บทที่ 13 chapter 13
“ข้าว่า...อย่างเจ้าคงมิยอม” สี่หนิงเหอใช้ชีวิตอยู่ในเรือนแห่งนั้นเยี่ยงไรกันแน่ คนเหล่านั้นมิดูดำดูดีเลยหรืออย่างไรกัน
สี่หนิงเหอหัวเราะเริงร่า “ใช่แล้วซานเกอ ท่านเก่งจังเลยที่ล่วงรู้ ในเมื่อพวกเขามินำมาให้ข้าทาน...ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไปทานเองที่โรงครัวมันเสียเลย หากก็ทำบ่อยมิได้นะขอรับ มิเช่นนั้นจะถูกคุณหนูใหญ่ซูเจียวกับคุณชายรองจับได้และลงโทษเอา นี่ข้าบอกท่านเป็นคนแรกเลยนะซานเกอ ข้าเคยสับเปลี่ยนเมนูอาหารให้สองคนนั้นด้วย ข้าจำได้ว่าวันนั้นคุณหนูใหญ่และคุณชายรองปวดท้องหนักกันหลายรอบเลยขอรับ”
เป็นเพราะตัวเขาเผอิญโชคดีไปเจอกับใครบางคนเข้า เขาผู้นั้นให้เจว๋หมิงจื่อ พร้อมกับบอกกล่าวแก่เขาว่า...คุณชายรองถ่ายหนักมิค่อยได้มิใช่หรือไร ท่านก็เอาสิ่งนี้ให้ทานสิ
“เจ้าไม่กลัวว่าจะถูกจับได้หรือไร”
“บอกท่านตามตรงนะขอรับ...ตอนทำข้ามีแต่ความโมโห จนพอทำลงไปแล้วเสร็จนั่นแหละ กลัวจนต้องหลบซ่อนตัวอยู่แต่ในห้องนอน...ซานเกอ ท่านรับปากข้าสักเรื่องได้หรือไม่”
“ถ้าไม่ยากลำบากมากเกินไปกว่าผู้น้อยอย่างข้าจะสามารถทำให้ท่านได้นะขอรับ”
“แหม...ไม่ยากหรอกซานเกอ ข้าเพียงแค่ขอให้ได้กินอิ่มนอนหลับเท่านั้นเองขอรับ” ส่วนเรื่องอื่นนั้น...เอาไว้ค่อยคิดหาทางออกให้กับตัวเองต่อไป การจะทำสิ่งใดก็ตาม อย่างเร่งรีบทำอะไรจนเกินไป เพราะมันจะกลายเกิดเป็นพิรุธให้คนเหล่านี้สงสัยเอาได้ อย่างน้อยถ้าหากเขาบอกไปว่าอยากเรียนรู้การทำอาหาร...พวกเขาจะได้มิสงสัยอันใด เส้นทางการค้าที่คิดไว้ก็จะราบรื่นเช่นกัน อา...เจ้านี่ฉลาดเหลือเกินสี่หนิงเหอ
“ข้าถามท่านหน่อยสิซานเกอ ท่านอยู่กับท่านอ๋องตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ แล้วคิดยังไงที่ท่านอ๋องเลือกแต่งข้าเป็นอนุ” เพราะถ้าพวกเขามิคิดอันใด คราแรกที่ได้เจอกัน คงจะมิมีวาจาเสียดสีและพฤติกรรมที่ชวนต่อยตีเช่นนั้นหรอก
หากสี่หนิงเหอมิทันจะได้รับคำตอบก็เผอิญว่าซานเกอพาเขามาถึงที่พัก
“คุณชาย...หนิงเกอ...ท่านเป็นอันใดขอรับ” เสี่ยวฝานร้องเรียกถามน้ำเสียงตื่นตระหนกและรีบวิ่งถลามาหาเขาด้วยความเป็นห่วงเป็นใยในทันที
