บทที่ 9 สาเหตุแห่งความเคียดแค้นของหยางฮุ่ยเหอ

บ้านใหญ่ตระกูลหยาง

หลังจากที่บ้านสายรองได้ทำการแยกบ้านออกไปแล้วนอกจากนี้  นางหลินยังต้องคืนสินเดิมให้กับหวังฉีหลินกลับไปและยังมีที่ดินที่เป็นสินเดิมของนางฟางด้วย เรื่องนี้ทำให้นางหลินไม่พอใจเป็นอย่างมาก คนพวกนี้มีความกล้าตั้งแต่เมื่อไหร่กันเรื่องสินเดิมของนางฟางนั้นถูกแม่สามีของนางนำไปใช้จ่ายจนหมดตั้งแต่สมัยแม่สามีของนางยังมีชีวิตอยู่

พอหวังฉีหลินแต่งเข้ามานางจึงลอกเลียนแบบแม่สามีของตนเอง โดยทำการยึดเอาสินเดิมของหวังฉีหลินมาเก็บเอาไว้โดยอ้างว่าสินเดิมของ ทุกคนต้องนำมาเก็บรวมกันที่บ้านใหญ่ถึงแม้ว่าหวังฉีหลินจะไม่ได้เป็นลูกสะใภ้ของนางก็ตาม

แล้วตอนนี้นางจะทำยังเช่นไรล่ะนอกจากจะต้องคืนของแล้วนางยังต้องมาเจ็บตัวเองไม่รู้ว่านังฉีหลินถูกวิญญาณร้ายที่ไหนเข้าสิงมาถึงได้กล้า  ลงมือกับนางขนาดนี้ ไม่ใช่แค่นางยังมีลูกสะใภ้และลูกชายของนางด้วยต่อไปนี้คงรังแกคนพวกนั้นไม่ได้อีกแล้ว

แต่ด้วยนิสัยของนางหลินย่อมต้องหาโอกาสแก้แค้นอยู่แล้วแต่จะ  แก้แค้นสำเร็จหรือไม่ก็ต้องดูด้วยว่านางหลินมีความสามารถที่จะแก้แค้นหรือให้สำเร็จหรือไม่

“เจ็บใจจริง ๆ แล้วแบบนี้สินเดิมของข้าล่ะท่านแม่จะทำยังไง ของก็คืนให้นังฉีหลินไปหมดแล้ว แล้วข้าล่ะข้าจะทำยังไง”

“เจ้าจะแหกปากโวยวายอะไร ถ้าเจ้ามีความสามารถก็ไปแย่งกลับมาสิ”

“ท่านแม่ ทำไมท่านพูดแบบนี้เจ้าคะ” หยางฮุ่ยเหม่ยตะคอกถามมารดา

“จะแหกปากให้ได้อะไรขึ้นมา ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว แต่ข้าจะ   ไม่ยอมให้จบแค่นี้แน่ แยกบ้านแล้วยังไงสัญญาตัดขาดแล้วยังไง อย่าให้ข้าได้มีโอกาสก็แล้วกันข้าจะจับลูกสาวของมันไปขายเป็นทาส หลานของมันด้วย”

“ดีเจ้าค่ะท่านแม่ ข้าจะดูน้ำหน้าของพวกมันว่าจะทำอะไรเราได้หรือไม่หากถึงเวลานั้น”

สองแม่ลูกที่ยังไม่รู้จักเข็ดหลาบนั้นลืมไปเสียสนิทว่าสัญญาแยกบ้านถูกส่งให้ทางการอีก 1 ฉบับและทั้งสองครอบครัวตัดขาดกันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก อีกทั้งหากคนจากบ้านใหญ่บุกรุกเข้าไปในพื้นที่ของบ้าน  สายรองหวังฉีหลินสามารถทุบตีพวกเขาได้โดยไร้ซึ่งความผิด

