บทที่ 6 ความน่าจะเป็นครึ่งหนึ่ง
ในห้องสว่างไสวไปด้วยแสงไฟ
ลลิตายืนค้นของอยู่ในห้อง หลังจากค้นอยู่นาน ในที่สุดเธอก็เจอกระดาษเอสี่แผ่นหนึ่งกับปากกา
เธอเลื่อนเก้าอี้ออกมา ก้มตัวลงข้างเตียงของวัชรพลแล้วจรดปากกาเขียนข้อความอย่างรวดเร็ว
ตัวอักษรที่ดูเฉียบขาดปรากฏขึ้นบนกระดาษทีละบรรทัด
สัญญา
ลลิตาหยิบสัญญาขึ้นมาพิจารณาดู แล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เธอจรดปากกาเซ็นชื่อของตัวเองอย่างรวดเร็ว แล้วหันไปมองชายหนุ่มที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง
แววตาเจ้าเล่ห์ฉายประกายขึ้นในดวงตาสวยของเธอ เธอหยิบตลับหมึกสีแดงออกมาจากลิ้นชัก แล้วกดลงบนมือของวัชรพล
จากนั้นก็ประทับลงบนสัญญา การเซ็นสัญญาเป็นอันเสร็จสิ้น
แววตาของเธอฉายแววพึงพอใจ ก่อนจะเก็บสัญญาไว้อย่างดี
ในเมื่อเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว เรื่องการรักษาวัชรพลก็ควรจะเริ่มดำเนินการได้แล้ว
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
วัชรพลยังคงนอนนิ่งไม่ไหวติง แม้แต่นิ้วก็ไม่ขยับเลยสักนิด
ลลิตายื่นมือไปจับชีพจรตามปกติ อาการของเขาดีขึ้นกว่าเมื่อวานซืนเล็กน้อย
แต่ก็ยังห่างไกลจากการฟื้นคืนสติ!
เธอชักมือกลับ เดินลงบันไดไปอย่างกระฉับกระเฉง ตรงไปยังห้องหนังสือที่ชั้นหนึ่งแล้วเคาะประตู
“เข้ามา!”
เมื่อประตูเปิดออก บนโซฟาหนังสีดำมีคนนั่งอยู่หลายคน ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอเป็นตาเดียว
ลลิตากวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะก้มศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินตรงไปหาพิสิษฐ์ “คุณปู่คะ”
พิสิษฐ์รู้สึกแปลกใจ “หลานหญิง มีเรื่องอะไรจะคุยกับปู่เหรอ?”
“หนูมาเพื่อจะปรึกษาเรื่องการรักษาวัชรพลค่ะ”
ลลิตาเสนอขึ้น ในแววตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว
เธอเพิ่งจะมาอยู่บ้านนี้ได้ไม่กี่วัน ก็ถูกจำกัดไปเสียทุกเรื่อง
หากได้รับการสนับสนุนจากพิสิษฐ์ ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลกิตติเจริญก็มีเส้นสายกว้างขวาง สามารถหาของที่ต้องการได้มากมาย
การถอนพิษให้วัชรพล จำเป็นต้องใช้สมุนไพรหายากจำนวนมาก
“ลลิตา”
ณัฏฐ์พูดอย่างไม่เห็นด้วย “พลเป็นถึงทายาทของตระกูลกิตติเจริญ จะให้เธอรักษาตามอำเภอใจได้ยังไง!”
“แล้วถ้าเกิดการรักษาผิดพลาดขึ้นมาจะทำยังไง?”
แววตาของลลิตาฉายแววเย็นชาเฉียบขาดขึ้นมาทันที ผู้ชายคนนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากล ทันทีที่เธอพูดถึงเรื่องการรักษาวัชรพล เขาก็มีท่าทีร้อนรนขนาดนี้เลยเหรอ?
ปกติแล้วเธอเป็นคนมองคนไม่เคยพลาด ณัฏฐ์คนนี้ต้องมีปัญหาแน่ๆ
“ฝีมือการรักษาของฉัน ทุกคนคงจะเห็นกับตาตัวเองแล้ว!”
ลลิตาจ้องณัฏฐ์เขม็ง ราวกับจะมองทะลุเข้าไปในใจของเขาได้
ตระกูลกิตติเจริญไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง หมอเก่งๆ ที่มีชื่อเสียงต่างก็เคยเชิญมาที่บ้านหมดแล้ว
หลังจากใช้เครื่องมือตรวจเช็ก ทุกคนต่างก็ลงความเห็นว่าเขาเป็นเจ้าชายนิทรา มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก
มีเพียงแค่เด็กสาวคนนี้ที่ใช้เข็มนั่น วัชรพลถึงได้ลืมตาขึ้นมาชั่วครู่
“ลลิตา ไม่ใชว่าอาจะว่าเธอนะ!”
