขาจนเพี้ยนไปก็ได้”
“สรุปพวกเจ้ามีธุระอะไรกับข้า ถ้าไม่มีข้าจะได้รีบไปทำมาหากิน ไม่ใช่เอาแต่แต่งหน้าแต่งตาเดินยั่วผู้ชายไปมางานการไม่ทำ”
“มันจะมากไปแล้วนะฉีหลิน เจ้ากล้าดียังไงพูดจาไม่ให้เกียรติข้า คอยดูเถอะว่าข้าจะจัดการเจ้ายังไง”
“พวกเจ้าสองคน จับนางไว้ให้ข้า” ฮุ่ยเหม่ยสั่งสหายทั้งสองให้จับ ฉีหลิน
“หยุดนะ อย่าทำอะไรพี่สะใภ้นะ ถ้าเกิดพวกท่านกล้าข้าจะไปบอกหัวหน้าหมู่บ้าน”
“หุบปาก เจ้าอยากจะโดนอีกคนใช่ไหม ได้ ข้าจะได้จัดการพวกกาฝากไปเสียทีเดียว”
ยังไม่ทันที่จะมีใครได้ลงมือฉีหลินไม่รอช้านางยกขาถีบสองคน ที่กำลังจะเข้ามาจับนางพอดี มีหรือที่นางจะปล่อยให้มาจับนางได้ ฮุ่ยเหม่ยเมื่อเห็นว่าสหายของตัวเองล้มลงไปกองอยู่กับพื้นก็ตวาดออกมาด้วยความโมโห
“พวกเจ้าทำอะไรอยู่ยังไม่รีบจับมันเอาไว้อีก ไม่ได้เรื่องเลยจริง ๆ” ฮุ่ยเหม่ยผลักเยว่เล่อที่ตัวเล็กนิดเดียวกระเด็นออกไป
“ถ้าหากพวกเจ้าไม่หยุดอย่าหาว่าข้าไม่เตือน”
“ไม่ต้องไปกลัวพวกเรามีกันสามคน นังฉีหลินคนเดียวจะไปทำอะไรได้ จับมันเอาไว้ดูสิวันนี้ข้าจะจัดการกับมันยังไง หนอย บังอาจมากนัก”
ทั้งสามคนวิ่งกรูเข้าไปจับฉีหลินแต่กลับโดนทั้งมือทั้งเท้าของฉีหลินประเคนให้อย่างเต็มรัก ทางด้านฉีหลินที่กำลังทุบตีคนอยู่นั้น ปากนางก็ร้องขอความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังร้องอ้อนวอนว่าอย่าตีนาง
“โอ๊ย ๆ อย่าทำข้า อย่าทำข้าเลย ตุ๊บ ตั๊บ ๆ” ทั้งศอกทั้งเข่าประเคนให้หลี่กุ้ยฮัว
“โอ๊ย ข้ากลัวแล้วอย่าตีข้าเลย อย่าตีข้า เพี๊ยะ เพี๊ยะ” เสียงฝ่ามือกระทบกับใบหน้าของกู้เจินจู
“ข้าขอร้อง อย่าตีข้าเลยนะ ข้าเจ็บจะตายแล้ว ตุ๊บ พลั๊ก ตุ๊บ พลั๊ก”
ทั้งมือทั้งเท้าประเคนใส่หยางฮุ่ยเหม่ยโดยไม่คิดจะออมแรงเลย แม้แต่น้อย แต่พอหางตาเหลือบไปเห็นว่ามีคนกำลังวิ่งมาทางนี้ฉีหลินจึงได้แกล้งล้มลงไปนอนกุมท้องอยู่ที่พื้นและบีบน้ำตาร้องไห้ออกมาประหนึ่งเจ็บปวดปางตาย
“หยู๊ดดดดดดดดด หยุดบัดเดี๋ยวนี้พวกเจ้ากล้ามากนะ รุมทำร้ายคนไม่มีทางสู้ พวกเจ้าล้วนเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือนสมควรแล้วหรือที่ทำกิริยาเช่นนี้” หัวหน้าหมู่บ้านที่ไม่รู้มาจากไหนเอ่ยปากห้ามออกมา
“ท่านลุงเมิ่งพวกข้าต่างหากที่โดยฉีหลินทำร้าย พวกข้ายังไม่ทันได้ทำอะไรนางเลยนะ”
“พวกเจ้ายังจะมาแก้ตัวอะไรอีก ข้าเห็นกับตาพวกเจ้าแยกย้ายกันเดี๋ยวนี้ หากมีอีกข้าจะจับส่งทางการให้หมดเลย เยว่เล่อเจ้ามาดูพี่สะใภ้ ของเจ้าก่อน”
“จะ เจ้าค่ะ ท่านลุงเมิ่ง” เยว่เล่อที่กำลังตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า เมื่อสักครู่นี่มันอะไรกันนางยังเห็นพี่สะใภ้ของตัวเองรังแกคนอื่นอยู่เลยแต่พอท่านลุงเมิ่งวิ่งมาเท่านั้นและทำไมพี่สะใภ้ถึงไปนอนกองอยู่ที่พื้นได้
“พวกเจ้าแยกย้ายกันไป ครั้งต่อไปอย่าให้มีอีก พวกเจ้ามีเหตุผลอะไรทำไมถึงต้องรุมทำร้ายนาง นางทำอะไรให้พวกเจ้าเช่นนั้นรึ เรื่องนี้ข้าจะเรียกพ่อแม่พวกเจ้ามาว่ากล่าวตักเตือน สตรีที่ยังไม่ออกเรือนเช่นพวกเจ้า ริเป็นอันธพาลรึ แบบนี้ใครจะแต่งพวกเจ้าเข้าบ้านกัน”
