บทที่ 7 ทุบตีคน ขอแยกบ้าน

ทางด้านพ่อลูกหยางเทียนฉีและหยางเฟยจินที่ดั้นด้นเข้ามาในป่าลึกตั้งแต่ยามอิ๋น ด้วยหวังว่าจะสามารถล่าสัตว์ป่าได้บ้างเพื่อที่จะนำไปขาย   เพื่อหาเงินเป็นทุนในการแยกบ้าน

“ท่านพ่อ พักสักหน่อยเถอะขอรับ”

“เช่นนั้นก็นั่งพักแถวนี้เถอะ พ่อขอโทษนะที่ทำให้พวกเจ้าต้องลำบากไปด้วยเป็นเพราะพ่อไม่ดีเอง”

“อย่าโทษตัวเองเลยขอรับ ท่านพ่อไม่คิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีหรือขอรับ หากเราใช้โอกาสนี้ขอแยกบ้านแต่เนิ่น ๆ ข้าคิดว่าท่านลุงกับท่านป้าย่อมยินดีให้เราแยกบ้าน”

“พวกเขาย่อมยินดีให้เราแยกบ้านแต่พวกเราจะต้องออกไปแต่ตัว  ถ้าเกิดบ้านเรามีแต่ผู้ใหญ่ที่โตแล้วทุกคนพ่อจะไม่หนักใจเลย อย่าลืมว่ายังมีเจ้าแฝดอยู่ด้วยหากเราผลีผลามไปจะเป็นการพากันตกที่นั่งลำบากได้ ตอนนี้เราคงต้องเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า”

“ขอรับ เราคงต้องเข้าป่าให้มากหน่อย พอขายสัตว์ที่ล่ามาได้      เราสมควรจะเก็บไว้เอง ต่อไปข้าจะไม่เอาเงินที่พวกเราหามาได้อย่างยากลำบากให้กับบ้านใหญ่อีกต่อไปแล้ว”

“ท่านป้าจะยอมหรือท่านพ่อ ข้ากลัวว่าจะมีปากเสียงกันอีก วันนี้พวกเราไม่ไปทำงานในทุ่งนา ข้ากลัวว่าพวกเรากลับไปคงต้องได้ทะเลาะกันกับท่านป้าเป็นแน่”

“นางอยากพูดอะไรก็ให้นางพูดไป อยากให้พ่อไปทำงานในทุ่งนาเช่นนั้นก็เอาเงินส่วนกลางมาจ่ายค่าอาเทียนสิ”

“ท่านป้านางคงไม่ยอมหรอกขอรับ พวกเราไปดูกับเถอะขอรับจะได้นำไปขายในเมืองเสียทีเดียว”

ทางด้านฉีหลินและเยว่เล่อเมื่อเก็บผักป่าสมุนไพรป่าจนพอใจแล้ว ทั้งสองคนมุ่งหน้ากลับบ้านทันที วันนี้นางจะให้พ่อสามีไปคุยเรื่องแยกครัว  ในเมื่อยังไม่ยอมให้แยกบ้านก็ต้องแยกครัวก่อนไม่ต้องไปกินข้าวร่วมกันที่บ้านใหญ่

“วันนี้พี่จะให้ท่านพ่อไปคุยเรื่องแยกครัวพี่ไม่รู้ว่าท่านป้ามหาภัยนั่นจะว่ายังไง”

“ข้าเกรงว่าป่านนี้พี่ฮุ่ยเหม่ยคงได้แจ้นไปฟ้องป้าสะใภ้แล้วแน่ ๆ เรื่องที่พี่สะใภ้ลงมือกับนาง”

“ฟ้องก็ฟ้องสิ ไม่เห็นจะกลัวเลยหากว่าไม่ยอมแยกครัวพี่จะทุบตีคนบ้านนั้นทุกวัน หากว่าต่อไปยังไม่ยอมแยกบ้านอีกพี่จะทุบตีคนบ้านนั้นทุกวันเจ้าว่าดีหรือไม่”

“เอ่อ มันจะดีจริง ๆ หรือเจ้าคะพี่สะใภ้ ท่านไม่กลัวหัวหน้าหมู่บ้านจับส่งทางการหรือ”

“ไม่หรอก ท่านลุงเมิ่งย่อมรู้ดีว่าอะไรถูกอะไรผิด พวกเราเพียงแค่ป้องกันตัวจากการถูกรังแก พวกเราจะเป็นคนผิดได้ยังไง”