อาสะใภ้ที่ชื่อสุพัตราเอ่ยขึ้น เธอมองลลิตาอย่างไม่เห็นด้วย “เธอใช้เข็มมากมายขนาดนั้น ไปจิ้มใครเขาก็ต้องตื่นกันทั้งนั้นแหละ!”
“อีกอย่าง คนที่เป็นเจ้าชายนิทราก็ลืมตาได้เป็นปกติอยู่แล้ว ไม่แน่ว่าตอนนั้นอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้?”
“ใช่แล้ว!”
ณัฏฐ์รีบพูดเสริม “ครั้งนั้นมันฟลุกที่พลไม่เป็นอะไรขึ้นมา แล้วถ้าครั้งที่สองเกิดมีปัญหาขึ้นมาจะทำยังไง?”
“อีกอย่าง เธอไม่เคยเรียนวิชาแพทย์มาก่อน แล้วจะให้พวกเราเชื่อใจเธอได้ยังไง?”
ก่อนที่ลลิตาจะแต่งเข้ามาในบ้าน ทุกคนต่างก็ไปสืบประวัติของเธอมาเป็นพิเศษ
พอเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยก็ติดคุก ต้องโทษจำคุกห้าปี
จะบอกว่าเธอเรียนรู้ทักษะการแพทย์ด้วยตัวเองในคุกอย่างนั้นเหรอ? ใครจะไปเชื่อ?
หลายคนจับกลุ่มซุบซิบกันพลางจ้องมองลลิตาด้วยสีหน้าไม่ยอมรับ
“ใครบอกกันคะ ว่าวิชาแพทย์จะเรียนรู้มาตั้งแต่เด็กไม่ได้?”
ลลิตาเผยอยิ้มมุมปาก “คุณอาคะ ทำไมพอหนูบอกว่าจะลองรักษาดู คุณอาถึงได้มีปฏิกิริยาใหญ่โตขนาดนี้ล่ะคะ?”
“เหมือนกับว่าหนูไปเหยียบหางคุณอาเข้าอย่างนั้นแหละ!”
ณัฏฐ์มีท่าทีประหม่าขึ้นมาทันที เหงื่อเย็นๆ ไหลซึมออกมาจากหางตา
“นี่... นี่ก็เพราะว่าฉันเป็นห่วงพลไม่ใช่เหรอ?”
ลลิตาจ้องเขม็งไปที่เขา แล้วหันไปมองคนอื่นๆ รอบตัว
“คำพูดของหมอ ทุกคนก็รู้กันดีอยู่แล้ว”
หมอบอกว่าตอนนี้วัชรพลเป็นเจ้าชายนิทรา ถ้าภายในหนึ่งปีเขายังไม่ฟื้นขึ้นมา ทั้งชีวิตนี้ก็คงจะไม่มีวันฟื้นขึ้นมาได้อีก
ทุกคนสบตากัน ในแววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่มีต่อลลิตา แต่ก็ซ่อนมันเอาไว้
นังเด็กบ้านี่ ทำไมต้องเข้ามายุ่งเรื่องแบบนี้ด้วยนะ?
ปล่อยให้พวกเขารอวัชรพลตายไปเฉยๆ ไม่ดีกว่าหรือไง?
รอให้วัชรพลตายแล้ว เธอก็ไปรับเงินในส่วนของตัวเองไป ไม่ดีกว่าเหรอ?
ทำไมต้องชอบยุ่งไม่เข้าเรื่องอยู่เรื่อย?
“ในเมื่อทุกท่านก็ทราบดีอยู่แล้ว แล้วทำไมถึงไม่ยอมให้หนูลองดูล่ะคะ? ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด ก็เป็นแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้เท่านั้นเอง!”
สายตาของลลิตาจับจ้องไปที่ณัฏฐ์ และสายตาของคนรอบข้างก็หันไปมองณัฏฐ์เป็นตาเดียว
ตอนนี้เขาเหมือนขี่หลังเสือแล้วลงไม่ได้ เขาจึงกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“ก็ฉันกลัวว่าฝีมือของเธอจะไม่ถึงขั้น แล้วรักษาคนจนตายน่ะสิ?”
แววตาของณัฏฐ์ฉายแววอำมหิต “ที่ฉันกังวลมากกว่า คือกลัวว่าเธอจะเป็นคนที่ตระกูลอื่นส่งมาเพื่อทำร้ายพล!”