“ข้ามิได้เป็นอันใดเสี่ยวฝาน เพียงแค่ซุ่มซ่ามเผลอสะดุดขาตัวเองจนเกือบจะล้มไปก็เท่านั้น ซานเกอเป็นห่วงก็เลยให้ข้าขี่หลังมานะ” สี่หนิงเหอบอกกับเสี่ยวฝาน ก่อนจะหันมองเหล่าองครักษ์อีกที่คนที่ดูท่าจะเกิดความไม่พอใจอย่างรุนแรง แต่ละคนดูเหมือนอยากจะต่อยตีกับเขาทั้งด้วยวาจาและเรี่ยวแรงเสียเหลือเกิน
อา...เขาไปทำอันใดผิดมาหรือขอรับ
“มิใช่ว่าท่านเริ่มจะกลัวจนแข้งขาอ่อน เดินด้วยตัวเองไม่ไหว เลยต้องอ้อนวอนขอขี่หลังซานเกอหรือขอรับ”
สี่หนิงเหอตวัดสายตาขุ่นเขียวใส่ผู้ที่กล่าวหาตนเองในทันที “จะว่าเช่นนั้นก็ได้ขอรับท่านองครักษ์”
“เจ้าจะเรียกข้าว่าลิ่วเกอหรือถนัดเรียกพี่หกก็แล้วแต่เจ้า”
เดี๋ยวนะ...นี่ท่านจะให้เขาเข้าใจว่า ท่านชวนต่อยตีด้วยวาจาเพื่อจะได้แนะนำตัวเองให้เขารู้จักหรือขอรับ อา...พวกท่านนี้แปลกกันเกินไปแล้ว
“ลิ่วเกอ...อย่าบอกข้านะขอรับ พวกท่านอีกสามคนก็มีชื่อที่ใช้เรียกกันอย่าง ต้าเกอ...คือพี่ใหญ่ พี่สามก็คือซานเกอ ถ้าอย่างนั้นพวกท่านที่เหลือก็น่าจะเป็นพี่เจ็ดพี่แปด” อันนี้เขาใช้ความคาดเดาเอาล้วน ๆ เลยนะ เพราะถ้ามันเป็นเช่นนั้นจริง ชื่อพวกนี้คงจะมิใช่ชื่อจริงของพวกเขาหรอก คงเป็นชื่อที่ใช้กันเฉพาะในกลุ่ม
“เจ้านี่ก็ฉลาดดีเหมือนกันนะหนิงเหอ”
“หะ! นี่ข้าคาดเดาถูกเหรอขอรับ...เป็นเช่นนี้จริงนะหรือ” สี่หนิงเหอยังไม่ค่อยอยากจะเชื่อ “ท่าน...พวกท่านคงมิได้ล้อข้าเล่นอยู่หรอกนะ”
“เจ้าคิดว่าพวกข้าจะกล้าล้อเล่นหรือหนิงเหอ ในเมื่อชื่อเหล่านี้ท่านอ๋องเป็นคนประทานให้พวกข้าเอง”
“เอาเถอะ...พวกท่านจะชื่อเรียงเสียงใดก็ไม่เกี่ยวอันใดกับข้า เพราะถึงรู้นามพวกท่าน ข้าก็แยกพวกท่านมิออกหรอก ก็พวกท่านเล่นสวมอาภรณ์สีเดียวกันและยังจะปกปิดใบหน้าจนเหลือเพียงแค่ดวงตาแบบนี้”
“ถ้าเจ้าอยากเห็นหน้าพวกข้า...ทั้งหมด เจ้าก็ต้องทำให้พวกข้ายอมรับว่าเจ้าเหมาะสมที่จะเป็นอนุท่านอ๋องนะหนิงเหอ”
ถ้าเช่นนั้นก็อย่าหวัง เพราะเขาจะหาโอกาสทำให้เรื่องนี้มิเกิดขึ้น...ขอรับ
สี่หนิงเหอฉีกยิ้มกว้างใส่องครักษ์ทั้งสี่ พร้อมกับเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้พวกเขานั้นตกตะลึกไปตาม ๆ กัน “ความจริงแล้วข้ามิสนใจแม้แต่น้อย แต่ถ้าหากข้าทำได้แล้วพวกท่านเลี้ยงอาหารข้ามื้อใหญ่ละก็...ข้าก็จะพยายามขอรับ”
“นี่เจ้า!”
