บทที่ 6 บทที่ 6
ภายในโอ่อ่าหรูหรามากเปรียบดั่งโรงแรมห้าเดียวเลยทีเดียว พื้นบ้านปูด้วยกระเบื้องหินอ่อนแต่มีขอบสีทอง และต้องสงสัยว่าขอบสีทองที่เธอเห็นนั้นมันเป็นทองคำแท้หรือไม่ ชั้นล่างนี้มีมุมเครื่องดื่มและถัดไปเป็นประตูที่ปิดไว้ คาดว่าน่าจะเป็นห้องครัว เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเพดานมธุรสก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นภาพวาดวิจิตรตระการตาอยู่บนเพดาน และเมื่อราฟาเอลพาเธอเดินเข้าไปหยุดอยู่กลางบ้าน มธุรสก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็ไม่พบเพดานอีกแล้ว แต่มองเห็นหลังคาบ้านที่เป็นกระจกกว้างมองออกไปเห็นท้องฟ้าสีคราม ถ้าหากเป็นเวลาค่ำคืนก็คงเห็นหมู่ดาวอยู่เต็มฟากฟ้า
ต่ำลงมาจากหลังคากระจก เป็นราวไม้สักทองที่กั้นทุกชั้นเอาไว้เป็นวงกลม โคมไฟระย้าที่เคยเห็นห้อยจากเพดานด้านบนสุดลงมา บัดนี้ไม่ได้อยู่ที่เพดานสูงสุด แต่เป็นห้อยจากเพดานของทุกชั้นแทน ซึ่งโคมไฟระย้านี้มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แม้จะแปลกตาไปบ้างแต่ก็ดูงดงามน่ามอง
“สวยจังค่ะ” หญิงสาวบอกร่างสูงที่ยืนอยู่เคียงข้าง
“ถ้าน้ำผึ้งทำตัวน่ารักๆ น้ำผึ้งจะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้”
มธุรสหมุนตัวหันหน้าเข้าหาร่างสูงทันที ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างนึกไม่ถึงว่าเขาจะใจปล้ำได้ขนาดนี้
“พี่ราฟพูดจริงๆ รึเปล่าคะ”
“จริงสิ คิดว่าพี่พูดเล่นรึไง” ราฟาเอลตอบแล้วเดินไปที่บาร์เครื่องดื่ม รินว้อดก้าใส่แก้วใบจิ๋วและกระดกแก้วเข้าปาก ความร้อนฉ่าของมันที่ไหลผ่านลำคอไปในคราแรกทำให้เขานิ่วหน้าเล็กน้อย ก่อนจะรินแก้วที่สองและกระดกขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มมักจะดื่มของร้อนในเวลาที่กลับจากการเดินทางเสมอ เพราะมันทำให้เขารู้สึกว่าได้กลับบ้านสักที
“แต่น้ำผึ้งคงทำให้พี่ราฟพอใจขนาดนั้นไม่ได้หรอกค่ะ”
ราฟาเอลมองสาวน้อยที่ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เขาอยากบอกเธอเหลือเกินว่า เขาพอใจเธอตั้งแต่แรกเห็น ยิ่งพอใจมากขึ้นเมื่อได้รู้ว่าเขาเป็นคนแรกของเธอ คนอย่างราฟาเอลไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนเข้ามาในบ้าน ถ้าไม่ถูกใจจริงๆ และมธุรสก็เป็นคนแรกที่เขาถูกใจมากขนาดนี้
“ทำไม”
“ก็...น้ำผึ้งไม่มีประสบการณ์พอจะทำให้พี่ราฟพอใจนี่คะ”
“เด็กโง่ แล้วคิดว่าพี่พาเธอมาฟลอเรนซ์ด้วยทำไม”
มธุรสมองสบตาคมที่มองจ้องมาอย่างดุๆ หญิงสาวทำคอย่อพลางคิดในใจว่า ‘คนอะไรตาดุชะมัด’ หญิงสาวนั่งลงกับพื้นกอดเข่าและแนบใบหน้าลง เล่นเอาราฟาเอลต้องอึ้ง เขาวางแก้วว้อดก้าลง และเดินตรงมาหาร่างบาง ชายหนุ่มนั่งยองๆ อยู่ในระดับเดียวกับร่างบาง