เยว่เล่อมองไปที่พี่สะใภ้ของตนเหมือนมองคนแปลกหน้าเกิดอันใดขึ้นกับพี่สะใภ้ของนางกัน ทำไมนางถึงได้กลายเป็นคนที่เอะอะก็ทุบตีผู้อื่น  ไปแล้ว

หรือว่าตลอดเวลาพี่สะใภ้นางโดนคนเหล่านั้นทุบตีพอมาวันหนึ่ง นางก็ระเบิดความอัดอั้นนั้นออกมาทำให้กลายเป็นแบบนี้หรือเปล่านะ      แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วตอนนี้พี่ใหญ่ไม่สามารถปกป้องนางได้แต่มีพี่สะใภ้นางก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมารังแก

ทางด้านหยางเทียนฉีและหยางเฟยจินที่วันนี้เข้าป่าลึกเพื่อล่าสัตว์แต่ทว่าโชคไม่เข้าข้างพวกเขาเลยแม้แต่น้อย วันนี้พวกเขาจับได้เพียงกระต่ายป่า 3 ตัว และไก่ฟ้า 2 ตัวเท่านั้น หากนำไปขายแล้วคงได้เงินไม่กี่อิแปะ     แต่ยังดีกว่าไม่ได้เลย

“ท่านพ่อขอรับที่ท่านพ่อกับพี่สะใภ้คุยกันเรื่องขอแยกครัวท่านป้าจะยินยอมหรือขอรับ”

“นางย่อมยินยอมอยู่แล้วเพียงแต่จะไม่แบ่งอาหารให้พวกเราเท่านั้น แต่พ่อว่าจะไม่ขอแยกแค่ครัววันนี้พ่อจะต้องคุยกับท่านลุงของเจ้าให้เข้าใจ พ่อต้องการแยกบ้านหากไม่แบ่งอะไรให้เลยพ่อก็ไม่ว่าแต่จะต้องคืนที่ดิน     ที่เป็นสินเดิมของแม่เจ้ามาด้วย”

“แล้วสินเดิมของพี่สะใภ้ที่ท่านป้าเก็บเอาไว้ล่ะขอรับ”

“อันนี้พ่อจะขอคืนด้วยเพราะสินเดิมของฉีหลินย่อมเป็นของนาง  อีกอย่างฉีหลินไม่ได้เป็นสะใภ้บ้านนาง นางย่อมไม่มีสิทธิ์เก็บเอาไว้”

“ข้าว่าพวกนางไม่ยอมคืนให้แน่ ๆ ขอรับ แต่ถ้าแยกบ้านตอนนี้     พี่ใหญ่คงลำบากไม่น้อยหากเราจะต้องย้ายออก”

“บ้านนี้เป็นของพ่อครึ่งหนึ่งเราสามารถอยู่ได้ เพียงแค่เราอาจจะไม่ได้รับส่วนแบ่งอาหารหรือที่ทำกินเท่านั้น”

“ข้าจะเข้าเมืองไปหางานทำขอรับ อย่างน้อย ๆ จะได้มีเงินซื้อข้าวซื้อยาให้พี่ใหญ่และทุกคนในบ้าน”

“พ่อผิดเองเพราะยึดติดคำสั่งเสียของท่านแม่เกินไป และพ่อไม่คิดว่าพี่ชายแท้ ๆ ของพ่อแต่กลับทำกับพ่อเหมือนไม่ใช่พี่น้อง ตั้งแต่เจ้าใหญ่บาดเจ็บกลับมาและโดนบ้านใหญ่ยึดเอาเงินค่าสินไหมไปมันทำให้พ่อคิดได้ คนพวกนั้นก็เหมือนหลุมไร้ก้นที่ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม แล้วยังทำร้ายพี่สะใภ้ของลูกอีก นางอ่อนแอถึงเพียงนั้นจะไปกล้ามีปากเสียงกับใคร ที่ผ่านมานางถูกพวกนั้นรังแกมาเท่าไหร่”

“เราเอาพวกนี้ไปขายวันนี้เลยหรือไม่ขอรับท่านพ่อ”

“อืมเอาไปขายให้ลุงหวังในหมู่บ้านก็แล้วกัน หากเอาไปขายในเมืองก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่”

ทั้งสองคนเดินออกจากป่าและมุ่งหน้าไปบ้านของลุงหวังเพื่อขายสัตว์ป่าที่ล่ามาได้ในวันนี้ส่วนไก่ฟ้าพวกเขาไม่ได้ขายทั้งหมดแต่นำกลับมา เพื่อต้มน้ำแกงให้เฟยเทียนหนึ่งตัว

กระต่าย 3 ตัวได้เพียง 60 อิแปะ ไก่ฟ้า 1ตัว 25 อิแปะ หลังจาก ขายกระต่ายและไก่ให้ลุงหวังแล้วทั้งสองคนเดินมุ่งหน้ากลับบ้านทันที         หยางเทียนฉีคิดว่าวันนี้ตนจะต้องขอแยกบ้านให้ได้ หากยังอยู่ร่วมกันกับพี่ชายครอบครัวบ้านสองคงลืมตาอ้าปากไม่ได้

ฉีหลินที่กลับมาพร้อมกับเยว่เล่อ ที่ตอนนี้กำลังประจันหน้าอยู่กับนางหลินที่ยืนหน้าดำเป็นตับหมูเพราะลูกสาวสุดที่รักของนางมาบอกว่าโดนหวังฉีหลินทุบตีที่ท้ายหมู่บ้าน

“กลับมาก็ดีแล้ว เจ้าช่างกล้าลงมือทุบตีลูกสาวของข้า เจ้ารอดูได้เลยว่าวันนี้หากข้าไม่ลงมือจัดการเจ้าข้าคงนอนไม่หลับ พวกอกตัญญูกาฝากเช่นพวกเจ้าสมควรจะตาย ๆ ไปแล้วไม่น่าอยู่มาจนถึงวันนี้”

“เยว่เล่อ เอาผักไปให้ท่านแม่ก่อน”

“แต่ว่า พี่สะใภ้ ท่าน”

“ไม่ต้องห่วงพี่ พี่เอาตัวรอดได้ เจ้าก็เห็นแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ข้าจะไปตามท่านแม่นะเจ้าคะ”

“อย่าลืมเอาเก็บผักให้ดี ๆ ล่ะ”

“สั่งเสียกันพอหรือยัง เจ้ากล้าที่จะลงมือกับลูกสาวของข้า ก็อย่ามาหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน”

“ใครกันบอกว่าข้าลงมือกับลูกสาวของท่าน ท่านป้าท่านเห็นกับตาหรือเจ้าคะ”

“นังฉีหลินอย่ามาพูดจาเล่นลิ้นไปหน่อยเลย หากเจ้าไม่ได้ทุบตีข้า หรือเป็นข้าที่ลงมือทุบตีตัวเอง ท่านแม่ดูสิเจ้าคะหน้างาม ๆ ของข้าเสียหายหมดแล้วท่านแม่ต้องทวงความเป็นธรรมให้ข้านะเจ้าคะ”

“เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ แม่จะไม่ยอมให้พวกมันได้รังแกลูกอีก รอพ่อกับพี่ชายของลูกกลับมาจากทุ่งนาก่อนแม่ให้สะใภ้รองไปตามแล้ว”

“ท่านป้ามีเรื่องที่จะพูดแค่นี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ หากไม่มีอะไรแล้ว    ข้าขอตัวนะเจ้าคะ”

“ยังไปไม่ได้ เจ้าจะยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” ในตอนนั้นเองหยางเทียนฉีและลูกชายก็กลับมาถึงบ้านพอดี

“นี่มันอะไรกันพี่สะใภ้ มีอะไรกัน”

“เจ้ามาก็ดีแล้วน้องรองลูกสะใภ้ของเจ้าลงมือทุบตีลูกสาวของข้า เจ้าบอกข้าหน่อยสิว่าจะชดใช้ยังไง”

“ลูกสะใภ้ข้าน่ะหรือจะไปทุบตีลูกสาวของท่าน นางอ่อนแอเพียงนี้แถมเมื่อวานลูกสะใภ้ของท่านยังผลักนางตกร่องเขาอีก นางจะไปมีปัญญา ทุบตีใครได้ ท่านจะใส่ร้ายเกินไปแล้ว”

“น้องรอง เจ้าพูดแบบนี้ ไม่เท่ากับเจ้ากล่าวหาข้าหรือ”

“กล่าวหาหรือไม่ท่านรู้อยู่แกใจดีไม่ใช่หรือ ยังต้องให้ข้าพูดอะไรอีก ในเมื่อท่านพูดมาถึงขนาดนี้ท่านช่วยคืนสินเดิมของนางให้นางด้วย และ    สินเดิมของภรรยาข้าด้วยพวกข้าต้องการนำกลับมาดูแลเอง และนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเราจะทำอาหารกินเอง รบกวนท่านแบ่งส่วนอาหารที่เป็นของเราออกมาด้วย”

