บทที่ 2 เพื่อนสนิท (คิดไม่ซื่อ) (1)

ผมชะงักไป เมื่อรู้สึกว่าเราใกล้กันมากกว่าที่เคย แต่นั่นก็มาจากความรู้สึกงี่เง่าของผมเอง

ผมพ่นลมหายใจ ผละออกไป ชูใจเมามาก เธอพลิกไปอีกทาง ในขณะที่ผมเห็นมัน คิดว่ามันเป็นทุกวันที่ผมจะได้เห็นเวลาเธอเมา

กระโปรงนักศึกษาเธอมันเลิกจนขึ้นมาถึงต้นขา ทำให้เห็นกางเกงในสีขาวชัดๆ เต็มตา

ยัยชูใจ! ซับในก็ไม่ใส่

ผมกัดฟันแน่น หน้าร้อนวูบขึ้นมาตอนที่เอามือไปปิดกระโปรงให้เธอ ถ้ารู้ว่าทำงี้ต่อหน้าไอ้พี่โอห์มนั่นล่ะก็ เธอไม่ตายดีแน่ชูใจ

แต่ก็ทำได้แค่คิด ผมถอนหายใจออกมาอีก มีคนเคยบอกว่าถอนหายใจบ่อยๆ มันตายเร็ว แต่ให้ทำไง ตั้งแต่รู้ว่าชอบชูใจ ผมก็ทำได้แค่คิด กับถอนหายใจ สองอย่าง

ผมนั่งลงตรงขอบเตียง มองหน้าชูใจอย่างเสียดาย ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว เธอมักเป็นตัวดึงดูดเพศผู้ให้เข้าหาเสมอ ตอนนั้นผมกันพวกมันให้แทบตาย ไม่รู้ตัวว่าหึงเธอหนักมาก จนเราห่างกันไปช่วง ม.ปลาย ผมรู้มาว่าชูใจใฝ่เรียนไม่อยากมีแฟนเลยละเลย จนในที่สุดวันนี้ เธอก็มีแฟนเป็นหมอ

ไม่ใช่แค่ไอ้เด็กช่างอย่างผม

อยู่ดีๆ ก็อยากแดกเหล้าย้อมใจ ผมลูบหน้าตัวเองแล้วลุกขึ้นโทรหาเพื่อน แค่อยากมีเพื่อนกิน ยังไงวันนี้ใครๆ ก็รู้กันหมดว่าผมแห้วจากชูใจไปแล้ว

ติ๊ด

[ไงมึง ไปส่งชูใจเป็นไง] เพื่อนถามผมทันที แต่ผมไม่ตอบไรกลับไปนอกจาก

“กูอยากแดกเหล้า”

วันนี้เป็นวันจบที่ดีชิบหายเลยว่ะ

“พวกกูเสียพนันเลย” เพื่อนผมตบหลังผมแรงๆ ผมที่นั่งกระดกเหล้าอย่างเจ็บช้ำ “มึงไม่ยอมจีบชูใจตั้งแต่ตอนแรก มัวแต่นั่งรักเค้าข้างเดียว”

“ถ้าจีบชูใจมันง่ายมันคงจีบไปแล้ว” เพื่อนผมอีกคนแก้ตัวให้ “ชูใจเด็กเรียนจะตาย ห่ามๆ อย่างไอ้โหนคงจะสนใจหรอก”

เออ ตอกย้ำกันเข้าไป

“กูไม่รู้ว่าชูใจจะมีแฟน ชูใจไม่ได้บอกเรื่องนี้กับกูเลย” ผมโพล่งขึ้นมา รู้สึกคลางแคลงใจ เพราะปกติเราจะติดต่อกันในเฟส ชูใจจะชอบทักมาเล่าเรื่องของเธอให้ฟัง ชวนไปเที่ยว ผมไม่เคยรู้ว่าเธอมีแฟน

