บทที่ 5 5

“เอ้อ...ค่ะ”

“คุณคงรู้จักผมแล้วสินะ”

“ค่ะ...คุณดอมมินิค”

“เรามาถึงแล้ว กระท่อมบนไหล่เขาทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมาท์ วอชิงตัน...ตามผมมา”

พูดแล้วเดินลิ่ว ๆ นำหน้าไปยังประตูเครื่องบิน คำพูดที่ทั้งห้วนสั้นและแววตาที่มองมาทำให้รสิการู้สึกว่าดอมมินิคช่างไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย หรือว่านี่คือนิสัยบุตรชายคนเดียวของผู้มีพระคุณ เธอทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการที่ต้องเดินตามเขาลงจากเครื่องบินเล็กส่วนตัวและในทันทีที่เธอก้าวลงจากบันไดไม่ทันที่เท้าจะเหยียบลงบนพื้นด้วยซ้ำ หญิงสาวก็ต้องอ้าปากค้างดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นภูมิทัศน์โดยรอบของสถานที่ซึ่งเป็นที่พำนักของประธานคนใหม่แห่งไทเลอร์ พาวเวอร์ กรุ๊ป

ที่ซึ่งดอมมินิคเรียกว่า กระท่อม นั้นแตกต่างจากที่เขาบอกเธอลิบลับ มันเป็นบ้านหลังใหญ่ซึ่งก่อด้วยด้วยอิฐแข็งแรงตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งเต็มไปด้วยหินสีขาวตามชื่อของมันคือ นิวแฮมเชียร์ ไวท์ เมาท์เทน

รสิกากำลังอยู่บนที่สูงซึ่งหญิงสาวไม่รู้เลยว่ายอดเขานี้สูงมากแค่ไหน แต่มองลงไปรอบ ๆ ก็เห็นแนวป่าสนและเทือกเขาที่วางตัวลดหลั่นเหลื่อมซ้อนกันดั่งภาพวาดน่าตื่นตาตื่นใจ ด้านหน้า กระท่อม ของดอมมินิคมีโขดหินและวังน้ำใสสะอาด มันเหมือนสถานที่ในฝันซึงทำให้หญิงสาวชาวไทยตื่นเต้นจนพูดอะไรแทบไม่ออก

เมื่อนักบินนำเครื่องบินกลับไปแล้วรสิกาถึงได้ก็รู้สึกว่าเธอแต่งตัวมาไม่เหมาะกับสถานที่ รองเท้าที่มีส้นแม้เพียงนิ้วเดียวก็ทำให้เธอเดินตาม เจ้านาย ไปบนพื้นขรุขระและเต็มไปด้วยโขดหินสีขาวอย่างทุลักทุเล กระทั่งร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าไปด้านในและหยุดลงที่ห้องรับแขกซึ่งตกแต่งด้วยงานไม้ทว่าก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายแบบแอนทีกโบราณ

“คุณชื่ออะไรนะ?”

ดอมมินิคหันกลับมาถามหญิงสาวที่เดินมาหยุดตรงหน้าเขา ห่างกันหลายก้าวแต่เธอก็เห็นเขาชัดเจน เธอเผลอมองใบหน้าหล่อเหลาทรงเสน่ห์ของเขาจนเกือบลืมคำพูดของตัวเอง

“ฉันชื่อรสิกาค่ะ เรียกฉันว่าโรสก็ได้ค่ะ”

หญิงสาวตอบด้วยท่าทีประหม่า เขาจะรู้หรือไม่ว่าเธอแทบไม่กล้าสบนัยน์ตาสีสนิมเหล็กคู่นั้น ดอมมินิคหรี่ตาลง เขาก็เผลอมองผู้หญิงตรงหน้าชัด ๆ เช่นกัน นี่น่ะหรือคือลูกสาวของแม่บ้านที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยของมารดาคนนั้น  เธอสวยไม่ใช่เล่นและมีบางอย่างราวกำลังสะกดเขาไว้หากก็เพียงแค่ชั่วขณะ

“แม่ของผมบอกว่าคุณเป็นลูกสาวของแม่บ้านคนใหม่ที่เพิ่งเข้าไปทำงานอยู่ในคฤหาสน์ไทเลอร์ไม่ถึงปี”

“ค่ะ...เอ้อ...”

“แม่ของคุณใช่มั้ยที่อยู่กับพ่อของผมในคืนวันเกิดเหตุ?”