“พวกเจ้าสองแม่ลูกหุบปากกันสักทีได้หรือไม่ ยังไม่รีบไปหายาทาอีก หน้าตาน่าเกลียดขนาดนี้ออกไปให้พ้น ๆ หน้าข้า ไม่ได้เรื่อง นอกจากจะต้องคืนสินเดิมให้พวกมันแล้วยังโดนทุบตีขนาดนี้ ไร้ประโยชน์จริง ๆ” หยางฮุ่ยเหอระเบิดอารมณ์ใส่ลูกสาวและภรรยา

“ท่านพ่อทำไมท่านพูดแบบนี้เจ้าคะ ท่านเก่งนักทำไมท่านไม่ไปทุบตีนังฉีหลินล่ะ ท่านจะมาพาลเอากับข้าและท่านแม่ได้ยังไง”

“นั่นสิเจ้าคะท่านพี่ ทำไมท่านถึงได้พูดแบบนี้ ที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ไม่ใช่ว่าท่านพี่ไร้ความสามารถหรือเจ้าคะ”

“หุบปาก ข้าบอกให้หุบปาก ไสหัวไปให้หมด”

หลังจากลูกและภรรยาออกไปหมดแล้วหยางฮุ่ยเหอได้แต่นึกเจ็บใจที่ไม่สามารถยึดเอาทรัพย์สมบัติของบ้านสายรองมาได้ ตามหลักความเป็นจริงแล้วคนที่เป็นพี่ชายเช่นเขาจะต้องไม่รังแกน้องชายของตัวเองอยู่แล้ว

แต่ทว่าในความเป็นจริง เขาไม่ใช่พี่ชายแท้ ๆ ของหยางเทียนฉี  เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากบิดามารดาที่ล่วงลับไปแล้ว เพราะมารดารู้สึกผิดต่อแม่ของเทียนฉีที่เป็นคนรักของบิดาเขา หากแต่ต้องโดนบังคับมาแต่งงานกับนางแต่ต่อมาพ่อแม้แท้ ๆ ของเทียนฉีได้ตกตายลงเพราะป่วยเป็นไข้ป่า

อีกทั้งท่านแม่ได้คลอดน้องชายของเขาออกมาในเวลาใกล้เคียงกัน แต่น้องชายแท้ ๆ ของเขากลับป่วยตายท่านพ่อที่แอบเลี้ยงเทียนฉีอยู่จึงได้พากลับมาแทนน้องชายของเขาที่ตายไป เรื่องนี้เขาบังเอิญรู้เข้าก่อนที่ท่านพ่อจะเสียชีวิต

เรื่องนี้เขายอมรับไม่ได้จริง ๆ ถึงท่านแม่จะรักเขาแต่เขารู้สึกว่า  ท่านแม่รักน้องชายมากกว่าเขายิ่งพอมารู้ว่าไม่ใช่น้องชายแท้ ๆ แต่ท่านแม่ยังให้ความรักกับเทียนฉีมากมายเขาก็ยิ่งเกลียดชังและแค้นใจแต่สิ่งที่ฮุ่ยเหอไม่รู้ก็คือความจริงในใจของมารดา ถึงจะบอกว่ารู้สึกผิดต่อมารดาแท้ ๆ ของเทียนฉี แต่พอเวลาผ่านไปนางกลับเกลียดเทียนฉีเข้าไส้เพราะสามีของนาง  ในใจไม่เคยมีนางเลย แต่กลับมีแม่แท้ ๆ ของเทียนฉีอยู่เต็มหัวใจ จากนั้นมานางจึงได้เริ่มร้ายกาจและเริ่มไม่เห็นว่าเทียนฉีเป็นลูกอีกต่อไป ถึงแม้ว่านางจะรักเทียนฉีมากแต่อีกใจนางก็รู้สึกเกลียดเขามาเช่นเดียวกัน

เขาอดทนวันแล้ววันเล่าในที่สุดบิดามารดาก็จากไปเขาจึงได้เริ่ม   เอาคืนและแก้แค้นให้น้องชายที่ตายไปของตัวเอง เขาคิดอยู่เสมอว่าหากไม่มีเทียนฉีน้องชายแท้ ๆ ของเขาคงไม่ตาย

มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าเหตุใดหยางฮุ่ยเหอถึงได้มีความคิดที่      บิดเบี้ยวได้ขนาดนี้ ในส่วนลูกชายทั้งสองนั้นตอนนี้ก็ได้สั่งกำชับให้ภรรยา ของตัวเองอย่าได้ไปข้องเกี่ยวกับบ้านท่านอาอีกหาไม่แล้วพวกเขาจะหย่ากับพวกนาง

“พวกเจ้าจำเอาไว้ว่าอย่าได้ไปข้องแวะและหาเรื่องบ้านอารองอีก หากยังอยากหาเรื่องโดนทุบตีอยู่อีกล่ะก็ข้าก็จะไม่เอาเจ้าไว้เช่นเดียวกัน    ข้าจะหย่ากับเจ้าส่วนลูกข้าจะเลี้ยงเอง”

หยางฮุ่ยเจียงคาดโทษภรรยาของตัวเองเขาจะไม่ยอมเป็นเหมือนท่านพ่อเด็ดขาดที่ไม่ว่าท่านแม่จะทำร้ายกาจแค่ไหนตัวเองก็เห็นดีเห็นงาม  ไปด้วยเขาไม่อยากจะทำผิดไปมากกว่านี้แล้ว

“ส่วนเจ้าก็เหมือนกันหากเจ้ายังกล้าไปหาเรื่องให้ตัวเองโดนทุบตีอีก ข้าเองก็จะไม่เอาเจ้าไว้เช่นเดียวกัน ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี ดูแลลูกให้ดีอย่าให้นางมีนิสัยร้ายกาจเช่นน้องเล็กที่ท่านแม่สอนนางผิด ๆ หากว่าเจ้าไม่เต็มใจที่จะทำตัวเองให้ดีและหากเจ้าไม่พอใจข้ายินดีหย่ากับเจ้าตอนนี้” หยางฮุ่ยหมิน

“พวกข้าเข้าใจแล้ว ใครจะอยากรนหาที่กันเล่า รู้แบบนี้น่าจะผลักมันตกหน้าผาแทนร่องเขาแล้ว ถ้าข้ารู้ว่ามันจะฟื้นขึ้นมาแล้วร้ายกาจแบบนี้” สะใภ้ใหญ่เผลอพูดออกมา

“หลันเหลียนฮวา นี่เจ้าจงใจผลักนางตกร่องเขาจริง ๆ ใช่หรือไม่ แล้วโสมที่สะใภ้รองเอาไปขายวันนี้พวกเจ้าก็แย่งของนางมาใช่หรือไม่”    หยางฮุ่ยเจียงที่ตอนนี้โมโหจนหน้าดำหน้าแดง

“ใช่แล้วท่านจะทำไมข้า เรื่องนี้ท่านแม่เห็นดีเห็นงามด้วยหากจะโทษก็โทษแม่ของท่านเถอะ” เหลียนฮวาเชิดหน้ามองสามีด้วยความไม่พอใจนางผิดอะไรแค่ทำตามคำสั่งของแม่สามี

“เจ้าทำคนเกือบตายแต่ยังไม่สำนึกผิด เช่นนั้นเราอย่าอยู่ด้วยกัน  อีกเลย ข้าจะไปขอให้หัวหน้าหมู่บ้านเขียนหนังสือหย่าให้เจ้า”

“ไม่นะท่านพี่ ข้าไม่หย่า ข้าทำตามคำสั่งของท่านแม่สามี ท่านจะมาโทษข้าคนเดียวไม่ได้นะเจ้าคะ ท่านพี่ให้โอกาสข้าสักครั้งได้หรือไม่ ข้าจะ กลับตัวเจ้าค่ะ”

