บทที่ 2 ส่งตัวไปเป็นคณิกา

หญิงสาวตื่นกลัวจนแทบหยุดหายใจ เกิดสิ่งใดขึ้น

“อา... บ่าวของสกุลนี้ดีทั้งชายหญิง ดูสิก้นของเจ้านี่งามนัก ตัวมันยังอุ่น ๆ นี่ถ้ายังมีชีวิตอยู่ข้าจะให้มันเป็นเมียน้อยอีกคน”

โจรร้ายผู้หนึ่งมันกระทำเรื่องน่ารังเกียจนัก ด้วยเพิ่งปล่อยน้ำรักใส่รูทวารของบ่าวชายผู้หนึ่งทั้งที่เขาสิ้นลมหายใจไปแล้ว

“เจ้าเป็นพวกวิตถารโดยแท้ ส่วนข้าได้พบของดี นางผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่ และดูสิ นมของนางงามเหลือเกิน และดูเหมือนว่าไฝพรหมจรรย์ยังอยู่” เสียงดังกล่าวเอ่ยขึ้นพร้อมเห็นว่าใต้วงแขนขวาของอวิ๋นมู่หลันปรากฏแต้มพรหมจรรย์สีแดงชัดเจน

“ช้าก่อน... เช่นนั้น นางย่อมขายได้กำไรงาม”

เมื่อได้ยินคำดังกล่าวโจรทั้งกลุ่มก็บ่นเสียดาย

“นางผู้นี้ ขอข้าเลียกลีบนางกับยอดถันสักหน่อยได้หรือไม่ รับรองราคาไม่ตกเป็นแน่”

อวิ๋นมู่หลันได้ยินคำพูดน่ารังเกียจก็พลันขนลุกซู่

“ฮ่า ๆ ๆ สิ่งที่เจ้าทำได้คือแค่อมและเลียนิ้วเท้านางเท่านั้น”

คนที่ถูกท้าทายใยจะยอมแพ้

“ได้... ขอได้ชมเชยนางข้าก็สำเร็จจนถึงจุดสุดยอด”

โจรร่างอวบหนาว่าแล้วจึงจับเท้าของนางข้างหนึ่งขึ้นแล้วโลมเลียอย่างหื่นกระหาย ภาพดังกล่าวสร้างความตื่นตะลึงให้คนอื่น ทว่าพอเลียได้สักพักหลายคนก็ช่วยตัวเองอย่างหยาบช้าไปด้วย

คนที่นอนตัวแข็งซึ่งไร้เรี่ยวแรงน้ำตาไหลพราก นางไม่เห็นสิ่งใดและร้องประท้วงให้อีกฝ่ายหยุดกระทำสิ่งชวนให้ขยะแขยงไม่ได้ก็จริง ทว่านางเกิดความรู้สึกขนลุกซู่สะท้านไปทั้งร่าง อวิ๋นมู่หลันกำลังซ่านสยิวเยี่ยงนั้นหรือ เรื่องขายหน้าเช่นนี้เกิดขึ้นกับนาง ช่างบัดซบสิ้นดี

นิ้วหัวแม่เท้าถูกโลมเลีย น่องสวยมีมือหยาบกระด้างสัมผัสและบีบด้วยแรงหนัก ๆ

“ปล่อยข้า หยุดเดี๋ยวนี้”

อวิ๋นมู่หลันร้องกรีดก้องอยู่ในใจ กระทั่งเวลาผ่านไปราวหนึ่งก้านธูปดับ เสียงหอบถี่กระชั้นของชายหลายคนก็ประสานกันอย่างน่าตื่นตระหนก ในตอนนั้นนางต้องตัวแข็งทื่อเมื่อบริเวณเนินหน้าอกมีน้ำอุ่น ๆ หยาดหยดลงใส่!

“เจ้ามันกระจอกเสียจริง เสร็จเร็วเยี่ยงนั้นไม่สมราคาคุย”

“มิได้ ๆ มันเพิ่งรอบแรก ข้ายังทำได้เรื่อย ๆ ถ้าหากปล่อยใส่ปากนางได้รับรอง เจ็ดน้ำข้าก็ยังไหว”

พอรู้ว่าน้ำดังกล่าวมาจากร่างกายของบุรุษอวิ๋นมู่หลันจึงอดสูยิ่งนัก นางอยากมีพลังและเรี่ยวแรงเพื่อจะหนีจากสถานการณ์ตรงหน้านี้เสีย!