เขาถามด้วยน้ำเสียงดุดันและทำให้รสิกาผงะไปชั่วครู่ มือของเธอเริ่มชาและเพิ่งรู้สึกว่าอากาศเบาบางบนที่สูงไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อระบบการหายใจ ทว่าใบหน้าเคร่งเครียดและท่าทีของบุรุษตรงหน้าต่างหากที่กำลังบีบคั้นหัวใจของเธอให้เต้นเร็ว

“ค่ะ...แต่ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...”

“แม่ของคุณควรจะเล่าอะไรให้คุณฟังบ้าง อย่างน้อยที่สุดคุณก็ควรต้องรู้เรื่องแม่ตัวเอง”

“นี่มันไม่เกี่ยวกับงานที่แม่ของคุณให้ฉันมาทำที่นี่เลยนะคะ” รสิกาเถียงขึ้นบ้างทว่านัยน์ตาของเธอกลับฉายความหวาดหวั่นออกมาจนปิดไม่มิด

“จริง ๆ แล้วคนที่อยากให้คุณมาที่นี่ไม่ใช่แม่ของผม”

คำพูดจากบุรุษร่างสูงใหญ่ที่สืบเท้าเข้ามาใกล้ทำให้หญิงสาวเบิกตากว้าง ทว่าก็ไม่ทันเสียแล้วที่เธอจะหลบอุ้งมือหนาหนักยิ่งกว่าเหล็กกล้าที่ตะปบลงมาบนไหล่บางทั้งสอง

“ดอมมินิค...คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ?”

“คุณฟังไม่ผิดหรอก...โรส คนที่อยากให้คุณมาที่นี่แท้จริงแล้วก็คือผม!”

ดวงตาคู่งามเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม รสิกาตัวแข็งทื่อทว่าก็ยังรู้สึกได้ถึงลมหายใจร้อนจากใบหน้าของคนตัวโตที่โน้มลงมาใกล้ มันพุ่งเข้ามาปะทะผิวแก้มของเธอจนร้อนผ่าว หญิงสาวเหมือนดอกไม้ที่ถูกตอกตรึงอยู่ตรงหน้าหน้าผาสูงใหญ่ เธอฝืนยิ้มและคิดว่าจะพูดกับเขาอย่างใจเย็น

“ดอมมินิค...ฉันมาที่นี่ตามคำสั่งของคุณอิซาเบลนะคะ เธอบอกฉันว่า...”

“คุณกับแม่ของคุณอาจรู้เห็นกับการฆาตกรรมพ่อผม!”

เขาคำรามใส่หน้าหญิงสาวและมันทำให้ความเข้มแข็งที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเธอแตกสลายไปในวินาทีนั้น คราวนี้รสิกาตัวสั่น เธอกำลังบังคับตัวเองต่อหน้าเขาไม่ได้ ดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำรื้น ดอมมินิคดูน่ากลัวและทำให้เธอสับสน

ความตื่นเต้นที่ได้เห็นภูมิทัศน์อันงดงามบนยอดเขาเมาท์ วอชิงตันมลายไปสิ้นเหลือเพียงความหวาดหวั่นที่จู่โจมชนิดไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มไม่รอให้เธอแสดงความเห็น เขาเหยียดปากก่อนพูดต่อไปด้วยเสียงที่ยังดังน่ากริ่งเกรงเช่นเดิม

“ผมเป็นคนบอกแม่ของผมเองให้คุณมาที่นี่ ผมก็แค่อยากรู้เท่านั้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของผมคืนนั้นและก็มีแม่ของคุณเพียงคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่เขาถูกยิง”

“แม่ไม่รู้เรื่องค่ะ...ดอมมินิค...พวกเราไม่รู้เรื่องอะไรจริง ๆ ฉันสาบานได้ คุณก็รู้นี่คะว่าตำรวจสืบความจากพยานไปแล้วนั่นคือแม่ของฉัน”

“ปากแข็ง!”

พูดจบก็ผลักร่างเล็กจนเซล้มลงไปนั่งบนพื้น รสิกาปวดแปลบที่สะโพกแต่ความรู้สึกนั้นก็ไม่เท่าความกลัวที่แล่นเข้าไปจับขั้วหัวใจ ดอมมินิคก้าวมาหยุดตรงหน้า เขามองเธอด้วยแววตาเหมือนราชสีห์จ้องขย้ำเหยื่อ ดุร้ายและเต็มไปด้วยความเคียดขึ้ง

บทก่อนหน้า
บทถัดไป