บทที่ 9 คืนแรกในบ้านหลังใหม่
“ตื่นได้แล้วคุณ” ชายหนุ่มเอื้อมือไปสัมผัสที่แขนเล็ก ของหญิงสาวที่กำลังหลับ
ลลิลค่อยๆลืมตาช้าๆ เธอยังไม่อยากตื่นเลย อยากนอนต่อไปยาวๆ หรือหลับไปตลอดกาลเลยก็ได้ แต่นั่นมันก็แค่ความคิด ความจริงคือเธอต้องตื่นและลงจากรถ เพื่อไปยังที่อยู่ใหม่ ที่เธอจะต้องใช้ชีวิตแบบติดคุกอยู่ที่นี่
“เดินตามมา”
แทนที่จะพาเดินเข้าประตูหน้าบ้านตามปกติ แต่ติณห์กลับพาหญิงสาวผู้มาใหม่ เดินอ้อมสวนย่อมหน้าบ้าน ไปยังประตูอีกบาน ที่ทำให้ส่วนนี้ดูแยกออกส่วนของบ้านทางประตูแรกที่ผ่านมา
“ตรงส่วนนี้เป็นที่อยู่ของเธอ ส่วนประตูแรกที่เธอเดินผ่านมา เป็นพื้นที่ส่วนตัวของครอบครัวฉัน ไว้อยู่ที่นี่ไปสักพัก ฉันจะพาเธอเข้าไปที่นั่นเอง” เจ้าของบ้านอธิบาย
“ในนี้มีทั้งห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัวและห้องรับแขก ในตู้เย็นจะมีคนซื้อของมาคอยเติมให้ อยากได้อะไรก็บอกเขาไป รวมถึงของใช้ส่วนตัว เพราะฉันไม่อนุญาตให้เธอออกไปไหน” ชายหนุ่มเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว
“นี่ห้องนอนของเธอ” ประตูสีขาวถูกเปิดออก ข้างในถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
“เป็นคุกที่ดูสวยงามมากเลยค่ะ” ลลิลพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่ว่าเธอจะเรียกมันว่าคุกหรืออะไรก็ตาม แต่เธอต้องอยู่ที่นี่ และคืนไหนที่ฉันมามานอนกับเธอ คืนนั้นเธอต้องทำให้มันเป็นสวรรค์สำหรับฉัน” คนพูดใช้น้ำเสียงที่ทำเอาคนฟังรู้สึกเสียวท้องน้อยอย่างบอกไม่ถูก
“อาบน้ำทำตัวเองให้น่านอนกอด เดี๋ยวฉันมา เสื้อผ้าให้ใส่ในตู้ คงมีสักตัวที่เธอใส่ได้ ส่วนที่เธอเอาก็เก็บใส่ตู้ไว้ก่อน”
ชายหนุ่มเดินออกจากห้องนอนก่อนจะปิดประตูใหญ่ เพื่อปล่อยให้คนมาใหม่ได้ทำความคุ้นเคยกับที่อยู่ และเขาเองจะเข้าไปดุบิดาเสียหน่อย
“คุณพ่อยังไม่นอนอีกเหรอครับ” ติณห์คิดว่าดึกขนาดนี้ พ่อของเขาคงกินยาและนอนหลับแล้ว
“ป้าช่วยบอกพ่อ ว่าลูกให้จัดเรือนหลังเล็ก” กิตต์ขจรหมายถึงอีกส่วนของบ้านหลังนี้ ที่อยู่แยกไปอีกด้าน ไม่มีประตูเชื่อหากัน
“ลูกพาใครมาอยู่” คนเป็นพ่อถามด้วยความอยากรู้ที่เก็บมาทั้งวัน
“ลูกสาวของทัตเทพ ไว้ผมจะพามาหาคุณพ่อนะครับ”
“ลูกทำจริงๆ เหรอนี่ เปลี่ยนใจยังทันนะ” คนเป็นพ่อไม่อยากเห็นลูกทำผิด
“คุณพ่ออย่ากังวลไปเลย เธอมาด้วยความเต็มใจ ไม่มีอะไรเลวร้ายอย่างที่คุณพ่อคิด ผมไม่ได้เอาเธอมาตบตีหรือทำร้ายร่างกายเสียหน่อย เธออาจจะมีความสุขมากก็ได้ถ้าผ่านคืนนี้ไป”