เธอไม่เล่า

นึกแล้วก็น้อยใจ แต่ทำไรไม่ได้

“เอาน่า ก็เป็นเพื่อนต่อไป ทำไรแบบที่เพื่อนทำให้” เพื่อนผมพูดทำร้ายจิตใจ ก็ใช่ ผมมันก็ดีแต่เกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนเขาเท่านั้นเอง ไม่มีสิทธิ์เป็นมากกว่านั้น

แต่มันผิดเหรอวะ ถ้าผมยังจะคิดรักเธอต่อไป ถึงจะรู้ว่าคงเป็นได้แค่นั้น

ครืด ครืด

ผมผุดลุกขึ้นมาในตอนเช้าเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ ง่วงก็ง่วงแต่ก็ต้องรับ โทรมาเช้าขนาดนี้ใครวะ ผมแฮงก์อยู่ด้วย หลังจากกูรับสายกูจะด่าให้ยับ

[โหน] ผมอ้าปากทำท่าจะด่า แต่ก็ชะงักไป

“ชูใจ?”

[อื้อ เราเอง] ผมแค่นยิ้มแห้งๆ เกาหัวตัวเองก่อนที่จะล้มตัวลงนอนต่อ

“มีไรอ่ะ”

[คือ... เมื่อวานโหนคงรู้แล้วเนอะว่าเรามีแฟนแล้ว] ผมนิ่งไป จุกอกขึ้นมาทันที [พอดีว่าเราเพิ่งคบกับพี่เค้าน่ะ แล้วเมื่อคืนเราว่าจะมาปรึกษาโหนเรื่องนี้ แต่ว่า... แต่ว่าเราเมาก่อน เห็นเพื่อนๆ โหนบอกว่าโหนมาส่งเราด้วย ขอบคุณมากนะ]

เธอพูดมาซะยืดยาว ผมแอบพ่นลมหายใจ ก่อนที่จะตอบกลับไป

“ไม่เป็นไร”

[อื้อ โหนว่างรึเปล่าวันนี้] ผมที่นอนซังกะตายจากการอกหักเบิกตากว้างเมื่อเธอพูดแบบนั้น คือไรวะ จะชวนไปไหน? [เราว่าจะชวนโหนไปเที่ยวเป็นเพื่อน]

ชิบ!

ผมลุกขึ้นอีกครั้ง ร้องเยสในใจแล้วรีบลุกออกจากเตียง

“ได้ดิ กี่โมงอ่ะ วันนี้ช้ะ?”

[อืม... กี่โมงดีอ่ะ ประมาณเที่ยงๆ ละกัน] เธอหัวเราะ ท่าทางมีความสุข นั่นทำให้ผมรู้สึกเหมือนใจพองๆ [แต่เราต้องถามพี่เค้าก่อนนะว่าเค้าจะมาตอนไหน]

ผมหุบยิ้มลงทันที

“แฟนเธอไปด้วยเหรอวะชูใจ”

[ใช่แล้ว เดทแรกเลยนะ] ชูใจตอบกลับมา ผมหน้าบึ้งตึง อยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์ แต่ที่ทำกลับไปคือ

“เราไม่ไป” ผมเป็นคนที่พูดตรงและซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ถึงผมแม่งจะไม่เคยบอกไปว่าชอบเธอ แต่ผมก็ไม่เคยโกหกชูใจ “เดทกันไม่ใช่ไง เราไปก็เหมือนเป็นไม้กันหมา ไปเองเลย”

ติ๊ด

ผมกดวางสายก่อนจะล้มตัวลงนอน กดโทรศัพท์เลื่อนดูเฟสไปเรื่อย แต่ใจนี่ดิ ชอกช้ำยิ่งกว่าขี้ ทำไมต้องเอาผมไปด้วยวะ ผมไม่เข้าใจ เอาไปให้รู้เหรอว่าเป็นเพื่อนผู้ชายเธอ ชูใจจะถูกมองไม่ดีเอาเปล่าๆ

แต่ไอ้หมอไรนั่นไว้ใจได้มั้ยไม่รู้ ถ้าเกิดชูใจไปคนเดียวแล้วมันหลอกเธอ ยัยนั่นยิ่งเอ๋อๆ อยู่

ไม่ต้องคิดไรเพิ่ม ผมรีบลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำทันที

