บทที่ 4 เด็กมีปัญหา(จบ)
“ปล่อยกู! ปล่อยสิวะ!” สินธรโวยวาย เมื่อถูกเข้มลากออกมาไกลจากตัวบ้าน แต่หนุ่มรุ่นพี่ยังคงล็อกคอเขาไม่ยอมปล่อย สินธรเลยโมโห จะห่วงอะไรกันนักหนา เขาหายใจไม่ออกโว้ย
“ปล่อย!”
“ถ้าผมปล่อย คุณหมอกห้ามกลับไปทะเลาะกับนายใหญ่อีกนะ”
เข้มถามกึ่งขอร้อง แขนยังล็อกไว้แบบเดิม
“กูคงไม่โง่กลับไปให้พ่อตีกบาลหรอก ปล่อย! กูหายใจไม่ออก!”
สินธรโวยวายพร้อมกับสะบัดตัวออก เมื่อเข้มคลายแขนออก
“เอาบุหรี่มาสูบดิ๊!” ร่างสูงทิ้งตัวลงพื้น พร้อมกับร้องหาบุหรี่ ไหน ๆ พ่อก็จับได้แล้ว ก็เอาให้สุด ๆ กันไปเลย
“ไม่มีครับ” เข้มตอบ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ
“ก็ที่มึงสูบน่ะ เอามาให้กูดิ”
“ผมสูบยาเส้น คุณหมอกจะเอาเหรอ”
“ยาเส้นก็มวนมาสิ เรื่องมากจริงโว้ย!”
สิ้นเสียงโวยวายของเจ้านายหนุ่ม เข้มก็ล้วงถุงก๊อบแก๊บ
ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เข้มก็ติดบุหรี่ แต่เพราะมันแพง เขาจึง หันมาหายาเส้นแทน แถมประหยัดเงินได้เยอะ ส่วนบุหรี่จะสูบก็ต่อเมื่ออยู่ต่อหน้าสาว ๆ ปีนี้เข้มอายุสิบเก้า เขาเลยพกบุหรี่ได้ เพราะโตแล้ว
มือแกร่งส่งมวนยาเส้นให้เด็กหนุ่ม ก่อนจะจุดไฟให้ เมื่อเจ้านายคาบมวนยาไว้ในปาก
เข้มสูบบุหรี่ก็จริง แต่เขาไม่เคยสอนให้นายน้อยสูบ และไม่เคยสนับสนุน แต่เมื่อทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ ก็ต้องปล่อยเลยตามเลย
“แค่ก ๆ ๆ” สินธรไอจนหน้าดำหน้าแดง เมื่ออัดควันลงปอด เข้มหัวเราะเมื่อเห็นหนุ่มน้อยสำลักควัน ใครใช้ให้สูดแรง ๆ แบบนั้น ยาเส้นมันแรง และไม่มีก้นกรอง จึงทำให้สำลักได้ง่าย ๆ
“เบา ๆ ครับ ค่อย ๆ สูด ยามันแรง” เข้มบอกก่อนจะยื่นมือมา ลูบหลังเด็กหนุ่ม พร้อมกับจุดไฟให้ใหม่ เมื่อไฟมันดับไปแล้ว
สินธรหงุดหงิด ก่อนจะค่อย ๆ ทำตามอย่างที่เข้มบอก ไม่นานเด็กหนุ่มก็เริ่มชินกับยาเส้นของเข้ม
สินธรลุกขึ้น เมื่ออัดยาเส้นจนพอใจ ก่อนจะเดินไปตามเส้นทางเล็ก ๆ ที่คุ้นเคย
“จะไปไหนครับ!” เข้มร้องถาม ก่อนจะลุกขึ้นเดินตาม เขารู้ว่าเจ้านายจะไปไหน เพราะถ้าเป็นแบบนี้ ก็มีที่เดียวเท่านั้นที่สินธรจะไป ร่างสูงเดินตามเจ้านายไปเงียบ ๆ
ถึงแม้อากาศตอนกลางวันจะร้อน แต่เพราะที่นี่ อยู่ติดกับภูเขา พอตกกลางคืนอากาศกลับเย็นสบาย เปิดหน้าต่าง
ให้ลมพัดเข้ามา ไม่ต้องเปิดแอร์ก็นอนได้สบาย
ก๊อก ๆ ๆ ๆ
