บทที่ 4 ตอนที่ 3

อึก!

คาชิระหรือลี่ซื่อหมิงบุรุษสองเชื้อชาติผู้ครองเส้นผมสีขาวสำลักยาออกมา ฮวาเจินวางถ้วยยาค่อยๆ วางคอชายหนุ่มลงสู่หมอนแล้วเดินไปหยิบผ้าสะอาดในตู้ด้านหลังมานั่งลงเช็ดปากให้อย่างเบามือ

“เจ้า... อย่า...ไป…” เสียงละเมอของชายหนุ่มทำหญิงสาวถอยห่างหมุนตัวกลับ มือขวาของลี่ซื่อหมิงดึงแขนฮวาเจินไว้ทันทำให้นางเซตามแรงของชายหนุ่มล้มลงอยู่ในอ้อมแขน ลี่ซื่อหมิงพลิกตัวกระชับโอบกอดฮวาเจินให้หยุดนิ่ง

“ใจข้าเจ็บปวด...ยิ่งนัก” คำพูดของชายหนุ่มทำฮวาเจินขยับยื้อแขนดึงออกลุกขึ้นมองชายที่หลับตาสนิทเพราะพิษบาดแผลจึงรีบถือถ้วยเปล่าลุกขึ้นเดินออกมาด้านนอกแต่ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อชุฟุยื่นชุดฮากามะสีดำให้

“ท่านหญิงบอกว่าให้คุณหนูดูแลคุณชายเจ้าค่ะ”

“แต่ว่า…”

“คุณหนูต้องตบแต่งกับคุณชาย ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ” ชุฟุคะยั้นคะยอยื่นชุดให้ฮวาเจินรับไว้อย่างจำใจก่อนเดินกลับเข้าไป ประตูเลื่อนปิดทันทีจากชุฟุ ทำฮวาเจินสะดุ้งเล็กน้อยมองร่างชายหนุ่มอย่างลำบากใจ แต่ก็ต้องจนใจทำก้าวขาเดินไปลงข้างชายหนุ่มอีกครั้งพร้อมวางชุดลงที่ด้านข้างค่อยๆ เอื้อมมือปลดสายคาดเอวชายหนุ่มออกทีละชิ้นสลับกับสวมเสื้อใหม่ให้แล้วจับร่างหนาประคองนั่งก่อนวางตัวลงช้าๆ ลมหายใจผ่อนยาวเมื่อเลื่อนสายตามองเบื้องล่าง ความกระอักกระอ่วนใจครอบงำฮวาเจินจนต้องหลับตาปลดผ้าช่วงล่างของชายหนุ่มออกก่อนควานหาผ้าใหม่สวมใส่แทนที่ ฮวาเจินผ่อนลมหายใจโล่งเมื่อถึงขั้นตอนสุดท้ายรัดสายคาดเอวเป็นอันเสร็จจึงรีบหันมาเก็บชุดที่ถูกถอดลุกขึ้นเดินออกไปทันที

ลี่ซื่อหมิงค่อยๆ ลืมตาฟื้นขึ้นมองทั่วห้องก่อนลุกนั่งคิดทบทวนขมวดคิ้วเอียงมองประตูเลื่อนออกฮิเมโกะเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ เอื้อมมือแตะหน้าผากผู้ฟื้นเบาๆ

“การปรุงยาของฮวาเจินช่างดียิ่งนัก”

“ท่านแม่ ลูกมาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร แล้วแคว้นฉีเล่า”

“ชายารัชทายาทปราดเปรียว ฉลาด เก่งกาจ เจ้าควรพักผ่อนนะคาชิระ”

“ไม่ ท่านแม่”

“ขัดคำสั่งแม่รึ” ฮิเมโกะมองหน้าลี่ซื่อหมิงก่อนยกชายแขนเสื้อซับน้ำตาหันหน้าไปทางอื่น ลี่ซื่อหมิงมองผู้เป็นแม่อย่างหนักใจ

