บทที่ 1 ข้าตายแล้วหรือ
อวิ๋นมู่หลันพยายามขยับร่างกาย ทว่าทุกอย่างหนักอึ้งไปหมด การหายใจเนิบช้าลง ผิดแต่หูยังได้ยินเสียงรอบด้าน ที่สำคัญยิ่งกว่าคือภาพโหดร้ายก่อนสลบไปมันเป็นสีแดงฉานของเลือดสด ๆ และเสียงกระดูกถูกของแข็งฟัน ปะปนการหวีดร้องเสียขวัญ
เลือด? นางตายแล้วหรือ นี่คือคำถามที่เกิดขึ้นในใจ แต่ใน ตอนนี้นางไม่อาจเคลื่อนไหวร่างกาย ทว่ากลับรับรู้ถึงการสัมผัสหยาบกร้านที่น่องและเสื้อผ้านางคล้ายกำลังถูกรุมทึ้ง
อื๊อ... อ๊ะ... ขนนางลุกทั่วทั้งสรรพางค์กาย ความรู้สึกดังกล่าวทำให้หัวใจบีบเกร็ง
ดวงตานางพร่ามัวจึงมองเห็นสิ่งใดไม่แน่ชัด ผิดแต่กลิ่นกายรุนแรงของบุรุษที่โชยเข้าจมูกแจ้งชัดว่าอีกฝ่ายตกอยู่ในบ่วงราคะหนักหน่วง นอกจากนั้นยังผสมด้วยกลิ่นสุราชั้นต่ำ
หญิงสาวกลัวเหลือเกิน มือของอีกฝ่ายแกะสายรัดเอวนางทิ้ง มือใหญ่ ๆ นั้นลูบไล้จากน่องขึ้นมาสูงกว่าเดิม ส่วนหน้าอกอวบสวยกำลังจะเผยออกให้มันเชยชม!
“อย่า!!” นางหมายจะร้องออกไป ทว่าเสียงของตนกลับไม่เล็ดลอด ยามนั้นความกลัวจู่โจมอย่างรวดเร็ว เหตุใดนางถึงไม่อาจปกป้องตนเองได้ แม้แต่เสียงที่จะสื่อสารก็ไม่อาจหลุดพ้นลำคอ
เหตุการณ์ก่อนหน้านั้นที่นางจำได้คือ อวิ๋นมู่หลันเดินทางไปกับอวิ๋นหยวนม่าน ซึ่งต้องแต่งเป็นอนุของแม่ทัพกวน อีกฝ่ายคือบุรุษที่สตรีนางใดก็ไม่อยากขึ้นเตียง ด้วยยามนี้เขานับว่าเผด็จการเหนือคนทั้งใต้หล้า และยังเห็นชีวิตคนเป็นผักปลา อีกทั้งพี่รองของนางได้มีความ สัมพันธ์ลึกซึ้งกับบัณฑิตแซ่หลวนมานานหลายเดือน
หลวนคุน เป็นชายรูปงามคารมดี ครอบครัวมีกิจการค้าขายทางภาคใต้
“น้องหกต้องช่วยพี่...” เสียงอวิ๋นหยวนม่านดังเข้ามาในหัวก่อนที่อีกฝ่ายจะส่งขนมและจอกน้ำชาที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกเหมยให้ดื่ม
“ช่วยอย่างไรหรือ” อวิ๋นมู่หลันเอ่ยถาม อีกฝ่ายตอบอย่างหนักอกหนักใจว่า
“เป็นตัวแทนพี่ และแต่งเข้าสกุลกวน!”
อวิ๋นหยวนม่านมองน้องสาวอย่างขอความเห็นใจ
“พี่รองล้อข้าเล่นแล้ว คนที่แม่ทัพกวนต้องการคือคุณหนูรองสกุลอวิ๋น มิใช่ข้าผู้ต่ำต้อยซึ่งเกิดจากลูกอนุ”
“สำคัญอันใด ในเมื่อชายคนนั้นไม่คิดต้องการสตรีที่เพียบพร้อม เขาแค่อยากได้ใครสักคนไปเฝ้าโลงศพฮูหยินผู้เฒ่ากวนที่เรือนบรรพบุรุษ และคอยเป็นแม่หมูคลอดบุตรสืบทายาท เรื่องบัดซบเช่นนั้นข้าทำไม่ได้!”
“แล้วข้าจะเหมาะสมเยี่ยงไร ข้า... ย่อมต้องอยู่รับใช้บิดาและก็แม่ใหญ่ที่เรือน อีกทั้งพี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ก็ชอบที่ข้าช่วยงานพวกเขาได้เป็นอย่างดี”
อวิ๋นหยวนม่านยิ้มน้อย ๆ และบอกน้องสาวที่แสนดีของตน
“เด็กโง่ งานพวกนั้นคนอื่นทำได้ดีกว่าเจ้า อีกอย่างทนให้พี่ใหญ่โขกสับในร้านได้อย่างไร ฟังพี่ให้ดี... เสี่ยวหลันย่อมเหมาะสมที่สุด เพราะชีวิตเจ้านับแต่นี้มีข้าขีดเส้นให้เดิน!”
เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยจบ อวิ๋นมู่หลันก็รู้สึกว่าขนมปุยฝ้ายที่กลืนลงคอไปก่อนหน้ามีรสชาติหวานแหลมเหลือเกิน นางจึงยกจอกน้ำชาขึ้นดื่มแต่เหมือนว่ายังไม่พอ สาวใช้ผู้หนึ่งเลยส่งกาน้ำให้
อวิ๋นมู่หลันรับไปและดื่มน้ำจากกาอย่างคนกระหายหนัก เมื่อรู้ตัวอีกทีนางก็เข้าใจทุกสิ่งอย่างแจ้งชัด นางถูกพี่รองวางยา!
“น้องหลัน จงขึ้นเกี้ยวไปกับพี่ หลังจากนั้นก็แล้วแต่วาสนาของเจ้าว่าจะตายอยู่กลางป่าให้อีกาจิกกินซากศพ หรือเข้าไปตกนรกและตายทั้งเป็นในฐานะอนุ ไม่ใช่สิ เป็นสาวใช้ข้างห้องของแม่ทัพกวนจึงจะเหมาะสมกว่า!”
อวิ๋นมู่หลันนอนอยู่บนพื้นดินชื้นแฉะ มันไม่ได้เปียกน้ำฝนหากเป็นเลือดของผู้อื่น!
หูของนางได้ยินเสียงรอบตัว นอกจากตนกำลังจะถูกย่ำยี ยามนี้มีสตรีกับบุรุษที่เดินทางมาด้วยกันในขบวนเจ้าสาว กำลังถูกกระทำอย่างป่าเถื่อน
เสียงหอบหายใจดังอย่างไม่สิ้นสุด นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวจัดซึ่งลอยอยู่ในสายลม
“อ๊ะ... อ๊า อย่าทำข้า! มะ... มันใหญ่เกินไป เอาออกไป”
อวิ๋นมู่หลันไม่ได้โง่ ถึงอายุน้อยเพียงสิบหกปี แต่ได้ร่ำเรียนเขียนอ่านมาก็มาก อีกทั้งเป็นคนชอบศึกษาเรื่องต่าง ๆ ดังนั้นการร้องขอความเมตตาดังกล่าวย่อมหมายถึงอีกฝ่ายกำลังถูกข่มเหง
“สวรรค์โปรดเมตตา... อย่าเอามันเข้ามา สิ่งโสโครกนั่น อะ... เอาออกไป!”
หัวใจหญิงสาวเต้นโครมคราม นางหวาดหวั่นเหลือเกิน แต่ไร้เรี่ยวแรงปกป้องตนเอง ยามนี้จะทำสิ่งใดได้ กระทั่งได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อสลับการขู่คำรามของสตรีนางนั้น อวิ๋นมู่หลันเข้าใจแล้วว่า ลานกลางดินที่นอนอยู่ตรงนี้กลายเป็นสถานที่สำหรับปรนเปรอความสุขให้แก่พวกโจรป่า ซึ่งดักปล้นขบวนเจ้าสาวของอวิ๋นหยวนม่าน ทว่าอีกฝ่ายหาได้อยู่ที่นี่ จะมีก็แต่นางกับเหล่าบ่าวรับใช้ชายหญิงซึ่งตอนนี้คงเหลือรอดไม่กี่คนที่มีลมหายใจ
จากนั้นสายรัดเอวนางถูกกระชากออก เนื้อสาวยามนี้คงเผยให้ผู้อื่นเห็น
หน้าอกทรงสวยรูปหยดน้ำกระเพื่อมขึ้นลง และมีความเย็นเยียบจากปลายของมีคมพยายามจะใช้มันเล่นสนุกกับผิวเนียนละเอียดสีขาวอมชมพู
“ฮึๆ ๆ โอ้ นางยังไม่ตาย น่าจะเป็นของดีเสียด้วย!”
เสียงนั้นหยาบช้า พอได้ยินแล้วอวิ๋นมู่หลันก็เกลียดจับใจ ขณะ เดียวกันนางเริ่มได้ยินเสียงหอบหายใจต่ำ ๆ ดังอยู่ไม่ห่างกัน ก่อนที่จะมีมือหนึ่งเอื้อมมือจับมือนางเอาไว้ อีกฝ่ายคือสาวใช้ของนางนั่นเอง
ดวงตาของสาวใช้แดงก่ำ มีน้ำตาไหลนองหน้า อวิ๋นมู่หลันมองเห็นได้เพียงเท่านั้น เพราะอึดใจต่อมา ผ้าผืนหนึ่งก็ผูกปิดตานางไว้























