บทที่ 8 สัญญาแยกบ้าน และข้อเรียกร้องของหวังฉีหลิน
ทันทีที่เฟยจินไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมาเพื่อเขียนสัญญาแยกบ้าน ในตอนที่บ้านหยางเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกันนั้นย่อมตกอยู่ในสายตาของชาวบ้าน
เมื่อหยางเฟยจินวิ่งหน้าตั้งไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน ขากลับมาพร้อมหัวหน้าหมู่บ้านจึงมีชาวบ้านตามมาเป็นพยานเป็นจำนวนมาก จะกล่าวว่ามาช่วยเป็นพยานก็คงจะไม่ใช่ทั้งหมดหากแต่เพื่อสนองต่อความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองเสียมากกว่า
ชาวบ้านหลายคนตามมาดูเพื่อสนองความต้องการของตัวเองและเพื่อให้ได้มีเรื่องนำไปซุบซิบนินทาในแต่ละวัน ในขณะที่รอหัวหน้าหมู่บ้าน หวังฉีหลินได้เริ่มมีปากเสียงกับหยางฮุ่ยเหอโดยมีพ่อสามีและน้องสาวของสามี ยืนมองอ้าปากค้าง
ต่างคนต่างความคิด นี่เป็นลูกสะใภ้ตัวปลอมของเราแน่ ๆ ทำไมนางถึงได้กล้าที่จะมีปากเสียงกับพี่ชายของเขา แถมยังลงไม้ลงมือกับพี่สะใภ้และบรรดาลูกชายและลูกสะใภ้บ้านใหญ่อีกด้วย
“ตกลงว่ายังไงเจ้าคะท่านลุง ท่านจะยอมคืนสินเดิมของท่านแม่ และของข้าหรือไม่ หากไม่คืนข้าจะทุบตีภรรยาท่าน จนกว่าท่านจะยอมคืน”
“หวังฉีหลิน มันจะมากไปแล้วนะ นี่เจ้าไม่เห็นหัวข้าที่เป็นผู้อาวุโสของบ้านหรืออย่างไร นอกจากเจ้าจะไม่ให้เกียรติภรรยาของข้าแล้วเจ้ายังมาลามปามข้าอีก พ่อแม่สามีเจ้าสั่งสอนมาเช่นนี้รึ”
“ผู้อาวุโส ? ท่านลุงเพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นผู้อาวุโสของบ้านหรือเจ้าคะ นี่คือสิ่งที่ผู้อาวุโสสมควรกระทำแล้วหรือเจ้าคะ หลายปีมานี้ท่านปฏิบัติต่อท่านพ่อสามีของข้าเช่นไรบ้าง ท่านเคยคิดหรือไม่ว่านั่นคือน้องชายแท้ ๆ ของท่าน ท่านพ่อสามีของข้าครอบครัวของข้าทำงานในแปลงนามากกว่าลูกชายท่านและท่านอีก แต่ส่วนแบ่งอาหารพวกเรากลับได้น้อยนิด สามีของข้า ไปทำงานในเมืองได้รับบาดเจ็บกลับมาเมื่อนายจ้างจ่ายค่าสินไหมมา เมียของท่านกลับยึดเอาเงินนั้นไปเป็นของตัวเองนี่คือสิ่งที่ผู้อาวุโสกระทำหรือเจ้าคะ นี่คือสิ่งที่ท่านเห็นว่าสมควรหรือ”
“ท่านพี่จะไปพูดกับมันทำไมเจ้าคะ รีบจัดการมันสิเจ้าคะข้าเจ็บ จะตายอยู่แล้ว”
“จัดการหรือได้ ๆ ข้าจะจัดการเจ้าเดี๋ยวนี้ป้าสะใภ้มหาภัย” ฉีหลินเสยปลายคางนางหลินสลบเหมือด ส่วนลูกชายทั้งสองคนนั้นแกล้งตายไปเพราะไม่อยากโดนทุบตีอีก หากว่าพวกเขาลุกขึ้นจะต้องโดนนางอันธพาล ฉีหลินทุบตีอีกแน่ ๆ
แต่เดิมทีพวกเขาไม่คิดจะลงมือกับนางอยู่แล้ว พวกเขาแค่ยืนดูอยู่เงียบ ๆ ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับท่านพ่อท่านแม่ที่เอารัดเอาเปรียบครอบครัวอารอง แต่พวกเขาจะทำอะไรได้ในเมื่ออำนาจในบ้านถือว่าท่านแม่เป็นใหญ่
