บทที่ 3 ตอนที่ 3
“ดึกดื่นขนาดนั้น เจ้าออกไปเดินเล่นคนเดียวทำไม มันอันตรายมาก ไม่รู้หรือไง”
ฮันนาลอบเป่าปากด้วยความโล่งอก เมื่อบิดาไม่ได้สงสัยอะไรอีก นอกจากตำหนิเพราะความเป็นห่วง “ฉันจะไม่ทำอีกแล้วค่ะท่านพ่อ”
ฮาริสระบายลมหายใจออกมา ชายชราลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินมาหยุดตรงหน้าลูกสาวคนสวย
“เจ้าต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี อีกเพียงไม่นาน เจ้าก็จะได้เป็นใหญ่เคียงคู่กับองค์สุลต่านแล้วนะ”
“ฉันรักษาตัวดีเสมอค่ะท่านพ่อ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก”
“ดีแล้วละ พ่อไม่อยากให้เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้น เพราะถ้าเจ้าได้ขึ้นเป็นองค์สุลตาน่า ตระกูลของพวกเราก็จะยิ่งใหญ่มากยิ่งขึ้นจนไม่มีใครในฟาดิลาห์กล้าต่อกร”
“ค่ะท่านพ่อ ฉันเข้าใจดีเสมอ”
ฮันนาระบายยิ้มตอบรับบิดา หล่อนรักฮูเซ็น ทั้งรักทั้งผูกพัน แต่กับองค์สุลต่านลูฟาส หล่อนก็ไม่อาจจะปล่อยมือจากพระองค์ได้เช่นกัน เพราะพระองค์ทั้งหล่อ ทั้งมีอำนาจ ดังนั้นหล่อนคงต้องเหยียบเรือสองแคมแบบนี้ไปอีกนาน
“แล้วนี่เจ้าจะออกไปไหนเหรอ ฮันนา”
“ฉันจะไปเข้าเฝ้าองค์สุลต่านน่ะค่ะ จะนำสำรับฝีมือของฉันไปถวายพระองค์”
ฮาริสส่ายหน้าน้อยๆ มองลูกสาวคนโตที่เกิดจากวีณาเมียเอกอย่างรู้ทัน
“เจ้าทำเอง หรือว่าจินนี่ทำกันแน่”
จิรัชยา หรือว่า จินนี่ หล่อนเป็นลูกสาวอีกคนหนึ่งของเขา แต่เขาไม่ได้ยกย่องหล่อนเกินกว่าคำว่าลูกสาวนางบำเรอ เพราะแม่ของหล่อนคือเมียทาส ที่เขาพลั้งเผลอมีความสัมพันธ์ด้วยเพียงครั้งเดียวและก็เกิดตั้งท้อง
เขาเลี้ยงดูจิรัชยาไม่ต่างจากทาสในเรือนเบี้ย หล่อนต้องทำงานหนักไม่ต่างจากคนรับใช้ ซึ่งหน้าที่ที่จิรัชยาได้รับมอบหมายจากเขา นอกเหนือไปจากการทำงานบ้านก็คือตามรับใช้ฮันนาลูกสาวคนโปรดของเขานั่นเอง
หลายต่อหลายครั้งที่จิรัชยาหน้าตาบวมเจ่อ ปากแตก เนื้อตัวเขียวช้ำ เพราะถูกฮันนาระบายอารมณ์ใส่ แต่เขาก็เลือกที่จะเข้าข้างลูกสาวคนโปรดมากกว่าลูกสาวเมียทาสอย่างจิรัชยา เพราะฮันนาคือความหวังทุกอย่างของตระกูลนั่นเอง
“แหม ท่านพ่อน่ะ ทำไมท่านถึงคิดว่าฉันทำสำรับพวกนี้ไม่ได้ล่ะคะ”
ฮาริสหัวเราะออกมาอย่างขบขัน “ก็เพราะว่าตั้งแต่เจ้าเกิดมา เจ้าไม่เคยเข้าครัวแม้แต่ครั้งเดียว และอาหารทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือว่าของหวาน รวมถึงผลไม้ที่แกะสลักอย่างสวยงาม ที่เจ้านำไปถวายองค์สุลต่านก็เป็นฝีมือของจินนี่ทั้งนั้น”