“ย่อมได้ ข้าให้โอกาสเจ้าแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว หากว่าเจ้ายังทำตัวแบบเดิมอีก ต่อให้ท่านแม่ขอร้องข้าก็จะไม่ยินยอม ข้าจะบอกให้เจ้ารู้เอาไว้ น้องรองเจ้าเองก็ดูแลเมียของเจ้าให้ดี อย่าให้นางทำอะไรไม่ดีอีก ที่ผ่านมาพวกเราทำผิดต่อครอบครัวอารองมามากแล้ว”

“ขอรับพี่ใหญ่ เดิมทีข้าเองไม่ได้มีความแค้นอะไรกับอารองแต่ข้าเองก็ไม่สามารถทัดทานท่านพ่อท่านแม่ได้ จึงได้แต่หลับหูหลับตาทำเป็นไม่เห็น ข้าเองไม่เข้าใจว่าท่านพ่อมีความแค้นอะไรกับท่านอานักหนา ท่านแม่ก็อีกคน ข้าไม่เข้าใจทำไมถึงได้จงเกลียดจงชังอารองนักยิ่งกับอาสะใภ้ยิ่งแล้วไปใหญ่”

“ก็จะอะไรเสียอีกล่ะเจ้าคะท่านพี่ ท่านแม่ของข้าเคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนท่านแม่ของท่านหลงรักท่านอารองแต่ท่านอารองมีใจรักอยู่กับ     อาสะใภ้ท่านแม่ของท่านเลยเข้าหาท่านพ่อของท่านแทนอย่างไรเล่า”    สะใภ้รองหานเหยียนเอ๋อร์พูดออกมา

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ข้าไม่เอาด้วยหรอกนะ ใครจะมีบุญคุณความแค้นกับใครข้ายังไม่อยากโดนหวังฉีหลินทุบตี” หยางฮุ่ยหมินเหมือนจะกลัวหวังฉีหลินทุบตีมากจริง ๆ

ว่ากันว่าไม่เห็นประตูนรกไม่สำนึกยังดีที่ลูกชายทั้งสองกลับตัวทัน หากแต่ว่าลูกสาวอย่างหยางฮุ่ยเหม่ยนั้นยิ่งสะสมความแค้นเข้าไปในใจเรื่อย ๆ และรอวันที่จะได้แก้แค้น

ทางด้านบ้านสายรองไม่ได้สนใจว่าใครจะคิดยังไง ไม่ได้สนใจว่า  บ้านใหญ่จะวุ่นวายกันหรือไม่ ทั้งครอบครัวยังคงเตรียมตัวพักผ่อนและจะพาหยางเฟยเทียนเข้าไปหาหมอในเมืองพรุ่งนี้

หวังฉีหลินเองนางก็ต้องการจะนำเห็ดหลินจือไปขายด้วย ถามว่าทำไมนางมียาที่สามารถรักษาสามีของตัวเองให้หายได้โดยไม่พึ่งพาหมอแต่จะทำแบบนั้นได้ยังไง เรื่องไปหาหมอเพราะเพียงแค่ต้องการปกปิดสิ่งที่นางมีอยู่เท่านั้นพูดง่าย ๆ คือพาไปหาหมอเพื่อบังหน้าเท่านั้น

ตอนนี้ครอบครัวยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเองได้ ความลับที่นางมีนางจำเป็นจะต้องเก็บงำเอาไว้ ไม่ใช่ว่านางไม่มีเงิน เงินในมิติของนาง  มีหลายพันตำลึงทองเสียด้วยซ้ำแต่หากอยู่ดี ๆ บ้านของนางเกิดร่ำรวยขึ้นมานั่นนับว่าความยุ่งยากย่อมจะตามมาด้วยเช่นกัน

ตอนนี้ทำได้เพียงแค่อดทนเอาไว้ก่อน รอให้ย้ายไปอยู่ที่ติดเชิงเขาเสียก่อนอย่างน้อย ๆ ก็อยู่อีกหมู่บ้านไม่ได้ขึ้นกับหมู่บ้านเหอมู่แห่งนี้