ลูกชายพูดหยอกผู้เป็นพ่อ หวังสร้างรอยยิ้มให้คนป่วย ถึงมันจะเป็นรอยยิ้มแห้งๆก็ตาม แต่มันก็ดีกว่าให้พ่อของเขาเอาแต่คิดแต่เรื่องนี้ในทางร้ายๆ
“ป้าช่วยครับ พรุ่งนี้ช่วงกลางวันฝากไปดูเธอด้วย แต่ผมยังไม่อนุญาตให้เธออกนอกพื้นที่นะครับ และที่สำคัญห้ามพามาหาคุณพ่อเด็ดขาด เธอยิ่งสวยด้วย เดี๋ยวคุณพ่อจะยิ่งสงสารเข้าไปใหญ่”
“ค่ะคุณติณห์ แล้วเธอชื่ออะไรคะ” แม่บ้านที่ทำหน้าที่ดูแลทุกสิ่งอย่างในบ้าน ถามชื่อผู้มาใหม่
“ลลิลครับ”
“ชื่อเพราะเชียว” ผู้เป็นพ่อฟังชื่อแล้วรู้สึกดี
“สวยมากด้วยครับ” ลูกชายยืนยันความสวยกับผู้เป็นพ่อหลายครั้งเชียว
“ถ้าเธอสวย แล้วไม่ได้เป็นอย่างพ่อเธอ ลูกมีหลานให้พ่อสักคนนะ” คนป่วยพูดความในใจ
“คุณพ่อไปใหญ่แล้ว เธอไม่ได้มาเป็นเมียผม เธอแค่มาทำหน้าที่ทำให้ผมสบายตัวเท่านั้นเอง” ติณห์หัวเราะกับสิ่งที่บิดาพูด
“ป้าจะคอยดูค่ะ คนเรานอนด้วยกัน แล้วเอามาอยู่ใกล้ตัวแบบนี้ คงไม่นอนกันแค่ครั้งสองครั้ง มีเหรอจะไม่ผูกพัน และยิ่งเห็นชมนักชมหนาว่าสวย มีหวังคุณท่านจะได้หลานสมใจ” ป้าช่วยอดไม่ได้ที่จะพูดเสริม
“ได้ที รุมกันเลยนะครับ”
ถึงแม้ป้าช่วยจะเป็นแม่บ้าน แต่เธอก็เลี้ยงติณห์มาตั้งแต่เด็กๆ เธอรู้ว่าเจ้านานของเธอคนนี้ แท้จริงเป็นคนที่จิตใจเมตตา ใจอ่อน ตั้งแต่ติณห์เป็นหนุ่มมา เธอยังไม่เคยเห็นเขายอมใกล้ชิดกับผู้หญิงคนไหน แล้วในเมื่อมาอยู่กันแบบนี้ มีเหรอจะไม่หวั่นไหว
“คุณพ่อนอนเถอะครับ ไม่ต้องห่วงคืนนี้ผมมีคนนอนด้วย” ชายหนุ่มยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ก่อนเดินไปหอมแก็มป้าช่วยแล้วเดินกลับมาที่เรือนหลังเล็ก
ลลิลเลือกที่จะอาบน้ำก่อนที่จะเอาของออกจากกระเป๋ามาจัด เพราะเธอกลัวชายหนุ่มเจ้าของบ้านจะกลับเข้ามาในระหว่างที่เธอกำลังอาบน้ำ
ในตู้เสื้อผ้ามีชุดนอนหลายชุด และเธอก็น่าจะใส่มันได้ทุกตัว หญิงสาวมองหาชุดที่ดูจะมิดชิดที่สุด ถึงแม้มันจะดูใหญ่กว่าตัวเธอไปหน่อย แต่มันจะได้ไม่ยั่วยวนอีกฝ่าย
นอกจากชุดนอนผู้หญิง ยังมีชุดนอนและชุดทำงานของผู้ชายอยู่หลายชุด แสดงว่าเขาจะต้องอาบน้ำและนอนที่นี่กับเธอแน่ๆ ลลิลรู้สึกใจคอไม่ดี เธอภาวนาให้เธอเข้าใจผิด เขาอาจไปนอนที่อื่นแต่แค่มีเสื้อผ้าแขวนอยู่
หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ค่อยรื้อข้าวของออกจากระเป๋าออกมาเรียงเก็บในชั้นที่มีอยู่หลายอันในห้อง เธอพกเสื้อผ้ามาเพียงไม่กี่ชุด กับของใช้ส่วนตัว เพราะกลัวจะต้องหิ้วกระเป๋ารุงรัง
“กลิ่นหอมออกไปถึงข้างนอกเลย” ติณห์ส่งเสียงมาก่อนที่ตัวจะมาถึง
