บทที่ 9 ข้ามีมารดาแล้ว
“เอ๊ะ เจ้าหูหนวกหรือ ไปซี... ไปแย่งชิงหมอหัวจากพวกนางสองคนกับข้า”
ในห้วงเวลานั้น หรันอันเจียวมองหน้าถงนึ่งนิ่งๆ ก่อนสบสายตาอีกฝ่าย และทุกอย่างที่เป็นปมในใจของถงนึ่งก็เหมือนจะฉายภาพให้เห็นในหัว
ฝ่ายถงนึ่งที่นิ่งค้างไปชั่วขณะ นางเกือบหลุดเสียงกรี๊ดออกมา สตรีผู้นี้ ใบหน้าก็พอใช้ได้อยู่หรอก ทว่าเมื่อครู่ดวงตาคู่นั้นทอแสงประหลาด มันคล้ายห้วงเหวลึก อีกทั้งรอยแผลที่ถูกกรีดให้เป็นลักยิ้มก็ขับให้นางอัปลักษณ์เหลือเกิน สตรีนางนี้มาอยู่ในเรือนซ่ง มองอย่างไรก็เหมือนตัวอัปมงคล
และหรันอันเจียวก็คล้ายจะเข้าใจการกระทำของถงนึ่ง นางจึงไม่ถือโทษ หรือนึกตำหนิอีกฝ่ายสักนิด
“เจ้าต้องออกไปที่โรงตรวจคนไข้เดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นข้าเตือนไว้ก่อน หมอหัวต้องถูกหลิวอีอี หรือไม่ก็จู้เหอ ปล้ำแน่นอน”
คราวนี้หรันอันเจียวใช้สายตาดุถงนึ่ง นางพูดจาไม่ระวังปากจริงๆ ด้วยที่นี่มีเด็กอยู่ถึงสองคน
“เจ้าต้องการให้ข้าไปด้วยจริงๆ หรือ ข้าก็นึกว่า แม่นางถง มากับพวกนางเสียอีก”
ถงนึ่งอึ้งในยามนั้น ก่อนส่งเสียงหัวเราะแหลมสูงกลบเกลื่อนความละอาย ที่ถูกหรันอันเจียวจับได้
“ไม่รู้ละ อย่างไรแม่นางรุ่ยก็ต้องไปกับข้า และบอกไว้ตรงนี้ หากช่วยให้สตรีแซ่ถง เป็นฮูหยินของหมอหัวได้ ข้าก็จะยอมให้เจ้าเป็นสตรีข้างห้องหอเขา”
เด็กชายฟังผู้ใหญ่คุยกัน และเขาไม่รู้เรื่องอะไรมาก ได้ยินแต่ว่า ป้านึ่งจะเป็นฮูหยิน ซึ่งเรื่องนี้เขาไม่ชอบใจสักเท่าใด
“ไม่นะ ข้ามีแม่รุ่ยแล้ว ไม่เอาป้านึ่ง... นะขอรับ”
เมื่อร้องขึ้นอย่างนั้นจบ เขาก็พาร่างเจ้าเนื้อของตนวิ่งนำหน้าทุกคนออกจากห้องครัว
เมื่อหรันอันเจียวไปอยู่ที่หน้าเรือนตรวจคนไข้ นางรับรู้ว่า ความวุ่นวายก่อนหน้านี้ สงบลงเมื่อซ่งเฟิงหัวสั่งหมอทหารที่มาเรียนรู้การรักษาและวินิจฉัยโรค เข้าช่วยเหลือหลิวอีอีกับจู้เหอ ทว่าแทนที่สตรีสองนางจะแกล้งสลบต่อไป กลับรีบฟื้น เพราะไม่ใช่แค่หมอทหารสองคน หากยังมีทหารอีกหลายนายยืนห่างออกไป พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับเรียนรู้ปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์ บ้างก็จดบันทึก บ้างเขียนคำถามที่สงสัย ทุกคนให้ความสนใจเรื่องตรงหน้าอย่างแท้จริง
หลิวอีอี แม้เป็นหญิงสาวที่พึงใจต่อบุรุษเพศ ทว่าเมื่อถูกสายตาชายหนุ่มมองรอบทิศ นางจึงแทบจะร้องไห้ ส่วนจู้เหอใช้แผนสูงกว่า นางแกล้งสะอึก และพูดจาไม่รู้เรื่องชั่วคราว อีกทั้งไม่ใช่คนงาม ผู้อื่นเลยมองผ่านนาง
ซ่งโม่โฉววิ่งนำหน้ามาถึงใคร แล้วเข้าไปเขย่าแขนบิดา
“ท่านพ่อ ตกลงมีผู้ใดจะมาเป็นแม่ของโฉวเกออีกไหมขอรับ โฉวเกอ... ไม่มีเงินซื้อพวกนางแล้วนะ”
เด็กชายถาม ยามนั้นซ่งเฟิงหัวเลื่อนสายตา ไปมองหรันอันเจียว เขามองเนิ่นนาน และกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
“ทุกคนกลับไปทำหน้าที่ของตนเถิด พอตะวันตกดิน เราก็จะได้กินข้าวเย็นกัน”
ชายหนุ่มเอ่ยเช่นนั้น และเขาเชื่อว่า หรันอันเจียวจะแสดงฝีมือในการปรุงอาหารได้ดี
“เย้ๆ โฉวเกอจะกินให้พุงกางเลย...”