และจากชายคนหนึ่งก็มีอีกหลายคนที่พร้อมปลดปล่อยความขุ่นข้นใส่นางที่นอนอยู่บนผืนดิน ทว่าในขณะเดียวกัน มีเสียงม้าดังรุดหน้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว จากนั้นเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด ชายที่อมนิ้วเท้าของอวิ๋นมู่หลันสบโอกาสเข้าพอดี เขาจึงอุ้มร่างนางขึ้นแล้วพาหลบหนีไป

“ปล่อยข้า!” หญิงสาวร้องประท้วงอีกหน แต่เสียงนางกลับติดอยู่ในลำคอ

กลางป่าทึบ นางถูกจับวางไว้บนแผ่นหินกว้างทั้งเย็นและชื้น เสื้อผ้าค่อย ๆ ถูกถอดออกทีละชิ้น เนื้อขาวอมชมพูนวลเนียนล่อสายตาโจรหื่นกระหาย จวบจนเหลือเพียงชั้นในที่ปิดทับกลีบงามอวบอูม ในขณะที่มันจะกระชากกางเกงผ้าผืนบางออกสายตาหื่นจัดกลับมองใบหน้านางและเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติบนซีกหน้าซ้ายเข้าพอดี

“เฮ้ย นะ... นั่น น่าขยะแขยง... จะ... เจ้าต้องพิษร้ายหรือ”

โจรป่าว่า และมองซีกหน้าดังกล่าว คราแรกไม่ทันสังเกตให้ดี แต่ยามนี้ เส้นเลือดสีดำขยายใหญ่ราวกับดอกเห็ดหลายดอก และมันคือ โลหิตทมิฬ!

“แต่เอาเถอะ หากไม่มองหน้าเจ้า ข้าคงยังชื่นชมเต้างามๆ นี้ และกลีบในร่มผ้าได้ มันคงรับแรงโยกจากแท่งหยกข้าเป็นอย่างดี” เมื่อเขาเอ่ยจบก็เตรียมกระชากกางเกงนางทิ้ง ทว่าเป็นตอนนั้นที่ศีรษะโจรป่าถูกฟันขาดกระเด็น!

เลือดบางส่วนสาดกระเซ็นอาบรดร่างของอวิ๋นมู่หลัน กลิ่นคาวเข้มข้มลอยคละคลุ้งอยู่เบื้องหน้า นางคลื่นเหียนอยากสำรอกแต่ทำสิ่งใดไม่ได้ ยามนี้ยังมีผ้าปิดตาอยู่และร่างกายอ่อนแรง แต่สิ่งที่คาดเดาได้คือมีชายผู้หนึ่งจับร่างนางเหวี่ยงขึ้นไปนั่งบนม้าโดยมีเขานั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง

อีกฝ่ายไม่ได้กล่าวคำใด นางได้ยินเพียงเสียงคำรามดุดันพร้อมกลิ่นกายบุรุษที่เต็มไปด้วยไอสังหารรุนแรง

ม้าออกวิ่งอย่างรวดเร็ว ซึ่งน้อยครั้งที่นางได้นั่งม้าเช่นนี้และไม่ได้รู้สึกปลอดภัยสักนิด กระทั่งผ่านไปนานสักครึ่งชั่วยาม นางจึงถูกจับโยนลงจากหลังม้าอย่างป่าเถื่อน ก่อนจะมีใครแบกนางเข้าไปในกระโจมหลังหนึ่ง มันมีกลิ่นอับ ๆ ผสมกลิ่นกายบุรุษเข้มข้นเต็มไปหมด

เมื่อมีใครคนหนึ่งดึงผ้าปิดตานางออก ตอนนั้นอวิ๋นมู่หลันก็พบกับตาคมกริบของบุรุษที่โดดเด่นผู้หนึ่ง ใจนางหล่นไปอยู่ปลายเท้า ดวงตาพยัคฆ์ดำสนิท ให้ความรู้สึกราวกับเหวลึกในขุมนรก!

เขามีรูปร่างสูงใหญ่กว่าคนทั่วไป ทั้งผิวคล้ำแดด แม้จะดูสง่างามแต่กลับไม่น่าเข้าใกล้อย่างที่สุด ด้วยไม่ได้มีเพียงไอสังหารรุนแรงที่ไหลท่วมร่างกาย หากมันเจือความเกลียดชังที่นางมีให้เขา เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายคือ กวนเฉินหลาง!!

กระทั่งริมฝีปากบางซีดขยับไหวและเปล่งน้ำเสียงดุเข้มจัดซึ่งส่งผลให้อวิ๋นมู่หลันสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง

“ตัวนางมีแต่สิ่งโสมมของโจรป่าพวกนั้น ข้าทนสูดดมไม่ได้จริง ๆ ล้างตัวให้สะอาด แล้วจับนางใส่ป้ายแขวนคอเสีย” เสียงทรงอำนาจสร้างความสนใจให้แก่ทหารหนุ่มหลายคน สตรีนางนี้แม่ทัพกวนช่วยมา และดูเหมือนจะเป็นผู้เดียวที่เหลือรอดชีวิตจากขบวนเจ้าสาวสกุลอวิ๋น เหตุใดกวนเฉินหลางจึงไม่คิดจะดูแลหรือเก็บตัวนางไว้

บทก่อนหน้า
บทถัดไป