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านมาถึงและเห็นว่าเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย เมื่อฉีหลินเริ่มทุบตีป้าสะใภ้อย่างนางหลินโดยไร้ความปราณีเหตุเพราะไม่ยอมคืนสินเดิมให้นางและแม่สามีนาง จนเขาต้องรีบห้ามทัพก่อนที่จะมีใครสักคนตกตาย
“ฉีหลิน หยุดก่อน เจ้าใจเย็น ๆ วางนางหลินลงก่อนเถอะประเดี๋ยวนางได้ตายก่อนพอดี”
“ตกลงว่าพวกเจ้าต้องการแยกบ้านกันใช่หรือไม่”
“ใช่ขอรับหัวหน้าหมู่บ้าน ข้ารบกวนท่านเขียนหนังสือแยกบ้านให้ด้วยขอรับ และเขียนเอาไว้ด้วยว่าต่อไปนี้ข้ากับพี่ใหญ่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ส่วนทรัพย์สินข้าขอสินเดิมของลูกสะใภ้ข้าและของภรรยาข้าคืนขอรับ จากนี้ไปพวกเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก ไม่ว่ายากดีมีจนก็ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันอีกขอรับ”
“ได้ ๆ ข้าจะเขียนให้เดี๋ยวนี้ ส่วนเจ้าล่ะฮุ่ยเหอมีอะไรจะพูดหรือไม่”
“ไม่มีขอรับ แต่จะมาเรียกร้องเอาสินเดิมคืนข้าให้คืนได้เท่าที่มีอยู่ นอกเหนือจากนั้นข้าไม่อาจหาคืนมาให้ได้ กินใช้ด้วยกันแท้ ๆ เนรคุณจริง ๆ”
“เดี๋ยวเจ้าค่ะ ยังมีอีก ปิ่นทองสินเดิมของข้า ข้าต้องการคืนด้วย เจ้าค่ะ สิ่งใดที่เป็นสินเดิมของข้าจะต้องคืนให้ข้าจนครบ”
“นี่หวังฉีหลินข้าก็บอกแล้วไงปีนั้นที่บ้านขาดเงินตอนเอาของ ออกไปขายทำไมเจ้าไม่คัดค้านพอมาตอนนี้จะให้ข้าไปหาที่ไหนมาคืนเจ้า” หยางฮุ่ยเหอเริ่มควบคุมอารมณ์ไม่ถูก
“แล้วก็ท่านลุงเมิ่งท่านเขียนลงไปด้วยว่า ต่อไปนี้หากพวกเขาเดินเข้ามาในบ้านของพวกข้าแม้แต่ก้าวเดียวถือว่าบุกรุกและข้าสามารถทุบตี พวกเขาได้โดยไม่มีความผิด”
“ได้ ๆ ข้าจะเขียนให้ตามที่เจ้าว่ามา”
“มีอีกเรื่องเจ้าค่ะ พวกเราจะอาศัยอยู่ที่นี่จนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ได้ และคนบ้านใหญ่ไม่มีสิทธิ์มาขับไล่พวกข้าออกไปจากบ้านก่อนเวลาเจ้าค่ะ”
“ได้ ข้าจะเขียนให้ ใครยังมีอะไร ก็พูดมาให้หมดเสียทีเดียว”
“ข้อสุดท้ายเจ้าค่ะท่านลุงเมิ่ง บ้านใหญ่ต้องแบ่งเงินส่วนกลางให้พวกข้าครึ่งหนึ่งและต้องคืนเงินสินไหมที่ท่านเศรษฐีจ่ายค่ารักษาสามีข้าคืน รวมถึงปิ่นที่อยู่บนหัวของป้าสะใภ้และลูกสาวอีกทั้งลูกสะใภ้ของนางด้วย นั่นเป็นสินเดิมของข้า”
“นังฉีหลินมันจะมากไปแล้วนะ จะเรียกร้องมากไปแล้ว”
“มากไป? อะไรที่ว่ามากไปเจ้าคะ ของก็ของข้าหน้าท่านช่างหนานัก”
“เอาล่ะ ๆ ตกลงตามนี้ พวกเจ้าคืนของให้นางและแม่สามีนางเสียไม่เช่นนั้นคงได้ไปตกลงต่อหน้าเจ้าหน้าที่ทางการ”
“จำเอาไว้นะหากข้ารู้ว่ามีใครคิดรังแกน้อง ๆ และลูก ๆ ของข้า สามีข้า พ่อแม่สามีข้า ข้าจะทุบตีพวกเจ้าจนพวกเจ้าอยู่ไม่สู้ตาย จำคำข้าเอาไว้เสียด้วย ที่ข้าเป็นอยู่ในตอนนี้เพราะพวกเจ้า เจ้า เจ้า และเจ้าทั้งหลาย บีบบังคับให้ข้าต้องกลายเป็นคนเช่นนี้ แล้วอย่ามาหาว่าข้าร้ายก็แล้วกัน”