ฮันนาหน้าตาบูดบึ้ง โมโหบิดาไม่น้อยที่ท่านพูดเหมือนชื่นชมนังลูกไพร่อย่างจิรัชยา “นี่ท่านพ่อชื่นชมนังจินนี่เหรอคะ”
“เปล่า พ่อก็แค่พูดตามความจริง เจ้าไม่ต้องทำหน้าบูดหรอก เพราะจินนี่มีหน้าที่ทำคำสั่งของเจ้าอยู่แล้ว”
ใบหน้าหวานที่บูดบึ้งค่อยผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็ยังกระเง้ากระงอดบิดาอยู่
“แล้วท่านพ่ออย่าเอาความนี้ไปแพร่งพรายนะคะ ฉันไม่ต้องการอับอายคนอื่น โดยเฉพาะองค์สุลต่าน”
“พ่อไม่ทำอะไรให้เจ้าเดือดร้อนเยี่ยงนั้นหรอก เจ้าสบายใจได้ฮันนา”
“ขอบคุณค่ะท่านพ่อ งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ”
“ไปเถอะ แล้วอย่าลืมใส่จริตลงไปในกิริยาของเจ้าให้เยอะๆ นะ องค์สุลต่านจะได้ยิ่งลุ่มหลงเจ้า”
“ท่านพ่อไม่ต้องบอกฉันหรอก เพราะฉันทำประจำอยู่แล้ว” ฮันนาระบายยิ้มอย่างจองหอง “และตอนนี้พระเนตรขององค์สุลต่านก็มีแต่เพียงฉันคนเดียวเท่านั้น”
“เก่งมากลูกพ่อ ไม่เสียแรงที่พ่อรักและทุ่มเทกับเจ้า”
ฮันนายิ้มให้บิดา ก่อนจะเดินลงจากเรือนพักมา หัวใจลิงโลดไปด้วยความสุข แต่แล้วก็ต้องชะงักเท้ากึก เมื่อเห็นฮูเซ็นยกมือขึ้นลูบศีรษะของจิรัชยาเบื้องหน้า
หล่อนกำมือแน่น ความหึงหวงแล่นพล่านแน่นอก ตอนแรกหล่อนตั้งใจจะเดินเข้าไปอาละวาด แต่ความร้ายกาจในอกร้องเตือนให้ทำอย่างอื่นแทน
ฮันนารีบหมุนตัวเดินกลับขึ้นไปบนเรือน และรีบตรงไปหาบิดา แสดงท่าทางร้อนรน
“ทำไมเจ้าหน้าตาตื่นแบบนั้นล่ะ ฮันนา”
“ก็ฉันมีเรื่องบัดสีจะมาบอกท่านพ่อน่ะสิคะ”
“เรื่องอะไรเหรอ”
ฮันนายังคงแสดงทำหน้าตื่นตกใจ ขณะก้าวเข้าไปดึงแขนบิดาให้เดินออกไปยังระเบียง ก่อนจะชี้ไปตรงข้างหน้า
“นังจินนี่มันอ่อยพี่ฮูเซ็นค่ะ” น้ำเสียงของฮันนาเต็มไปด้วยความหึงหวง เพราะอะไรที่เป็นของตนเอง หล่อนจะหวงแหนยิ่งกว่าไข่ในหินเสียอีก
“ไหนล่ะ พ่อไม่เห็นเลย...”
“นั่นไงคะท่านพ่อ”
ฮาริสมองตามนิ้วเรียวของลูกสาวคนโตไป ก็เห็นว่าฮูเซ็นลูกชายบุญธรรมที่เขารับมาเลี้ยงตั้งแต่แบเบาะกำลังยืนคุยอยู่กับจิรัชยา
“พ่อก็ไม่เห็นมีอะไรบัดสีสักหน่อย เจ้าคิดมากไปเองหรือเปล่าฮันนา”
“ฉันไม่ได้คิดมากนะท่านพ่อ แต่ฉันรู้จักนิสัยของนังจินนี่ดี มันก็นิสัยเหมือนแม่ของมันนั่นแหละ อยู่ใกล้ผู้ชายคนไหนก็เลื้อยไปทั่ว หรือว่าท่านพ่อลืมเรื่องที่มันแอบหนีออกไปเที่ยวกับผู้ชายแล้วคะ”
ความจริงจิรัชยาไม่ได้หนีออกไปเที่ยวกับผู้ชายคนไหนหรอก แต่หล่อนต่างหากเป็นคนจัดฉากให้เกิดเรื่องขึ้นแบบนั้น เพื่อทำให้น้องสาวต่างมารดาได้รับความอับอาย และชื่อเสียงเสียหายป่นปี้