เวรจริง สุดท้ายกูก็เป็นได้แค่ไม้กันหมา

ผมมายืนดูดบุหรี่อยู่หน้าร้านกาแฟชื่อดัง ปกติไอ้คนอย่างผมมันจะแดกกาแฟกระป๋องในเซเว่น แต่ที่มาในวันนี้มาเพื่อรอคุณหนูชูใจโดยเฉพาะ คนมองผมแบบแปลกๆ สมัยนี้คนมันสักเกลื่อน เพื่อนผมก็ทำร้านสัก คนสักส่วนมากก็จะถูกมองไม่ดีก็ไม่ใช่เรื่องใหม่

ก็นั่นไง ผมชินแล้ว

“โหน! รอเรานานมั้ย” ผมที่ยืนกอดอกอยู่หน้าร้านกาแฟชะงักเมื่อได้ยินเสียงใสๆ ของชูใจ พอหันไปมองก็เห็นว่าเธอกำลังวิ่งมาเลยทิ้งบุหรี่แล้วใช้เท้าเขี่ย ชุดเดรสน่ารักๆ ทำให้ผมอึ้งไปแปปนึง มองเธออย่างเคลิ้มจนชูใจโบกมือมาตรงหน้า “หอ โอ โหนจ๋า รอเรานานมั้ย”

“เฮ้ย ไม่นาน” ผมเหวอเมื่อหน้าเธอใกล้มาก รีบผละออก “เราเพิ่งมาเมื่อกี้”

ซะที่ไหน ผมมาก่อนเธอครึ่งชั่วโมง ตื่นเต้นก่อนตลอดเวลาชูใจชวนไปไหน

“พี่โอห์มน่าจะรอในสตาบัคนะ” เธอพูดถึงร้านกาแฟ เห็นเวลาเธอพูดถึงแฟนแล้วหน้าขึ้นสี มันทำให้ใจผมเจ็บ “โหนมาเป็นเพื่อนเรานี่ดีเลยนะ เราประหม่าอ่ะ แฟนคนแรกด้วย”

“เออๆ จะให้เราทำไรล่ะ” ผมพูดไปงั้น จริงๆ ใจแม่งซังกะตายไม่อยากทำห่าไรเลย “คงไม่ให้เราไปจีบแฟนเธอหรอกมั้ง”

“บ้าเหรอ” ชูใจหัวเราะ ก่อนที่จะดันหลังผมให้เดินเข้าไปในร้าน “ป่ะ เข้าไปกันเถอะนะโหนน้อย”

ผมชะงักไป รู้สึกได้ถึงมือเล็กๆ ที่ดันหลังผมอยู่ รู้สึกเขินจนต้องลูบหน้าตัวเองแรงๆ

เราเดินเข้าไปในร้าน ผมเดินตามแรงดันชูใจไปจนถึงโต๊ะข้างใน เห็นผู้ชายท่าทางแบดบอยแอบเงียบด้วยชุดนักศึกษา ผู้ชายด้วยกันมันดูกันออก ผมเห็นไอ้คนนี้ตอนเดินมาครั้งแรก มันมองผมเหยียดๆ เหมือนไม่ชอบคนสัก ไม่ค่อยชอบหน้ามันเลยย้ายไปยืนดูดบุหรี่ที่อื่นเมื่อกี้ แต่ดูเหมือนว่าโลกจะกลม

มันเงยหน้าขึ้นจากมือถือ เห็นผมที่เดินมากับตัวเล็กๆ อย่างชูใจ สีหน้ามันที่มองชูใจ ผมดูออกว่าไม่ได้ดี

“พี่โอห์ม สวัสดีค่ะ” แต่ยัยชูใจที่ใสซื่อของผมไม่เคยรู้ไรเลย เธอยกมือไหว้แฟนตัวเอง ผมเหวอเลย “ชูใจมาสาย ขอโทษน้า”

“ไม่เป็นไรครับชูใจ” มันพยายามยิ้ม แต่สายตาที่มองผมขวางแบบชัดเจน “มากับใคร เพื่อนเหรอ”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป