บทที่ 7
มู่หนิงเอ๋อร์อยู่ใกล้นางที่สุด จึงเห็นนางชัดเจนที่สุด นางเบิกตากว้างอย่างตกใจ ปากอ้ากว้างเหมือนจะยัดไข่ได้ทั้งฟอง
หนิงอวิ้นหยูวภายใต้ผ้าคลุมหน้า มีโครงหน้าลึกซึ้งหมดจรด ดวงตาสองชั้นหลบใน ใบหน้าเล็ก ๆ ทรงไข่เปี่ยมไปด้วยรัศมีโดดเด่นกลบผู้คน มู่หนิงเอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้าก็ยังเทียบไม่ติด
นางไม่เหมือนคนขี้เหร่เลยสักนิด นี่มันนางฟ้าชัด ๆ
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างนิ่งค้าง ชายหนุ่มหลายคนเมื่อเห็นหน้านาง นัยน์ตาพลันทอแววปรารถนาขึ้นมาในชั่วพริบตา
"หน้าของเจ้า... นี่มันอะไรกัน?" มู่หนิงเอ๋อร์จำได้อย่างแม่นยำ ว่าบนแก้มของหนิงอวิ้นหยูวมีรอยแผลเป็นฝังลึก
เหตุใดจู่ ๆ ถึงไม่มีแล้วล่ะ?
"ไม่จำเป็นต้องบอกเจ้า!" หนิงอวิ้นหยูวยิ้มอย่างลำพองใจ
เมื่อนางยิ้มก็ยิ่งทำให้คนมองใจสั่นไม่ไหว เผลอไม่ทันไร นางก็แย่งชิงรัศมีทั้งหมดจากมู่หนิงเอ๋อร์ ทำให้คนงามอันดับแห่งแคว้นหนาน ตกอันดับไปเป็นตัวประกอบ
ในขณะเดียวกันนั้น ก็มีสายตาดุดันคู่หนึ่งทอดมองมาที่หนิงอวิ้นหยูว
นางหันไปมองเจ้าของสายตา จึงสบตาเข้ากับซือจ้านเหยียนพอดี
ชัววินาทีที่ดวงตาสอดประสานกัน หนิงอวิ้นหยูวก็พบว่าคนในใจของเจ้าของร่างเดิม คิ้วคมดุดัน โครงหน้าคมเข้มไร้ซึ่งความอบอุ่น ร่างกายแผ่ซ่านกลิ่นอายความเย่อหยิ่งเย็นชา
เขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไร แค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็กลายเป็นจุดสนใจของผู้คนแล้ว
หนิงอวิ้นหยูวถูกเขาจ้องจนขนลุกขนชัน ลางสังหรณ์บอกว่าบุรุษเบื้องหน้า คงไม่ใช่คนที่ควรเข้าไปยุ่งแน่ ๆ
สายตาของทั้งสองสอดประสานกัน ตกอยู่ในสายตาของมู่หนิงเอ๋อร์จนนางรู้สึกหึงหวง
นางพร่ำเพียรเรียนศิลปะสี่แขนง ทั้งยังเสียเงินจ้างคนมาแปลงโฉมให้ในราคาสูง จนได้ฉายาคนงานอันดับหนึ่งแห่งแคว้นหนานมาครอง
แต่ว่าตอนนั้นนางเคยเจอหนิงอวิ้นหยูวในสภาพที่ยังไม่เสียโฉม ช่วงนั้นอีกฝ่ายแค่สิบขวบ แต่แค่มองผ่าน ๆ ก็จำได้ขึ้นใจว่านางถูกดวงหน้างามเลิศล้ำของหนิงอวิ้นหยูวแย่งชิงความสนใจทั้งหมดไป
ในวันนั้นเด็กผู้ชายที่อยู่รอบกายนางหันไปสนใจหนิงอวิ้นหยูวแทนทั้งหมด
นางโกรธจนกัดฟันแทบแตก
ด้วยเหตุนี้นางจึงจงใจเรียกหนิงอวิ้นหยูวไปดูงูพิษ ล่อให้งูไปฉกหน้าดูดีของหนิงอวิ้นหยูว
เมื่อเห็นหนิงอวิ้นหยูวถูกพิษ จนใบหน้าขาวใสพลันแปรเปลี่ยนเป็นม่วงช้ำ นางก็ยิ่งรู้สึกได้ใจ
นางอยากให้ผู้หญิงที่งดงามกลบนางตาย ๆ ไปซะ
ซึ่งนาง ก็ได้กลายเป็นคนงามอันดับหนึ่งแห่งแคว้นหนานอย่างที่ใจหวัง ทั้งยังได้ทำความรู้จักกับชายหนุ่มหล่อเหลามากมาย
เมื่อถึงวัยที่เหมาะแก่การแต่งงาน นางก็เลือกอย่างพิถีพิถันจนสุดท้ายก็เลือกจ้านอ๋องที่มีอิทธิพล เดิมที่นางคิดว่าจะได้มีชีวิตอยู่ในจุดที่ดีที่สุด ไม่ต้องกังวลเรื่องกินเรื่องอยู่ และมีชีวิตที่เหนือกว่าคนอื่น ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมาพบเจอหนิงอวิ้นหยูว
นางเกลียดอีกฝ่ายมาก จนคิดว่าเหตุใดงูตัวนั้นถึงไม่พ่นพิษออกมาอีกนิด หนิงอวิ้นหยูวจะได้ตาย ๆ ไป
ในตอนนี้เองซือจ้านเหยียนก็เอ่ยพูดอย่างอดทนไม่ได้อีกต่อไป "ชาก็ดื่มแล้ว เจ้ายังจะหาเรื่องอะไรอีก?"