หลังจากที่ได้สินเดิมคืนแม้มันจะไม่ครบแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้กลับคืนมา ส่วนเงินส่วนแบ่งได้มา 50 ตำลึงถือว่าน้อยมากแต่ยังดีกว่าไม่ได้ ส่วนลูกชายฝาแฝดของฉีหลินที่แอบดูเหตุการณ์อยู่นอกประตูเมื่อเห็นมารดาของตัวเองลงมือทุบตีคนบ้านท่านปู่ใหญ่ ทำให้เด็กน้อยทั้งสองคนรู้สึกว่าท่านแม่ของพวกเขาช่างเก่งกาจเสียจริง
“โตขึ้นมาข้าจะเอาอย่างท่านแม่ล่ะ” หยางหนิงเฉิง
“ใช่ท่านแม่ของข้าเก่งที่สุด ต่อไปพวกเราไม่ต้องกลัวใครจะมารังแกแล้ว ข้าคิดว่าแม้แต่ท่านพ่อยังไม่เก่งเท่าท่านแม่เลย” หยางหนิงเจี้ยน
“ใช่ ๆ ข้าเห็นด้วยกับเจ้านะอาเจี้ยน เราไปขอให้ท่านแม่สอน การต่อสู้ให้ดีหรือไม่”
“ย่อมดีอยู่แล้วสิ ต่อไปใครกล้ารังแกข้า ข้าจะอัดให้เละเลยล่ะ หึ หึ”
“พวกเจ้าสองพี่น้อง เข้ามาได้แล้วระวังท่านย่าของพวกเจ้ากลับมาก่อนเถอะ ท่านย่าบอกให้อยู่แต่ในบ้านไม่ใช่หรือ”
“อ๊ะ ท่านพ่อ ถ้าท่านพ่อไม่บอกท่านย่าไม่รู้หรอกขอรับ แต่ท่านแม่เก่งจริง ๆ นะขอรับท่านพ่อ”
“ท่านแม่ของลูกย่อมเก่งอยู่แล้วสิ ไม่เก่งแล้วพ่อจะหลงรักนางหรือ”
หลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านอยู่เป็นพยานในการแยกบ้านและมอบหนังสือสัญญาแยกบ้านเอาไว้ให้คนละฉบับส่วนอีกฉบับเขาจะนำไปส่งทางการพรุ่งนี้ให้เจ้าหน้าที่ทำการบันทึกและลบชื่อออกจากผังตระกูล โดยหยางเทียนฉีเองพรุ่งนี้จะต้องเดินทางเข้าเมืองเพื่อขอทะเบียนบ้านใหม่ด้วยเช่นเดียวกัน
“เอาล่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าทั้งสองฝ่ายโปรดทำตามข้อตกลงและรักษาสัญญาด้วย หมดหน้าที่ของข้าแล้วข้ากลับก่อนก็แล้วกันหากมีเรื่องอะไรต้องการให้ข้าช่วยเหลือก็ไปหาข้าได้ ข้าดีใจด้วยนะเทียนฉี ในที่สุดก็หลุดพ้นเสียที”
“ขอบคุณท่านลุงเมิ่งมากขอรับ”
หลังจากที่ได้คืนทรัพย์สินที่ยึดมาเป็นของตัวเองอย่างไม่เต็มใจแล้ว นางหลินพร้อมด้วยลูกสะใภ้และลูกสาวก็ต้องนอนหยอดน้ำข้าวต้มไปหลายวัน ส่วนลูกชายทั้งสองเมื่อเห็นว่าคนบ้านสองกลับไปแล้วก็รีบลุกขึ้นทันที
“โอย ข้าตกใจจะแย่แล้วพี่ใหญ่” หยางฮุ่ยหมิ่น
“ใช่ ข้าตกใจมาก ทำไมเมียเฟยเทียนถึงได้บ้าเลือดขนาดนี้ ข้าโดนนางถีบกระเด็นจุกเสียจนลุกไม่ขึ้น ตัวนางก็เท่านั้นไปเอาแรงมาจากไหนกัน” หยางฮุ่ยเจียง
“จะอะไรก็ช่างเถอะพี่ใหญ่ต่อไปนี้ ท่านกำชับพี่สะใภ้อย่าให้ไปหาเรื่องพวกนางอีก ที่ท่านแม่ทำกับครอบครัวอารองมาหลายปีมันก็เกินพอแล้ว ถึงเราจะห้ามท่านแม่ไม่ได้แต่เราห้ามเมียตัวเองได้ ข้าก็จะบอกเมียข้าเหมือนกันต่อไปนี้อย่าได้ไปยุ่งกับคนบ้านนั้นอีก หากเกิดอะไรขึ้นมาข้าเองก็ไม่สามารถช่วยได้หรอกนะขอรับ”
“อืม ส่วนท่านแม่ก็แล้วแต่นางเถอะ เราจะพูดอะไรก็ไม่ได้”