“ออกเดินทางได้แล้ว”
และก็เป็นเช่นเดิมที่ท่านพี่ซานเกอผู้ใหญ่ดีของเขา...ในตอนนี้เป็นคนห้ามทัพเอาไว้มิให้เขานั้นถูกเหล่าองครักษ์คนอื่นต่อยตีด้วยวาจาและอาจจะถึงขั้นลงไม้ลงมือด้วย
อา...ขอบคุณขอรับซานเกอ เขาอยากได้ท่านเป็นพี่ชายเสียเหลือเกิน ถ้าเป็นเช่นนั้นได้คงจะดีมิใช่น้อย...เขาควรจะหาโอกาสบอกเรื่องนี้กับซานเกอไปสินะ
“ไปได้แล้ว หรือเจ้ามิอยากจะทานหมูตุ๋นน้ำแดง”
“ขอรับซานเกอ” สี่หนิงเหอเอ่ยด้วยความดีใจ ขณะรับห่อผ้าของตัวเองแล้วเดินไปยืนเคียงข้างซานเกอที่ยืนรอจะนำเขาขึ้นม้าอยู่ก่อนแล้ว หากก็นึกขึ้นมาได้ว่ามีบางอย่างที่ยังมิได้ทำ ยังมิควรที่จะเดินทางในตอนนี้ แต่ก็คงจะไม่สันเสียแล้ว เพราะซานเกอรีบกระโดดขึ้นม้าตามเขามาติด ๆ และกระทุ้งสีข้างให้มันเร่งรีบออกเดินทางอย่างเร็วไวด้วย
เอาเถอะ...ถ้าเช่นนั้นเขาก็อดทนไปก่อนก็ได้ ถ้าหากว่ามันไม่ไหวจริง ๆ ก็ค่อย...บอกไป
สี่หนิงเหอรู้ตัวดี มิได้เป็นคนชอบหาเรื่องก่อกวนใคร มิได้เป็นคนไม่มีความอดทนและก็มิได้เป็นคนปากเสียไป...มิใช่น้อย แต่เป็นคนที่ไม่ชอบที่จะมีเรื่องกับผู้ใด หากตอนนี้นั้น...ไม่ทำเช่นนั้นไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้เกือบจะยามอู่แล้ว หากยังมิมีสิ่งใดตกถึงท้องเข าเลย
‘อา ไม่ไหวแล้ว ข้าหิวแล้วขอรับซานเกอ’
“ซานเกอ” สี่หนิงเหอตะโกนเรียกแข่งกับเสียงหวีดหวิวของกระแสลม เพราะรู้ดีว่าฝีมือระดับพวกเขา...ย่อมจะต้องได้ยินอย่างชัดเจนแน่นอน
“ข้าหิวขอรับ”
เรียกได้ว่าสิ้นคำพูดของเขา ม้าสามตัวก็หยุดราวกับว่าถูกจับขาเอาไว้ ว่าแต่..ทำไมถึงได้มีม้าแค่สามตัวละ ในเมื่อผู้ที่กล่าวว่าจะเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองเขานั้นมีด้วยกันทั้งหมดห้าคนด้วยกันนี่น่า
“เจ้าว่าอันใดนะหนิงเหอ” บุรุษที่ถามมิใช่ซานเกอ หากเป็นท่าน...ช่างเถอะ จะเป็นผู้ใด เพราะนอกจากซานเกอที่นั่งอยู่กับเขาแล้ว ผู้อื่นแม้ว่าเขาจะรู้นามองครักษ์ทุกคนแล้ว หากก็ยังมิรู้ว่าใครเป็นใครอยู่ดี
สี่หนิงเหอยิ้ม...ก่อกวนโทสะพวกเขาและกล่าวด้วยน้ำเสียงระรื่นไปว่า “ข้าหิวขอรับ”
“นี่เจ้า!”