“จะได้ยังไงกัน เจ้าไม่เคยได้ยินคำที่ว่าพี่สะใภ้เปรียบเหมือนแม่    อีกคนหรือ การที่ข้าดูแลเรื่องทุกอย่างในบ้านให้พวกเจ้าอยู่ดีกินดีนี่ยังไม่พอหรือ อกตัญญูแล้ว อกตัญญูจริง ๆ ทำไมข้าถึงได้เลี้ยงดูพวกหมาป่าตาขาว  มาได้ตั้งหลายปี”

“หยุด แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสินเดิมข้า ข้าไม่ได้เป็นลูกสะใภ้ของท่านแล้วท่านมีสิทธิ์อะไรมาเอาสินเดิมของข้าไปเก็บไว้ แล้วแม่สามีของข้าก็ไม่ใช่ลูกสะใภ้ท่านด้วย หากอยากเก็บก็เก็บสินเดิมของลูกสะใภ้ท่าน ตกลงท่านจะคืนหรือไม่คืน หากท่านไม่คืนข้าจะทุบตีลูกสาวของท่านเดี๋ยวนี้”

“หากเจ้ามีความสามารถก็ลองดู”

“มีหรือไม่มี ลูกสาวของท่านรู้ดีไม่ใช่รึ”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าทำอะไรกัน น้องรองเจ้ากับลูกสะใภ้    ทำอะไรกันนี่ หากไม่เห็นหัวพี่สะใภ้เจ้าก็แล้วไปเถอะนี่ยังไม่เห็นหัวข้าอีกคนเจ้ายังเป็นน้องของข้าอยู่อีกหรือไม่ แล้วเจ้าหัดอบรมสั่งสอนลูกสะใภ้บ้างนะ”

“ท่านมาก็ดีแล้วพี่ใหญ่ ข้าต้องการแยกบ้านและต้องการสินเดิมของภรรยาและของลูกสะใภ้ข้าคืน”

“แล้วทำไมข้าต้องคืน ในเมื่อก่อนแยกบ้านทุกอย่างในบ้านข้าเป็นคนดูแล สินเดิมของพวกเจ้าก็ขายไปเกือบหมดเพื่อนำเงินมาเลี้ยงดูคนในครอบครัวยามที่เกิดภัยแล้ว แล้วจะยังเหลืออะไรอยู่อีก เจ้ายังกล้ามาทวงถามอีกหรือ”

“ขายหมดหรือ ไม่ใช่ท่านเอาสินเดิมของข้าเตรียมไปเป็นสินเดิมของลูกสาวท่านหรือ ถ้าวันนี้ท่านไม่คืนของของข้าอย่าหวังว่าลูกสาวท่านจะได้แต่งงานเลย”

“มันจะมากไปแล้วนะ น้องสะใภ้ นี่เจ้าเห็นพวกข้าตายไปแล้วหรือ พวกข้ายังอยู่ใครหน้าไหนก็ไม่สามารถรังแกน้องสาวของพวกข้าได้”

“เช่นนั้นหรือ ได้ในเมื่อพวกท่านต้องการแบบนี้อย่าหาว่าข้า        ไม่เกรงใจ ข้าไม่ใช่หวังฉีหลินคนเดิมที่จะยอมให้ใครมากดหัว”

“สะใภ้ใหญ่ สะใภ้รอง จับมันเอาไว้ วันนี้ข้าจะเลาะฟันมันให้หมดปาก”

“เจ้าค่ะท่านแม่”

แต่ยังไม่ทันที่ใครจะเข้ามาจับได้ ฉีหลินก็จัดการสองสะใภ้ทั้งเตะ  ทั้งต่อยจนหน้าของทั้งสองคนกลายเป็นหัวหมู ส่วนฮุ่ยเหม่ยกับนางหลินเองก็โดนไปไม่น้อย ฉีหลินยังไม่สาแก่ใจจัดการญาติผู้พี่ของสามีทั้งสองเสีย      ราบคาบ

ตอนนี้หยางเทียนฉีตกใจแล้วตกใจอีก หยางเฟยจินที่ตกใจยืนนิ่ง  พูดอะไรไม่ออก นางเจียงวิ่งออกมาพร้อมลูกสาวได้แต่ยืนมองลูกสะใภ้ของตัวเองลงมือทุบตีคนบ้านใหญ่

ปากของลูกสะใภ้ก็เอ่ยถามจะคืนสินเดิมของข้ากับท่านแม่หรือไม่ จะยอมให้แยกบ้านหรือไม่ ลงมือครั้งหนึ่งก็เอ่ยปากถามครั้งหนึ่ง นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับลูกสะใภ้ของนางกันแน่