“น้ำผึ้งเป็นอะไรไป พี่ขอโทษพี่ไม่ได้ตั้งใจจะดุเลยนะ”
ราฟาเอลโอบร่างบางที่นั่งกอดเข่าจนตัวกลมเหมือนเด็กหลงทางเข้าหาอ้อมอกกว้างของตน มือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังบางอย่างปลอบใจและขอโทษที่ทำให้ตกใจ
“น้ำผึ้งไม่ได้โกรธพี่ราฟหรอกค่ะ แต่น้ำผึ้ง...ฮึก...ฮึก...น้ำผึ้งกลัว” หญิงสาวสะอื้นจนตัวโยน ยิ่งทำให้มาเฟียหนุ่มตกใจมากขึ้นอีก แต่ราฟาเอลยังไม่ทันเอ่ยอะไรต่อ ร่างของมินเตก็เดินเข้ามาในบ้าน และหยุดชะงักเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มที่นั่งยองๆ โอบกอดสาวน้อยคนไทยที่นั่งกอดเข่ากับพื้นบ้าน
ราฟาเอลตวัดตาคมดุใส่มินเตที่ดันเข้ามาผิดเวลา และมินเตก็ต้องหันหลังขวับทำเป็นมองไม่เห็นอะไรไปซะ
“มีอะไรมินเต เพิ่งกลับมาถึงเหนื่อยๆ อย่าเอาเรื่องปวดหัวมาให้ฉันเด็ดขาด ไม่งั้นพ่อยิ่งไส้แตกแน่”
“อะ...เอ่อ...” มินเตอ้ำอึ้งเพราะไม่รู้ว่าเรื่องที่จะต้องรายงานนั้น จะทำให้เจ้านายหนุ่มปวดหัวรึเปล่า เพราะเขาเองก็ยังไม่อยากตายด้วยสิ
“ว่าไงล่ะ อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่นั่น จะพูดอะไรก็รีบๆ พูดมาสิ หรือว่าแกอยากกินลูกปืนแทนข้าวมื้อนี้” มาเฟียหนุ่มดุลูกน้องเสียงกร้าวจนทรวงอกสะท้อนขึ้นลง ทำให้ร่างบางในอ้อมกอดตัวสั่น แต่เมื่อราฟาเอลรู้สึกตัวก็ลูบหลังบางปลอบใจเธอ
“ไนต์คลับของเรามีปัญหาครับ พวกตำรวจมันเข้าไปตรวจค้นครับ” มินเตรายงาน
“แล้วมันมีหมายค้นรึเปล่า”
“มีครับ”
“ก็คงเป็นพวกแวนิโต้ ที่คาบข่าวไปบอกตำรวจให้เล่นงานเรา”
“เจ้านายจะให้ทำยังไงครับ”
“ปล่อยให้มันค้นไป ช่วงนี้ไม่มีของนี่นา หรือว่า...ใครแอบเอาของมาขาย”
“ไม่มีนะครับเจ้านาย” มินเตบอก
“ดีแล้ว ถ้าเราไม่มีของเราก็ไม่ต้องกลัว เรื่องแค่นี้แกคงจัดการเองได้มั้งมินเต”
“คะ...ครับเจ้านาย แต่ว่า...เจ้านายจะไม่ไปดูหน่อยเหรอครับ” มินเตเหลียวหน้ามาชำเลืองมองเจ้านายหนุ่ม แต่เมื่อสบกับดวงตาพิฆาตของราฟาเอล เขาก็ต้องรีบสะบัดหน้าหันกลับคอแทบหลุด
“ฉันบอกว่าเหนื่อย แกไม่เข้าใจรึไงมินเต หรือว่าพูดกับปากไม่รู้เรื่องต้องพูดกับลูกปืนแทน”
“มะ...ไม่นะครับเจ้านาย งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” โดยไม่รอคำอนุญาตมินเตก็ใส่ตีนหมาวิ่งแน่บ ออกไปทันที
ราฟาเอลถอนหายใจแรงๆ อย่างเบื่อหน่าย และก้มลงมองร่างในอ้อมแขน ก่อนช้อนลอยขึ้นและอุ้มเดินลิ่วๆ ขึ้นข้างบนไป
ร่างของมธุรสถูกผ่อนลงบนเตียงกว้างที่นุ่มแสนนุ่ม และร่างสูงก็ล้มตัวลงนอนเคียงข้าง หลับตาลงไม่สนใจจะถอดชุดสูทที่สวมออก เธอมองใบหน้าคมเข้มที่มีริ้วรอยของความกังวลออกมาจนเห็นได้ชัด เมื่อครู่เธอได้ยินผู้ชายคนนั้นพูดถึงตำรวจเพราะผู้ชายคนนั้นพูดคำว่าโปลิสออกมา และหวังว่าราฟาเอลคงไม่ได้ทำงานผิดกฎหมายหรอกนะ
