บทที่ 3 ปริญญาชีวิต

เวลามักจะผ่านไปเร็วเสมอ อภัสราฉีกยิ้มกว้าง มือเรียวชูใบปริญญาบัตรขึ้นเหนือหัว เมื่อพี่ชายยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูป      เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก

หกปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ร่างเล็ก ๆ ที่เธออุ้มชูในวันนั้น ตอนนี้แปลงร่างเป็นหนุ่มน้อยวัยหกขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.1 ไปแล้ว เด็กน้อยวิ่งมากอดเอวเธอเอาไว้ คนเป็นแม่ช้อนเข้าใต้แขน แล้วงัดคนตัวไม่เล็กขึ้นมาแนบอก

“ไงครับคนเก่ง รอแม่นานไหมลูก”

มือเรียวลูบไปบนหน้าผากเล็กที่ชื้นเหงื่อ เธอเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรรอบเช้าก็จริง แต่กว่าจะได้ออกมา           ก็กินเวลาเกือบบ่ายสามโมง ตาคู่สวยมองไปยังคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า พ่อกับแม่ของเธออยู่ตรงนั้น หญิงสาวส่งลูกให้อภิวัฒน์ ก่อนจะเดินไปหาท่านทั้งสอง ยื่นปริญญาบัตรในมือให้คนเป็นพ่อ แล้วคุกเข่าลงกับพื้นหมอบกราบที่เท้าของท่านทั้งสอง น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มเมื่อพ่อกับแม่นั่งลงแล้วโอบกอดเธอเอาไว้

“เนยทำได้แล้วนะคะ เนยเอาใบปริญญามาให้พ่อกับแม่      ได้แล้ว เนยขอโทษนะคะ”

อภัสราพูดออกมาพร้อมเสียงสะอื้น หกปีที่ผ่านมาเป็น  เหมือนฝันร้าย หลายครั้งที่เห็นตัวเองใส่ชุดนักศึกษา เดินอยู่ในมหาวิทยาลัยชื่อดังแล้วก็ต้องสะดุ้งตื่น ก่อนจะปล่อยโฮออกมา    เมื่อความสุขเหล่านั้นมันเป็นแค่อดีตที่เธอเก็บเอาไปฝัน

“เนยไม่เป็นไรนะ ลุกขึ้นเถอะ พ่อกับแม่ไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยสักครั้ง ต่อให้หนูเรียนไม่จบ หนูก็ยังเป็นลูกของพ่อ อย่าให้ใบปริญญามาเป็นตัวกำหนดชีวิตสิลูก ปริญญาชีวิตต่างหาก ที่เป็นตัวบ่งชี้คุณค่าความเป็นคน หนูพิสูจน์ให้พ่อกับแม่เห็นแล้ว ลูกสาวของพ่อเก่งที่สุด พ่อดีใจด้วยนะลูก หมดเคราะห์หมดโศก เลิกโทษตัวเอง แล้วกลับมาใช้ชีวิตให้มีความสุขนะลูก”

คุณนิวัตน์บอกกับลูกสาว หลายปีมานี้อภัสราเหนื่อยแค่ไหนทำไมท่านจะไม่รู้ ต้องเลี้ยงลูกและเรียนหนังสือไปพร้อม ๆ กัน     และยิ่งเป็นการเรียนในมหาวิทยาลัยเปิด ยิ่งต้องขยันขึ้นอีกเท่าตัว เพราะไม่มีใครมากะเกณฑ์การเรียน แต่อภัสราก็ฟันฝ่ามาได้       ท่านหวังเหลือเกินว่าสิ่งนี้จะช่วยปลดล็อกหัวใจ และทำให้เธอ    หลุดพ้นจากความเจ็บปวด

“ถ่ายรูปกันดีกว่า”

อภิวัฒน์เอ่ยขึ้นเพื่อดึงทุกคนออกจากความเศร้า วันนี้เป็น   วันดีแต่ทุกคนมาร้องไห้ ตัวเขาเองก็เช่นกัน เมื่อเห็นน้องประสบความสำเร็จก็ดีใจด้วย อภัสราเข้มแข็งกว่าที่เขาคิดเอาไว้ เธอเรียนและเลี้ยงลูกไปด้วย ทำทุกอย่างออกมาดี ถ้าวันนั้นเธอไม่มีลูก อภิวัฒน์ก็ไม่รู้ว่าอภัสราจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า บางครั้งคนเราก็ต้องเจออุปสรรคขวากหนามในชีวิต ก่อนจะประสบความสำเร็จ

“น้องไทม์มาหาแม่มาลูก” แขนเรียวอุ้มคนตัวเล็กขึ้นแนบอก ก่อนจะฉีกยิ้มหวานให้กล้อง ลูกคือกำลังใจที่ดีที่สุด ทำให้เธอฮึดสู้จนประสบความสำเร็จ

“ยินดีด้วยนะ น้องพี่เก่งที่สุด” มือแกร่งขยี้ลงบนศีรษะทุยสวยเบา ๆ เมื่ออยู่กันตามลำพัง