หนิงอวิ้นหยูวเบ้ปากอย่างไม่แยแส ไหน ๆ นางก็หาเรื่องจนพอใจแล้ว นางเองก็ไม่อยากเห็นผีเน่าโรงผุพลอดรักกันที่นี่เหมือนกันนั้นแหละ!
ดังนั้นนางจึงจัดชายเสื้อ เดินออกไปข้างนอกอย่างไม่หันหลังกลับมา
ไม่ได้สังเกตเลยว่าสายตาของทุกคนกำลังมองมาที่นาง
เมื่อกลับมาถึงเรือนหยูฉวน หนิงอวิ้นหยูวก็เอนตัวนอนบนเตียง มายังห้องทดลองในห้วงสำนึก หยิบยาแก้อักเสบและยาแก้พิษออกมา นำยามาบดขยี้ให้แหลกแล้วเอามาใส่ผ้าบาง ๆ จากนั้นก็นำมาประกบวางบนหน้า
การทำเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ขจัดสารพิษที่เหลือบนหน้า แต่ยังทำให้ปากแผลฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์
ทำเช่นนั้นได้ไม่นาน หยุนเอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาด้วยใบหน้าตื่นเต้น
"นายหญิง วันนี้ท่านเก่งมาก ข้าอยากปรบมือให้ท่านลย"
หนิงอวิ้นหยูวขยิบตาอย่างพึงพอใจ ก็แค่แผนกระจอก ๆ แค่นี้ นางเป็นถึงสตรีอัจฉริยะผู้มีความรู้เป็นเลิศ หากคนประเภทนี้ยังจัดการไม่ได้ นางก็คงเสียชาติเกิดสุด ๆ
หยุนเอ๋อร์มองสิ่งของบนหน้าหนิงอวิ้นหยูวอย่างสงสัย จึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า "นายหญิง นี่ท่านกำลังทำอะไรหรือ?"
"มาส์กหน้าไง!" หนิงอวิ้นหยูวตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง
"ห๊า!" หยุนเอ๋อร์ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร
นางโตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยได้ยินคำว่า "มาส์กหน้า" มาก่อนเลย...
“คือแผลบนหน้าข้ายังไม่หายดี ข้าเลยต้องใช้ยาทาเป็นระยะ ๆ " หนิงอวิ้นหยูวอธิบายอย่างใจเย็น
หยุนเอ๋อร์พยักหน้ากึ่งเข้าใจกึ่งไม่เข้าใจ นางยืนอยู่ข้าง ๆ หนิงอวิ้นหยูว มองเจ้านายของตนที่มีความมั่นใจล้นหลาม นางพลันรู้สึกว่าเจ้านายไม่เหมือนเดิม
"จริงสิ ข้ายังไม่ได้กินอะไรทั้งวันเลย หยุนเอ๋อร์ เจ้าเข้าครัวไปหาอะไรมาให้ข้ากินหน่อยสิ" ท้องของหนิงอวิ้นหยูวส่งเสียงร้องโครกครากประท้วงพอดี
"เจ้าค่ะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้" หยุนเอ๋อร์วิ่งไปที่ห้องครัวอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนางก็วิ่งกลับมาพร้อมมือเปล่า
หนิงอวิ้นหยูวมองมาที่นางอย่างงุนงง "ของกินล่ะ?"
"นายหญิง นายหญิงนมหลิวที่เป็นผู้ดูแลจวนบอกว่า ต้องรอจนกว่าจะถึงมื้ออาหารเท่านั้นเจ้าค่ะ ถ้าเป็นเวลาปกติขนมกินเล่นแม้แต่ชิ้นเดียวก็ไม่มีเจ้าค่ะ..."
นายหญิงนมหลิวคือคนที่นำหน้าคนอื่น ๆ มามุงดูเหตุการณ์ในวันนั้น นางอยู่ในจวนแห่งนี้มาเกือบครึ่งชีวิต อาศัยอำนาจที่ตนมีข่มเหงรังแกคนไม่มีทางสู้มาตลอดไม่ใช่แค่วันสองวัน
การที่หนิงอวิ้นหยูวรังแกยอดดวงใจของจ้านอ๋องจนหมดสภาพต่อหน้าธารกำนัล ไม่แปลกที่คนเบื้องล่างจะหันเหตามทิศทางลมหาเรื่องลอบกัดนางเช่นนี้
เพราะถึงอย่างไร เจ้าของจวนที่แท้จริงก็มีเพียงจ้านอ๋องเท่านั้น
ขณะเดียวกันนั้นเอง เสียงพูดจิกกัดก็ดังมาจากนอกเรือน
"นับแต่นี้เป็นต้นไป จวนจ้านอ๋องแห่งนี้จะมีนายหญิงคนใหม่ ส่วนสตรีที่ถูกขอหย่านั่นปล่อยให้หิวตายไป ก็ไม่เป็นไร!"