หากวัชรพลเสียชีวิตลง แล้วข่าวเกิดรั่วไหลออกไป บริษัทกิตติเจริญจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่อย่างแน่นอน บริษัทต่างๆ จะฉวยโอกาสเข้ามาทันที พวกที่โหดเหี้ยมหน่อยก็จะกำจัดวัชรพลโดยตรง เพื่อเร่งกระบวนการกลืนกินบริษัทกิตติเจริญ
“คุณอาพูดเล่นแล้วค่ะ”
ลลิตามองไปที่ทุกคน พิงพนักเก้าอี้แล้วยิ้มอย่างอ่อนหวาน
“ประวัติของหนู ทุกคนก็สืบมาจนเคลียร์แล้วไม่ใช่เหรอคะ? หรือว่าพวกคุณคิดว่าจะมีบริษัทไหนกล้าลงมือตุกติกอยู่ใต้จมูกของบริษัทกิตติเจริญได้งั้นเหรอคะ?”
“ถ้าหากพวกคุณไม่ไว้ใจ ก็ส่งคนมาคอยจับตาดูหนูได้เลยค่ะ”
อรุณีเห็นลลิตามีท่าทีจริงจังและมั่นคง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็จับมือของลลิตาไว้แล้วรีบพูดว่า “ลลิตา พูดแบบนี้ก็ดูห่างเหินกันเกินไปแล้วนะจ๊ะ หนูแต่งเข้ามาในบ้านเรา ก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว”
ลลิตายิ้มพลางตบเบาๆ ที่มือนายหญิง แล้วขยับตัวออกห่างเล็กน้อยเพื่อมองไปยังทุกคน
“แต่ดูเหมือนว่าทุกท่านก็ยังไม่ไว้ใจหนูอยู่ดี!”
พูดจบนางก็เปลี่ยนเรื่อง “ยิ่งไปกว่านั้น หนูมั่นใจว่าพิษนี้มีแค่หนูคนเดียวที่รักษาได้ คนอื่นไม่มีทางรักษาได้แน่นอน!”
“ตอนนี้หนูหวังดีอยากจะช่วยรักษา แต่จะรักษาหรือไม่ การตัดสินใจก็ขึ้นอยู่กับพวกคุณแล้วค่ะ”
“พวกคุณค่อยๆ คิดกันไปก่อนแล้วกันนะคะ”
ลลิตายกชาขึ้นมาจิบอย่างสบายๆ ขณะที่อรุณีวางถ้วยชาลงด้วยสีหน้าสับสนลังเล
ลูกชายของเธอทิ้งหลานชายไว้ให้แค่พลคนเดียว เขาเติบโตมากับเธอตั้งแต่ยังเล็ก
เธอเองก็ย่อมหวังให้หลานชายของเธอหายดี แต่สถานการณ์ในตอนนี้...
ทางหนึ่งคือต้องเดิมพันกับลลิตา อีกทางหนึ่งคือต้องปล่อยให้หลานชายเป็นเจ้าชายนิทราต่อไป
แต่ถ้าหากรักษาไม่สำเร็จ ก็ไม่รู้ว่าพลจะรอดชีวิตหรือไม่
แต่ถ้าหากรักษาหาย...
ทุกคนต่างถกเถียงกันเสียงดังลั่นห้องหนังสือ
พิสิษฐ์ทุบโต๊ะหนึ่งครั้ง! เสียงของทุกคนก็เงียบลงทันที
ทุกสายตาจับจ้องไปที่พิสิษฐ์อย่างไม่วางตา
“พอได้แล้ว! ทุกคนหยุดเถียงกันได้แล้ว!”
พิสิษฐ์หันไปมองลลิตาแล้วถาม “โอกาสที่เธอจะรักษาสำเร็จ มีกี่เปอร์เซ็นต์?”
อัตราความสำเร็จในการถอนพิษอยู่ที่เก้าสิบเปอร์เซ็นต์
แต่เธอไม่สามารถรับประกันได้ว่าในร่างกายของวัชรพลจะมีพิษชนิดอื่นอยู่ด้วยหรือไม่
“ครึ่งต่อครึ่งค่ะ!”
พิสิษฐ์สูดหายใจเข้าลึกๆ หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว
“ตกลง งั้นปู่จะยกให้พลอยู่ในความดูแลของเธอก็แล้วกัน มีอะไรที่ต้องการก็ไปบอกผู้ช่วยของพลได้เลย”
ทุกคนเบิกตากว้างในทันที ส่วนณัฏฐ์ก็ได้แต่กัดฟันกรอด
ผู้ช่วยของวัชรพลน่ะ มีอำนาจที่แท้จริงในบริษัทกิตติเจริญกรุ๊ปเลยนะ
มอบอำนาจนั้นให้กับนังเด็กนี่ง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ?
ลลิตายิ้มพร้อมกับลุกขึ้นยืน “ขอบคุณค่ะคุณปู่”