“เข้าบ้านกันเถอะ”
หยางเทียนฉีและนางเจียงเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยความรู้สึกหลากหลาย การที่ได้แยกบ้านนั้นนับว่าเป็นเรื่องดี แต่ใครจะไปคิดว่าจากที่ตอนแรกไปขอแยกบ้านพูดจากันด้วยเหตุผล แต่บ้านใหญ่กลับไม่ยอมเสียอย่างนั้น
แต่พอมาวันนี้ ลูกสะใภ้ตัวเองกลับไปทุบตีคนบ้านใหญ่และยังขอแยกบ้านได้สำเร็จอีกทั้งยังได้สินเดิมกลับมาด้วยถึงแม้ว่ามันจะไม่ครบก็ตามที ที่สำคัญลูกสะใภ้ของเขาต่อสู้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน หรือนี่ไม่ใช่ลูกสะใภ้ของเขาแต่จะว่าใช่ก็ใช่ไม่ใช่มันก็ไม่ใช่
“ท่านพี่คิดอันใดอยู่หรือเจ้าคะ”
“ข้าคิดว่าลูกสะใภ้แปลกไปหรือไม่น่ะ ดูนางเปลี่ยนไปตั้งแต่ตกเขา”
“นางเป็นแบบนี้ก็ดีแล้วนี่เจ้าคะ ดีกว่าเมื่อก่อนที่ยอมก้มหน้าให้ตัวเองถูกรังแก”
“อืม หรือนางตกร่องเขา แล้วได้พบกับท่านเทพกันนะ ท่านเลยสงสารพร้อมกับมอบความกล้าให้นาง”
“ท่านพี่ ท่านเพ้อเจ้ออันใดเจ้าคะ ไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ นางคือนางไม่ใช่คนอื่นที่สำคัญนางคือลูกสะใภ้ของท่านและยังเป็นลูกสาวของสหายรักของท่านและเป็นทายาทเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ท่านอย่าได้คิดว่านางเป็นคนอื่น หากอีก 100 ปีข้างหน้าท่านได้พบกับสหายของท่านในปรโลก ท่านจะบอกสหายท่านว่าลูกของเจ้าไม่ใช่ลูกของเจ้าแต่เป็นใครก็ไม่รู้หรือเจ้าคะ เลิกคิดไร้สาระได้แล้วเจ้าค่ะ”
“ท่านพ่อขอรับ พวกเราจะย้ายออกตอนไหน ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่เลยแม้แต่วันเดียว” หยางเฟยจิน
“พ่อก็อยากย้ายออก เอาแบบนี้ก็แล้วกันพรุ่งนี้เราไปแผ้วถางที่ดินสินเดิมแม่ของเจ้าที่เชิงเขาแล้วเราค่อยสร้างบ้านดินขึ้นมาอยู่ชั่วคราวไปก่อนดีหรือไม่”
“ดีขอรับ”
ในห้องครัวฉีหลินที่กำลังอารมณ์ดี ตอนนี้กำลังลงมือทำอาหาร มื้อใหญ่เลี้ยงฉลองให้กับชัยชนะของนางในวันนี้โดยมีลูกชายทั้งสองคน คอยเป็นลูกมือ
“เจี้ยนเอ๋อร์ ผักที่แม่ให้ล้างได้หรือยัง”
“ได้แล้วขอรับท่านแม่ นี่ขอรับ”
“ท่านแม่จะทำอะไรให้พวกเรากินหรือขอรับ แล้วมีส่วนของท่านพ่อหรือไม่ขอรับ” หยางหนิงเฉิงถามมารดาออกมายาวเหยียด
“แม่จะทำน้ำแกงไก่ให้พ่อของเจ้าก่อน ลูกอยากกินอะไรล่ะซาลาเปาเนื้อดีหรือไม่”
“ดีขอรับแต่บ้านเราไม่มีเนื้อนี่ขอรับ จะเอาเนื้อที่ไหนมาทำซาลาเปา”
“เอาไว้พรุ่งนี้เราค่อยไปซื้อเนื้อมาทำ แม่สัญญาว่าจะทำให้พวกเจ้ากินแน่นอน แต่ตอนนี้กินเท่าที่มีไปก่อนนะลูก”
“ขอรับท่านแม่”
ฉีหลินได้แต่คิดในใจว่าจะเอาอะไรออกมาจากมิติก็ไม่ได้ ต้องรอให้ย้ายไปอยู่บ้านใหม่เสียก่อนอีกทั้งตอนนี้นางยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยความลับให้ทุกคนได้รับรู้ พรุ่งนี้คงต้องเอาเห็ด 3 ดอกไปขายในเมืองเสียแล้ว