“หยุด พอ พอได้แล้ว ข้าบอกให้หยุด” หยางฮุ่ยเหอที่ได้สติกลับมาแล้ว ตอนนี้ทั้งลูกชาย ลูกสาวรวมถึงภรรยาของเขาและลูกสะใภ้ นอนกองกันอยู่ที่พื้นหน้าตาดูไม่ได้แยกไม่ออกว่านี่หน้าคนหรือหัวหมู ท่ามกลางเสียงร้องไห้ของหลาน ๆ

“น้องรอง พวกเจ้ากล้าดีจริง ๆ เพียงเพราะต้องการแยกบ้านต้องทำถึงเพียงนี้”

“หรือท่านอยากโดนทุบตีอีกคนเจ้าคะ ถึงจะยอมคืนสินเดิมของข้าและท่านแม่มา หากข้าไปแจ้งทางการแล้วล่ะก็ท่านว่าใครกันแน่ที่มีความผิด อย่าเอาความกตัญญูมากล่าวอ้าง สินเดิมของใครย่อมเป็นของคนนั้น อย่ามาทำตัวหน้าหนาเจ้าค่ะ”

“ตกลงพวกเจ้าจะเอายังไง” เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ฉีหลินพูดมาทั้งหมด เป็นเรื่องจริงหากนางไปแจ้งทางการแล้วล่ะก็พวกเขาต้องมีความผิดแน่ ๆ ทำไมนางถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวน้องชายของเขา   ที่ไม่เคยมีปากเสียงเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา

“พี่ใหญ่ คืนสินเดิมของเมียข้ากับลูกสะใภ้ข้ามา ข้าต้องการแยกบ้านส่วนที่นาข้าไม่เอาหากไม่เพราะข้าทำตามคำสั่งเสียของท่านแม่ ท่านคิดว่าข้าจะยอมให้ท่านรังแกครอบครัวของข้าขนาดนี้หรือ ลูกชายข้าบาดเจ็บกลับมาพวกท่านก็เก็บเงินค่าสินไหมเอาไว้และไม่ยอมตามหมอมารักษา พวกท่านยังเป็นคนอยู่หรือไม่”

“ได้ในเมื่อเจ้าอยากแยกบ้านก็ย่อมได้แต่ข้าไม่มีอะไรจะคืนให้       มีเพียงที่ดินเชิงเขาของเมียเจ้าเท่านั้นที่เหลืออยู่ ส่วนแบ่งอาหารไม่มีทรัพย์สินทุกอย่างข้าไม่แบ่งหากเจ้าไม่พอใจก็ไม่ต้องแยก หากอยากแยกบ้านก็ต้องทำตามข้อตกลงของข้า”

“ได้ แต่บ้านนี้ข้ามีสิทธิ์อยู่ เพราะเป็นบ้านที่ท่านแม่ยกให้ข้า”

“แต่ข้าไม่ให้อยู่ พวกเจ้าต้องย้ายออกไป”

“ท่านลุงหากท่านไล่เราออกจากบ้านที่ท่านย่ายกให้ท่านพ่อตอนนี้ ข้าจะทุบตีลูก ๆ ของท่านทุกวันดีหรือไม่เจ้าคะ”

“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ข้าจะจับเจ้าส่งทางการ”

“ข้าก็จะจับท่านลุงและครอบครัวส่งทางการ นอกจากจะฮุบเอา   สินเดิมของคนอื่นแล้วยังลงมือทำร้ายข้าอีกด้วย ข้าแค่ป้องกันตัวเอง ท่านคิดว่าเจ้าหน้าที่ทางการจะเชื่อใคร พวกท่าน 6 คนมารุมทุบตีสตรีอ่อนแอเช่นข้าแค่คนเดียว ใครจะไปเชื่อพวกท่านกัน”

“เฟยจินไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมา เขียนหนังสือแยกบ้าน”

“ขอรับท่านพ่อ”

หยางฮุ่ยเหอมองไปที่ฉีหลินด้วยความคับแค้นใจ และมองน้องชาย   ที่เขากดขี่ข่มเหงมาหลายปีตลอดเวลาท่านแม่รักแต่น้องชายมีอะไรยกให้น้องชายก่อนในเมื่อไม่มีท่านแม่แล้วเขาจะต้องเอาคืนอย่างสาสมแต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้น้องชายที่ยอมเขามาตลอดจะลุกขึ้นมาต่อต้านเขา

บทก่อนหน้า
บทถัดไป