“ลูกไม่ไปก็ได้”

“คาชิระ…” ฮิเมโกะหันกลับมาจับมือลี่ซื่อหมิงอย่างหนักแน่น “แม่อยากให้เจ้าพบฮวาเจิน”

“ฮวาเจิน…” ลี่ซื่อหมิงขมวดคิ้วนิ่งมองหน้าผู้เป็นแม่อย่างไม่อยากจะเข้าใจ “ท่านแม่…”

“ลองพบกันสักครั้ง แม่เชื่อว่านางจะดูแลเจ้าได้ดี เป็นตัวแทนแม่ที่ลั่วหยาง”

“ท่านก็รู้ว่าหัวใจของลูกไม่อาจรักใครได้อีก”

“ยังไงซะฮวาเจินก็ต้องกลับไปเป็นฮูหยินของเจ้า”

“ลูกไม่ยอมรับ” ลี่ซื่อหมิงลุกพรวดเดินไปหน้าประตู

“คำสั่งยามะเจ้าไม่อาจปฏิเสธได้”

“ตามใจท่านแม่ แต่หัวใจลูกไม่มีทางยอมรับ” ลี่ซื่อหมิงยื่นคำขาดกระชากประตูเลื่อนออกมองหญิงรับใช้ในชุดกิโมโนแล้วเดินออกไปอย่างหัวเสีย

ลี่ซื่อหมิงเดินมาที่คอกม้ากำหมัดทุบลงที่เสาผูกม้าก่อนเหลือบเห็นหญิงในชุดยูกาตะสีดำเอาน้ำใส่ถาดวางให้ม้า ลี่ซื่อหมิงขมวดคิ้วเพ่งมองนางพร้อมก้าวขาเข้าไปหาใกล้ๆ

“พระชายา…” เสียงของชายหนุ่มทำให้ฮวาเจินหันมองคนเอ่ยแล้วลุกขึ้นก้าวถอยห่างรีบก้มหัวคำนับ

“ข้าน้อยฮวาเจินเจ้าค่ะ” ฮวาเจินตอบเสียงอ่อนค่อยๆ เงยหน้าสบตาลี่ซื่อหมิงอย่างช้าๆ ท่าทีประหม่าของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มฉุกคิดแม้ทุกอย่างดูคล้ายหญิงที่ตนรู้จักแต่หญิงผู้นี้ต่างกันอย่างลิบลับ ทั้งกิริยา ท่าทาง และดวงตากลมโตไร้เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวใดๆ ทั้งสิ้น

“เจ้าต้องเปลี่ยนมากกว่าดวงตาถึงจะเหมือนนาง อย่าหวังว่าข้าจะยินยอมพร้อมใจ” ลี่ซื่อหมิงเน้นคำจิกต่ำกระแทกเสียงใส่ฮวาเจินที่อึ้งค้างก้าวถอยหลังมองตามลี่ซื่อหมิงที่ก้าวขึ้นม้าควบออกไป ชิงหรงเดินหอบหญ้ามาวางไว้ข้างๆ ฮวาเจินพลางเหลือบมองแผ่นหลังชายที่จากไปก่อนหันกลับมาสนใจผู้เป็นนาย

“คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าเจ้าค่ะ ชายผู้นั้น...” ชิงหรงหยุดคำพูดมองหน้าฮวาเจินที่ลดสายตาลงยกมือบีบแขนตัวเองน้ำตาคลอแต่ก็ฝืนยิ้มมองหน้าชิงหรง

“ไม่มีอะไรหรอก เราอยากไปศาลเจ้า” ฮวาเจินยิ้มบางๆ ก่อนหมุนตัวเดินกลับเข้าไป ชิงหรงมองตามช้าๆ แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มีนกอินทรีบินวนอยู่เหนือเวหา ชิงหรงหมุนตัวกลับเดินเข้าไปด้านในรอฮวาเจินเปลี่ยนชุดไปศาลเจ้า

บทก่อนหน้า
บทถัดไป