“ขอบคุณนะคะพี่วัฒน์ ขอบคุณจริง ๆ” แขนเรียวโอบรอบ   เอวหนา ก่อนจะซุกหน้าลงบนอกกว้าง อภิวัฒน์เป็นอีกกำลังใจที่    ทำให้เธอเดินมาถึงวันนี้ ชีวิตที่ผิดพลาด กลับมายืนได้อย่างสวยงาม เพราะคำว่าให้อภัยและความรักที่ทุกคนมีให้เธอ

“เริ่มต้นใหม่นะ พี่และครอบครัวจะอยู่ข้าง ๆ เราเสมอ”

“ขอบคุณน้า เนยรักพี่วัฒน์ที่สุด”

บัณฑิตจบใหม่ถ่ายรูปคู่กับครอบครับ และถ่ายกับลูกน้อยอีกหลายภาพ เธอจะจำวันนี้เอาไว้ ผู้หญิงวัยยี่สิบห้าปีที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างความอับอายให้คนในครอบครัว ต้องออกจากมหาวิทยาลัยเพราะตั้งท้อง วันนี้เธอกลับมายืนอย่างสวยงาม ของบางอย่างก็ต้องปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ของมัน เวลาจะเยียวยาทุกสิ่ง ต่อให้ลบแผลในใจออกไปไม่ได้ทั้งหมด แต่มันก็ทำให้เธอเรียนรู้และระมัดระวัง   ในการใช้ชีวิตมากขึ้น เธอข้ามผ่านจุดที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตมาแล้ว และจะไม่ยอมกลับไปซ้ำรอยเดิมอีก

การฉลองเป็นไปอย่างเรียบง่าย แค่ทานข้าวร่วมกับคนในครอบครัวในร้านอาหารประจำ ถ้าปริญญาใบนี้เธอได้มาตามเวลาที่กำหนด ไม่มีเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตสะดุด พ่อเธอคงจัดงานใหญ่โต ญาติพี่น้องและแขกเหรื่อคงมากันล้นหลาม งานนี้ถึงจะไม่มีคนมาร่วมแสดงความยินดี แต่เธอก็มีความสุขที่สุด

“คุณแม่ครับ ไทม์ปวดท้อง” เจ้าอ้วนที่นั่งกินตุ้ย ๆ ร้องบอก เมื่อยัดอาหารลงไปจนล้นกะเพราะ

“ปวดท้องอะไรลูก ปวดมากไหม” ถามลูกด้วยความห่วงใย

“จะอะไรล่ะ ขี้แตกน่ะสิ ขนกินเข้าไป ลุกเร็ว ลุงจะพาไปเข้าห้องน้ำ”

อภิวัฒน์ลุกขึ้น อาสาพาตัวเจ้าปัญหาไปห้องน้ำ ที่นี่เป็นร้านอาหารแยกห้องน้ำชายหญิง คงไม่สะดวกถ้าจะให้แม่พาลูกชายไปเข้าห้องน้ำ แทนรักหน้าบึ้งเมื่อต้องไปห้องน้ำกับลุง อภิวัฒน์      ไม่อ่อนโยนเหมือนคนเป็นแม่ แต่เพราะความจำเป็นจึงต้องจำใจ   ลุกออกไป

“ฝากด้วยนะคะ” อภัสราฝากเมื่อลูกต้องไปกับลุง

ร่างเล็ก ๆ วิ่งนำหน้าคนเป็นลุง เมื่อสิ่งเร้าที่อยู่ในท้องอยากออกมาชมโลกเต็มทน

“ลุงวัฒน์เร็ว ๆ!” หันไปเร่งก่อนจะวิ่งเข้าทางลัดที่ตัดไปยังห้องน้ำหลังร้าน

“โอ๊ย!”ร่างเล็กชนเข้ากับร่างสูงของคนที่เดินสวนมาเต็มแรง จนมือถือในมือใหญ่กระเด็นลงพื้น อธิปโมโหหนักเมื่อถูกชนจน    ข้าวของเสียหาย แถมคนชนยังวิ่งหนีไป ไม่ขอโทษเขาสักคำ

“ไอ้เด็กเวร!” ก่นด่าก่อนจะเก็บมือถือขึ้นมา แล้วคุยเรื่องที่คุยค้างไว้กับคนปลายสาย

“อะไรนะ! มีนท้อง!”

ตกใจกับเรื่องที่ได้รับรู้ จนทำให้เขาลืมไอ้เด็กซุ่มซ่ามนั่นไปเลย จากที่ตั้งใจจะตามไปเอาเรื่องก็ต้องล้มเลิก เมื่อปัญหาของคนที่โทร. มา ใหญ่โตพอ ๆ กับวาระแห่งชาติ ตอนทำไม่คิด ทีนี้จะมาขอ  ให้ช่วย คนพวกนี้เห็นเขาเป็นตัวอะไร ทุกวันนี้เขาก็มีชีวิตไม่ต่างจากกระโถนที่ต้องรองรับอารมณ์ของเพื่อนรักวันละสามเวลา

บทก่อนหน้า
บทถัดไป