“พี่วิว หลับหรือยังครับ” เสียงที่ดังมาจากหน้าประตูปลุกเด็กสาวให้ออกจากภวังค์ความคิด ร่างบางวางหนังสือในมือ ก่อนจะลุกไปเปิดประตู
“ผา มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” ทันทีที่ประตูเปิดภัทรทิราก็ถาม เด็กน้อยตัวผอมด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ‘ภูผา’ ยืนอยู่ตรงนั้น ในมือของ เด็กน้อยมีกระดาษติดมาด้วย
“ผาจะเขียนจดหมาย แต่ลายมือผาไม่สวย” ภูผาตอบพี่สาว ด้วยท่าทางที่เขินอาย ภัทรทิรามองบน ปีนี้ภูผาเพิ่งจะอายุสิบเอ็ดปี กล้าเขียนจดหมายหาสาวแล้วเหรอ
“เข้ามาก่อนสิจ๊ะ” ภัทรทิราขยับหลบทางให้น้องชายเดินเข้ามา เพราะมีกันแค่สองพี่น้อง และน้องก็เป็นเด็กขี้โรค ภัทรทิราจึงตามใจ
หลังจากที่พ่อและแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกันเมื่อ หลายปีก่อน ภัทรทิราก็อยู่กับน้องมาโดยตลอด ถึงแม้จะมีญาติ ๆ ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่เด็กสาวก็ปฏิเสธไป เพราะไม่อยากย้ายไปอยู่ที่อื่น โชคดีที่น่านนทีกับเพชรยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ จึงทำให้ธุรกิจ ของครอบครัวเดินต่อไปได้ คนงานทุกคนยังอยู่กันเหมือนเดิม คนเก่าแก่ที่อยู่กันมานาน ก็ดูแลเธอกับภูผาเป็นอย่างดี จนเมื่อไม่กี่ปีมานี้ฟาร์มของเธอประสบปัญหา สินค้าส่งออกไม่ได้ น่านนทีกับเพชรจึงมาเอาโฉนดที่ดินของเธอไป เอาไปทำอะไรเธอก็ไม่ถาม ขอแค่ให้เธอกับน้อง
และคนงานอยู่ต่อได้ ที่ดินแค่นี้เธอไม่เสียดาย
“พี่วิว เขียนจดหมายให้ผาหน่อยสิ” น้องชายส่งกระดาษในมือ ให้เธอ เมื่อเข้ามานั่งในห้อง
“ให้เขียนว่าอะไรล่ะ บอกมาสิ”
“เขียนว่า...” หนุ่มน้อยบอกไปเขินไป จนคนเขียนชักเริ่มรำคาญ และไม่แน่ใจว่านี่คือจดหมายของเด็กอายุสิบเอ็ดขวบจริงหรือ
“ตอนจบพี่วาดหัวใจลงไปนะ” ภัทรทิราเสนอความคิด เมื่อหันไปมองคนที่เอาแต่นั่งบิดอยู่บนเตียง ใบหน้าหนุ่มน้อยแดงก่ำจนลามไปถึงใบหู ร่างบางมองบน ถ้าเธอได้รับจดหมายฉบับนี้ คงอ้วกแตกแน่นอน เพราะมันหวานจนเลี่ยน
“ขอบคุณครับ พี่วิวอ่านหนังสือต่อเถอะ ผาไม่กวนแล้ว” เด็กน้อยตอบ ก่อนจะลุกขึ้น แล้วเดินออกไป
“ผา อาทิตย์หน้าหมอนัดใช่ไหม”
“ครับ”
“อืม... ไปนอนเถอะ ฝันดีนะ”
ภูผาเป็นลิ้นหัวใจรั่ว ถึงจะผ่าตัดมาแล้ว แต่ก็ต้องพบแพทย์ ทุกเดือน การเดินทางไปพบแพทย์แต่ละครั้ง ต้องใช้เงินจำนวนมาก มือบางหยิบสมุดบัญชีมาเปิดดู ก่อนจะถอนหายใจ น่านนทีโอนเงินเข้าบัญชีให้ทุกครั้งที่ขายผลผลิตได้ก็จริง แต่ก็เป็นเงินจำนวนไม่มาก เพราะต้องหักค่าใช้จ่าย และเก็บส่วนหนึ่งไว้ลงทุนต่อไป เธอรู้ว่าช่วงนี้ราคาผลผลิตตกต่ำ บางคนถึงกับนำไปเทกลางถนน เพื่อประท้วงรัฐบาล โชคดีแค่ไหนที่ฟาร์มของเธอยังอยู่ได้ เพราะน่านนทีกับเพชรมีระบบการจัดการที่ดี ภัทรทิรารู้ว่าลุงทั้งสองคนเหนื่อยมากที่ต้องเข้ามาดูแลงาน
ในฟาร์มเธอ ไหนจะต้องมาได้ยินเรื่องที่ญาติพี่น้องเธอต่อว่าพวกเขาเอาเปรียบเด็ก ๆ ภัทรทิราไม่รู้หรอกว่า เรื่องที่ญาติ ๆ เอามาใส่หัวเธอนั้นจริงหรือไม่ แต่เธอก็ยังยืนยันที่จะให้น่านนทีกับเพชรดูแลเธอ กับน้องต่อไป
ร่างบางถอนใจ เมื่อคิดว่าเส้นทางชีวิตของเธอคงต้องเปลี่ยนแปลง ความฝันที่จะเป็นหมอคงต้องพับเก็บไว้แค่นี้ เมื่อ ใบประกาศผลของโรงเรียนเตรียมชื่อดังในกรุงเทพฯ ถูกเก็บเข้าชั้นพร้อมหยดน้ำตา ก่อนที่จะกลายมาเป็นหนังสือความรู้เรื่องเกษตรกรมาแทนที่ เธอคงต้องเลือกทางนี้สินะ เพื่อความอยู่รอดของทุกคน
“พ่อคะแม่คะ ช่วยวิวด้วยนะคะ” น้ำตาไหลลงมาเป็นสาย พร้อมกับเสียงสะอื้น ช่วงนี้คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ภัทรทิราก็สุดจะรู้ได้ ขอแค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุดก็พอ ให้ขวัญใจฟาร์ม สมบัติที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ มีชื่ออยู่ต่อไปได้ แค่นี้ก็ดีที่สุดแล้ว
ปัง! ปัง!
ร่างบางสะดุ้ง เมื่ออยู่ ๆ ก็มีของแข็งมากระทบหน้าต่าง หันไปมองตามเสียง ก่อนจะกลอกตา เพราะคนที่มาทำเรื่องพิเรนทร์แบบนี้ มีแค่คนเดียวเท่านั้น
“ทะเลาะกับลุงน่านมาอีกแล้วสิ” บ่นให้คนที่ยังปาหน้าต่างห้องไม่เลิก ก่อนจะเดินไปทางต้นเสียง
“หมอก! ทำบ้าอะไรเนี่ย เดี๋ยวคนก็ตื่นกันทั้งบ้านหรอก” ร้องถามคนข้างล่างด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก เพราะในบ้านยังมีป้าแม่บ้านกับลุงคนสวนอยู่ด้วยอีกสองคน
เด็กหนุ่มไม่ตอบคำถาม ได้แต่แหงนหน้ามองหน้าเธออยู่แบบนั้น จนเข้มที่ยืนอยู่ข้างหลังยังลอบเบะปาก
“หมามองเครื่องบินชัด ๆ จะขึ้นไหมครับ” ประโยคแรกเข้มพูดกับตัวเอง ประโยคหลังหันถามเด็กหนุ่มที่เอาแต่ยืนมองเด็กสาวข้างบน ตาเยิ้ม
“เชี่ย! เมายาเส้นเปล่าวะ” เข้มบ่นกับตัวเอง เพราะไม่มั่นใจ กับอาการของนายน้อย หรือว่าเขาใส่ยาเส้นให้เจ้านายเยอะเกินไป คุณหมอกถึงได้ตาลอย ๆ ชอบกล