ทั้งสามคนได้แต่แค้นใจที่ไม่สามารถลงไม้ลงมือกับฉีหลินได้ ในทางกลับกันพวกนางกลับโดนฉีหลินเล่นงานแทน อีกทั้งพวกนางทั้งสามยังโดนหัวหน้าหมู่บ้านคาดโทษอีกด้วย
หลังจากทุกคนไปกันหมดแล้วฉีหลินที่ตอนนี้เยว่เล่อพยุงให้ลุกขึ้นมา นางยิ้มมุมปากด้วยความพอใจจากนั้นก็ปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าพร้อมทั้งจัด ทรงผมให้เข้าที่เข้าทางและเดินไปหยิบตะกร้าขึ้นมาสะพายหลัง ทำเหมือนว่าเมื่อสักครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่สะใภ้ท่านไม่เป็นไรจริง ๆ หรือ เรากลับบ้านกันดีหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นไร น้องเล็กอย่าได้เป็นห่วง เมื่อสักครู่ข้าเพียงแต่เล่นละครตบตาเท่านั้น ฮ่า ๆ สะใจจริง ๆ คอยดูเอาเถอะข้าจะคิดบัญชีกับคนพวกนั้นทีละคน”
เมื่อไม่มีอะไรแล้วฉีหลินเดินเข้าป่าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ตอนนี้ เอาของจากในมิติออกมาใช้ก็ไม่ได้วันนี้คงต้องแอบเอาสมุนไพรในมิติ ออกมาเสียแล้วไม่เช่นนั้นก็ไม่มีเงินไปสร้างบ้านใหม่
“น้องเล็กอดทนหน่อยนะ พี่จะหาทางให้ท่านพ่อแยกบ้านให้เร็วที่สุด”
“ข้ากลัวว่าท่านลุงจะไม่ยอมและท่านป้าคงไม่แบ่งอะไรให้เรา”
“ไม่แบ่งก็ไม่แบ่งสิ ถ้าเรามีเงินพอเราก็ย้ายออกไปอยู่ที่อื่นได้ วันนี้ พี่มีลางสังหรณ์ว่าเราจะเจอของดีในป่ารีบเดินเถอะ”
“เจ้าค่ะ พี่สะใภ้”
ทั้งสองคนเดินมุ่งหน้าเข้าป่าไปเรื่อย ๆ ระหว่างทางพบเจอผักป่าบ้างประปรายแต่ฉีหลินไม่สนใจจะเก็บสักเท่าไหร่นางคิดว่าจะเดินเข้าไปในป่าลึกอีกหน่อยแล้วค่อยแอบเอาสมุนไพรในมิติออกมา
แต่ยังไม่ทันที่จะได้แอบเอาอะไรออกจากมิติมา นางก็พบเข้ากับ เห็ดหลินจือดอกใหญ่ถึง 3 ดอกอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ด้านหน้าของนาง แต่ฉีหลิน ไม่คิดว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้หรอก อาจจะเป็นชายชราที่พาเธอมาแอบช่วยเหลือเธออยู่ ในเมื่อมีคนมอบให้นางก็ไม่ปฏิเสธน้ำใจ ฉีหลินรีบวิ่งไปเก็บเห็ดหลินจือทั้งสามดอกใส่ตะกร้าทันที
“เยว่เล่อ เราเจอของดีเข้าให้แล้ว”
“อะไรหรือเจ้าคะพี่สะใภ้”
“เห็ดหลินจือดูเหมือนว่าจะอายุมากไม่แน่ว่าอาจจะร้อยปี เจ้ารอพี่อยู่ตรงนี้พี่ปีนขึ้นไปเก็บครู่เดียว”
“พี่สะใภ้ระวังนะเจ้าคะ อย่าให้ตกลงมาอีก”
“พี่ไม่ตกหรอก เจ้าวางใจได้”
“เราจะมีเงินแล้วใช่ไหมเจ้าคะ จะได้ให้ท่านพ่อแยกบ้านเสียที จะได้พาพี่ใหญ่ไปรักษา”
“เรายังแยกตอนนี้ไม่ได้หรอก ไม่รู้ว่าท่านพ่อกับน้องรองจะได้อะไรไปขายบ้างวันนี้ ก่อนที่เราจะแยกบ้านพี่ขอทุบตีคนให้มากหน่อย อีกอย่าง ยังต้องทวงสินเดิมของท่านแม่คืน รวมถึงสินเดิมของพี่ด้วย”
“มันจะได้คืนหรือเจ้าคะไม่ใช่พวกเขาเอาไปใช้หมดแล้วหรือ”
“อย่างน้อย ๆ ก็ต้องได้ที่ดินติดเชิงเขาของท่านแม่คืนมา ตอนแยกบ้านพวกเราจะได้ย้ายไปอยู่ที่นั้น”
“เจ้าค่ะ”
“ไปเก็บผักป่ากันแล้วค่อยกลับ วันนี้พอแค่นี้พรุ่งนี้เราค่อยมาใหม่ ต่อไปนี้พวกเราจะต่อต้าน วันนี้กลับไปแล้วพี่จะบอกให้ท่านพ่อไปพูดคุยเรื่องแยกครัวเราจะไม่กินข้าวรวมกับบ้านใหญ่”
“เจ้าค่ะพี่สะใภ้”
