บทที่ 8 สาวน้อยไม่อยากเป็นทาสรับใช้อีกแล้ว
ฉินหลิวซีแง้มประตูยื่นหน้าออกไป ห้องนอนของนางอยู่ไม่ห่างจากห้องใช้งานส่วนอื่น ๆ ของบ้านเท่าไรนัก จึงได้ยินเสียงป้ากับมารดาพูดคุยกันชัดเจน
“ผ้า เป็นหน้าที่ของเจ้าต้องซัก ทำไมจึงไม่ยอมเอาเสื้อผ้าของข้าไปซัก!”
“แต่พี่หญิงไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาให้ข้านี่เจ้าคะ”
“ไม่ได้เอามาก็ไม่รู้จักถามอย่างนั้นหรือ เป็นหน้าที่ของเจ้าแท้ ๆ”
ชิวย่าหนานถูกตะคอกใส่ก็ยิ่งไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสู้ ที่ตรงนั้นยังมีท่านย่าของนางอีกคนที่ยืนอยู่ด้วย อยู่ต่อหน้าแม่สามีชิวย่าหนานยิ่งไม่กล้ามีปากมีเสียง เพราะรู้ว่าแม่สามีไม่ชอบตนเป็นทุนเดิม
“ท่านแม่ดูสิเจ้าคะ นางไม่ยอมทำหน้าที่ของตัวเอง” ป้าสะใภ้เดินเข้าไปเอาอกเอาใจท่านย่าเขา บีบนวดไปพลาง ฟ้องเรื่องมารดาของนางไปด้วย
ประจบประแจงได้อย่างเป็นธรรมชาติ ขั้นเซียนเลยนะนั่น
“ท่านแม่ คนแบบนี้เลี้ยงไปก็เสียข้าวสุก หน้าที่ตัวเองไม่ยอมทำ ต้องให้คอยสั่งอยู่ตลอดทั้ง ๆ ที่ทำมาตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว เย็นนี้ไม่ต้องทำอาหารสำหรับพวกนางหรอก
เจ้าค่ะ”
“เดี๋ยวสิเจ้าคะ” ชิวย่าหนานได้ยินก็ตกใจมาก อาหารแต่ละวันก็แทบไม่พออิ่มอยู่แล้ว ถ้าต้องมาถูกงดข้าวอีกละก็แย่แน่
ฉินหลิวซีแอบฟังก็ได้แต่ขมวดคิ้ว การให้ครอบครัวหนึ่งกินแต่แป้งทั้งบ้านมันปกติที่ตรงไหน ครอบครัวใหญ่นี้ฐานะไม่ดีนางเข้าใจ แต่ในขณะที่คนอื่นมีเนื้อมีไข่มีไก่ให้กิน บ้านนางกลับได้กินแต่แผ่นแป้ง ไม่มีใครรู้สึกประหลาดบ้างเลยหรือ หรือเพราะท่านย่าเลี้ยงดูลูกมาเช่นนี้ ชุดความคิดอันตรายนี้จนดูเหมือนปกติภายในบ้าน
“ท่านแม่เจ้าขา ดูสิเจ้าคะ คนอื่นทำงานหนักเหมือนกัน ทำไมพวกนางจึงได้ไม่ยอมทำงานส่วนของตัวเอง มีแต่น้องชายสามีที่พอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง” จางอี้เชียนคะยั้นคะยอต่อเมื่อเห็นว่าแม่สามีไม่ยอมรับปากจะให้พวกนางอดข้าว
เมื่อป้าสะใภ้เน้นย้ำเช่นนั้นท่านย่าของนางจึงเริ่มรู้สึกเห็นด้วยคล้อยตาม บวกกับความอยากเอาใจสะใภ้ใหญ่ที่ฐานะดีกว่า นางจึงยอมรับปากอย่างไม่คิดอะไร
“นั่นสินะ เอาแบบนั้นก็แล้วกัน” ตัดสินใจเองเสร็จสรรพก็เดินจากไปไม่เหลียวหลัง ทิ้งชิวย่าหนานนั่งเคว้งคว้างอยู่คนเดียว
ไม่นานบิดาของนางก็กลับมาจากการทำนา
ฉินก่วงเป็นบุตรชายคนรองของบ้าน เอาการเอางาน ซื่อตรง และรักครอบครัว แต่ไม่เป็นที่รักของมารดา มีแต่บิดาคอยช่วยเหลือ เป็นสิ่งที่เห็นชัดเจนว่า ท่านย่าไม่ชอบครอบครัวของนาง
“ย่าหนาน เจ้ามานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียว”
ชิวย่าหนานเงยหน้ามองสามี ทั้งรู้สึกผิดทั้งรู้สึกน้อยใจ แต่ไม่รู้จะบอกสามีได้อย่างไร เพราะเขาก็มีปากมีเสียงกับผู้เป็นแม่ไม่ได้เช่นกัน ถึงจะแข็งข้อไปก็ถูกทำให้ยอมในภายหลัง