น้องชายเอ่ยแล้ว คนเป็นพี่สาวก็หน้าบึ้งตามแบบฉบับของนาง
“ข้าจะอดข้าวเย็นนี้ ดูแล้วคงไม่มีของถูกปาก”
เมื่อเด็กหญิงเอ่ยอย่างนั้น ซ่งเฟิงหัวไม่ได้กล่าวอันใด และทหารซึ่งอยู่ในเรือนตรวจโรค แม่ทัพปู้หรือปู้เกิงเล่อ ซึ่งเพิ่งส่งมาเรียนรู้การรักษาโรคที่นี่ ทั้งหมดเดินทางมาถึงในช่วงที่สตรีสองนางแกล้งสลบพอดี
“อารุ่ย ทหารพวกนี้ มีของกินมื้อค่ำแล้ว เจ้าไม่ต้องห่วง แต่ครั้งต่อไป พวกเขาอาจต้องฝากท้องที่นี่ คงลำบากเจ้ามิน้อย”
หรันอันเจียวเป็นคนชอบทำอาหาร เลยรู้สึกตื่นเต้น ยิ่งเห็นบุรุษที่รับใช้ชาติบ้านเมือง เป็นผู้ชายตัวโตๆ การปรุงอาหารของนาง คงต้องเพิ่มปริมาณและเนื้อสัตว์ให้มากสักหน่อย
“ข้าย่อมทำได้ เพียงแต่เครื่องปรุง และของใช้อาจต้องมีการซื้อเพิ่ม มิเช่นนั้น ข้าคงทำอาหารล่าช้าเป็นแน่”
“อย่ากังวล ข้าจะพาเจ้าไปเลือกที่ตลาดในเมืองด้วยตนเอง”
สิ่งที่ซ่งเฟิงหัวกล่าว ทำให้สายตาหลายสิบคู่ที่อยู่บริเวณนั้น มองชายหนุ่ม สลับหญิงสาวกันไปมา
กระทั่งมีเสียงดังจากถงนึ่งถามขึ้น
“หมอหัว อันที่จริง หากท่านถามข้าสักนิด ว่ามีค่าตัวเท่าใด ข้าคงบอกว่า แค่สองตำลึงเงิน...ก็ซื้อข้ามาเฝ้าเรือน และดูแลทุกอย่างที่นี่ไปชั่วชีวิต”
ถงนึ่งว่าอย่างกระเง้ากระงอด นางพบซ่งเฟิงหัวก่อนใคร ไปมาหาสู่ที่นี่ราวกับบ้านหลังที่สอง หลายสิ่งที่เขาตามหา ทั้งสมุนไพร หรือสินค้าที่ใช้ในการรักษาโรคประหลาดๆ ก็เป็นนางที่ติดต่อ เป็นคนกลางให้ ยามนี้ความน้อยใจจึงท่วมท้น นางวาดหวังอยากเป็นฮูหยินของหมอหัว เรื่องนี้ผิดด้วยหรือ
ส่วนหลิวอีอี ได้ยินถงนึ่งเสนอตัวอย่างน่าเกลียด นางเลยตะโกนเสียงดัง
“หมอหัวสำหรับข้า ท่านไม่ต้องเสียเงินสักอีแปะ แถมเรือนซ่งจะได้กินเนื้อหมูไปตลอดชาติ ขอเพียงให้ข้ามาเป็นสตรีข้างกายท่าน”
จู้เหอยืนงงเลยทีเดียว ทุกคนเสนอตัวกันชิงตัดหน้านางไปหมด ทว่าอย่างไรนางก็เป็นคนที่เสวียนจิ้ง เรียกหาบ่อยๆ นางสิงห์เฒ่าคงอยากได้นางเป็นลูกสะใภ้อย่างมิต้องสงสัย อีกทั้งยังให้ไห่หลิงนำสายคาดเอวชายหนุ่มไปให้ เพื่อสร้างแผนหลอกลวงว่า เขาได้ไปพักที่เรือนของจู้เหอ ทว่าแผนนี้กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่จู้เหอหาใช่คนปัญญา เมื่อนางต้องการเป็นเมียของซ่งเฟิงหัว จึงทุ่มสุดตัว