ที่ดินสินเดิมของมารดาสามีอยู่ติดเชิงเขาชายป่าของหมู่บ้าน        ป่าหมอกซึ่งอยู่ใกล้กับป่าหมอกทมิฬ นับว่าเป็นที่ดินที่เหมาะแก่การสร้างบ้านและสร้างครอบครัวจริง ๆ

พอตอนย้ายบ้านไปนางต้องรีบขอตัวช่วยจากชายชราที่เคยบอกว่าจะส่งตัวช่วยมาให้ ชาวบ้านเล่าขานกันว่าป่าหมอกทมิฬนั้นอันตรายมาก     มีชาวบ้านน้อยมากที่จะกล้าเข้าไปหาของป่าในป่าหมอกทมิฬเพราะสัตว์ป่า  ดุร้ายมาก

ในมิติแห่งนี้มีเพียงพวกชาวยุทธ์เท่านั้นที่จะหาญกล้าเข้าป่า    หมอกทมิฬ ชาวบ้านธรรมดาไหนเลยจะกล้าสัตว์ป่าอันตรายและดุร้าย    ด้วยเหตุนี้ที่ดินสินเดิมจึงเหลืออยู่

“ท่านพ่อเจ้าคะ พรุ่งนี้ข้าจะพาท่านพี่ไปรักษาในเมืองและข้าจะเอาเห็ดหลินจือที่ข้ากับน้องเล็กเก็บได้วันนี้ไปขายด้วย ส่วนท่านพ่อพาท่านแม่ ไปจัดการเรื่องทะเบียนบ้านให้เรียบร้อยและไปแจ้งหัวหน้าหมู่บ้านป่าหมอกว่าเราจะย้ายไปอยู่ที่นั่น จากนั้นเราจะเริ่มสร้างบ้านทันทีเจ้าค่ะ”

“เราจะมีเงินพอหรือลูกสะใภ้”

“พอเจ้าค่ะ หากไม่พอข้าจะเข้าป่าไปหาสมุนไพรมาขาย อีกหน่อยอาการป่วยของท่านพี่หายแล้วเราก็ไม่ต้องใช้จ่ายอะไรมากแล้วเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นพ่อกับน้องรองของเข้าจะเข้าป่าล่าสัตว์อีกแรง”

“เจ้าค่ะ เช่นนั้นไปพักผ่อนกันเถอะเจ้าค่ะ พรุ่งนี้พวกเราจะเข้าเมืองทั้งหมด”

“ข้าก็จะไปด้วยนะขอรับท่านแม่” แฝดพี่

“ข้าด้วย ข้าจะไปด้วย” แฝดน้อง

“แม่ย่อมพาพวกเจ้าไปอยู่แล้ว แต่พวกลูกต้องเป็นเด็กดีห้ามดื้อกับท่านย่าเด็ดขาดเข้าใจหรือไม่”

“ขอรับ พวกข้าเข้าใจแล้ว”

“พี่ขอบใจเจ้านะหลินเอ๋อร์ ที่ทำทุกอย่างเพื่อพวกเรา” เฟยเทียนกล่าวขอบคุณภรรยาพร้อมส่งสายตารักใคร่มาให้

“ท่านพี่พูดอะไรพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ท่านพ่อท่านแม่ของท่านก็เป็นเหมือนท่านพ่อท่านแม่ของข้า ข้าเองก็ไม่เหลือครอบครัวที่ไหนอีกแล้วนอกจากพวกท่านระหว่างเรายังต้องกล่าวขอบคุณกันอยู่อีกหรือเจ้าคะ”

“พี่รู้แต่พี่ยังอยากขอบคุณเจ้าอยู่ดี”

ฉีหลินถึงแม้จะรู้ว่านี่ร่างนี้เป็นร่างของนาง สามีก็สามีของนางแต่นางยังไม่เคยร่วมหอด้วยแต่อีตาบ้าหน้ามึนนี่ขนาดบาดเจ็บอยู่ยังส่งสายตามาให้นางช่างหน้าหนานัก

บทก่อนหน้า
บทถัดไป