ชิวย่าหนานรู้ตัวว่าเป็นคนหัวอ่อนไม่สู้คน แต่จนป่านนี้แล้วนางจะไปเอาความกล้ามาจากไหน ลูกของนางกำลังเติบใหญ่ นางไม่อยากให้แม่สามีเอาความที่ไม่ชอบหน้านางไปลงที่ลูก อย่างน้อยให้พวกเขามีที่ซุกหัวนอนก็ยังดี
“ไม่มีอะไรเจ้าคะท่านพี่ แค่ว่าวันนี้ท่านอาจจะต้องกินมื้อเย็นคนเดียว”
“ทำไมเล่า” เขานั่งลงข้างภรรยาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เห็นท่าทีอึดอัดของนางและไม่ยอมตอบก็เดาได้ว่าคงเป็นคำสั่งมารดาของตนอีกเช่นเคย
“เกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ข้าไม่อยู่สินะ”
“เจ้าค่ะ แต่ว่าท่านพี่อย่าได้พูดอะไรเลย ทุกวันนี้
พี่หญิงก็ไม่ชอบหน้าข้ามากพออยู่แล้ว หากไม่ชอบหน้าท่านเข้าไปด้วยอีกเพราะออกปากช่วยข้า ครอบครัวเราจะยิ่งลำบาก”
ฉินก่วงขมวดคิ้วมุ่นรู้สึกไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้เป็นอย่างมาก ทว่าเขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเลือกได้ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเบา ๆ บีบมือภรรยาอย่างให้กำลังใจ
เย็นวันนั้นสามแม่ลูกไม่ได้กินอาหาร ฉินก่วงเห็นภรรยากับลูกถูกสั่งอดข้าวก็รู้สึกสงสาร ตั้งใจว่าหลังกินเสร็จจะออกไปล่าสัตว์เล็ก ๆ น้อย ๆ มาให้พวกนางพอประทัง แต่ก็ถูกขัดเอาไว้ด้วยคำพูดของผู้เป็นแม่
“นั่นเจ้าจะไปไหน เย็นป่านนี้แล้วยังจะออกไปอีกหรือ รีบนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องออกไปที่นาแต่เช้า อย่าทำให้ข้าผิดหวัง”
ได้ยินประโยคสุดท้ายนั่นพ่อนางก็ชะงักไป ฉินหลิวซีที่คอยจับสังเกตรอบด้านอยู่เสมอขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทางของบิดา นางพอเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น นึกความเป็นไปได้ออกว่า ทำไมบิดาถึงไม่ยอมตอบโต้หรือสู้เพื่อครอบครัว
หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จแล้วแม่ของนางก็ยังต้องมาล้างจานชามที่เหลือ ระหว่างนั้นบิดาก็มาเล่นกับลูก ๆ
“ท่านพ่อเจ้าคะ” เด็กหญิงยิ้มหวานเข้าไปหา
บิดาไม่เห็นลูกเรียกหามานานก็ยิ้มดีใจ
“ทำไมข้าถึงไม่ได้กินข้าวล่ะ” คำถามของนางเหมือนลิ่มเหล็กตอกเข้ากลางใจ ฉินก่วงรู้สึกสะอึกขึ้นมา
“เพราะว่า...เอ่อ เพราะว่า...”
ตอบไม่ได้ใช่ไหมล่ะ เพราะตัวท่านเองก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง
“ท่านแม่ทำงานหนัก ซักผ้าเกือบทุกวัน ไม่เสื้อผ้าก็เป็นที่นอนปลอกหมอนมุ้ง ไม่มีวันไหนที่นางได้หยุดพัก ข้าเห็นพี่น้องบ้านใหญ่อาหารการกินมีเนื้อไข่ ข้ากับน้องได้กินแต่แผ่นแป้งแข็ง ๆ ทั้งที่ข้าก็ทำงาน น้องก็ทำงาน
จะเล็กน้อยอย่างไรก็ทำ ท่านพ่อไม่รู้สึกว่าแปลกหรือเจ้าคะ”
เด็กหญิงทำหน้าตาใสซื่อตั้งคำถามเหมือนไม่รู้ความหมายจริง ๆ ดวงตากลมโตบริสุทธิ์จ้องมองไปยังบุรุษตรงหน้า
“ข้าน้อยใจเหลือเกินเจ้าค่ะ วันนี้ท่านแม่ก็จะเอาผ้าไปซักตามปกติ แต่ท่านป้าไม่ยอมเอาผ้าของนางมาให้ กลายเป็นว่าท่านแม่ของข้าเป็นคนผิด หรือนี่เป็นความถูกต้องเจ้าคะ”
