บทที่ 3 เพื่อนสนิท (คิดไม่ซื่อ) (2)
“ใช่ค่ะ เพื่อนสนิทชูใจเอง ชื่อโหน” เธอดันผมให้นั่งลง ก่อนที่ร่างเล็กจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม แต่ไอ้โอห์มไรนั่นก็บอกเธอพร้อมกับตบไปที่ที่นั่งข้างๆ
“นั่งข้างๆ พี่สิ” เธอหน้าแดงมาก ผมได้แต่มองอย่างไม่สบอารมณ์ เหมือนผมเป็นอากาศอ่ะ ชูใจนั่งลงข้างๆ มันหน้าขึ้นสีอย่างว่าง่าย นั่งกำมือเกร็งไปหมดจนผมชักหมั่นไส้
“เขินไรอ่ะชูใจ ทำเหมือนเพิ่งมีแฟน” ผมเลยกอดอกแซวไปที บอกเป็นนัยๆ ว่าเธอก็ไม่ใช่ว่าจะมีมันเป็นแฟนคนแรก ไม่งั้นมันจะเห็นชูใจเป็นของตาย
“โหนอ่ะ!” เธอยื่นแขนมาตีไหล่ผมเบาๆ ก่อนที่จะหันไปพูดกับไอ้พี่โอห์มแบบไม่กล้าสบตา ไม่รู้จะเขินไรนักหนา อยากตีตูดให้ลาย “พี่โอห์ม ชูใจไปซื้อกาแฟก่อนนะ”
“ครับชูใจ” มันส่งยิ้มให้เธอ ร่างเล็กเลยลุกขึ้นแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์หน้าร้าน แต่เพราะที่นั่งที่มันกับผมนั่งอยู่ในสุด เธอเลยจะไม่ได้ยินการสนทนาของผมกับมันหลังจากนี้
พอชูใจเดินพ้นไปแล้ว มันก็หันมามองผมทันที
“มึงเป็นใคร เป็นไรกับชูใจ” มันเริ่มพูดกูมึงกับผมก่อน ตาขวางๆ ของมันเหมือนจะบอกว่าชูใจเป็นของมัน ผมไม่มีสิทธิ์ คิ้วผมกระตุกทันที อารมณ์หาเรื่องอยู่ดีๆ มันก็มา
“ไม่รู้ดิพี่” ผมกระตุกยิ้ม “ชูใจอยากให้เป็นไรผมก็เป็นอ่ะ”
“...”
“จะให้เป็นผัวก็ยังได้”
“ชูใจเป็นแฟนกู” มันพูดอย่างโกรธๆ ที่ผมกวนส้นตีน “ถ้ามึงคิดจะทำไร มึงเจอกูแน่ กูมันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีน้ำยา”
ก็สวยดิ ผมก็อยากรอไอ้คำว่าน้ำยาจากมันอยู่เหมือนกัน
“ก็มาดิพี่” ผมหาเรื่องแบบโจ่งแจ้ง นั่นเพราะผมสรุปได้แล้วว่า เอาล่ะ กูไม่ชอบขี้หน้ามัน ไอ้เวรนี่ไม่ใช่คนดีแน่ ผู้ชายที่เพิ่งเป็นแฟนกับผู้หญิงแบบชูใจปกติมันไม่มาหาเรื่องงี้แน่ถ้าเข้าใจตัวตนเธอจริง นอกจากว่าจะเก็บแต้ม หรือไม่ก็หวังได้เป็นเมีย
แล้วคิดเหรอว่าผมจะทนเห็นชูใจไปมีไรกับมัน
ฝันไปเหอะ
“มึง...!” มันทำท่าจะลุกขึ้นกระชากคอเสื้อผม แต่ชูใจที่เดินมาก่อนทำให้ทั้งผมกับมันเงียบไป ร่างเล็กเดินยิ้มหวานมาแต่ไกล พร้อมกับแก้วกาแฟสตาบัคในมือ
ผมรู้ว่าเธอชอบกินไร ลาเต้ใส่นมเพิ่มคาราเมล ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่ชูใจเป็นคนชอบกินหวาน กินเผ็ดไม่ได้ กินขมไม่เป็น อาหารที่ชอบก็คือข้าวไข่เจียวกุ้ง
เชื่อดิ ผมคิดว่าผมรู้เรื่องของชูใจมากกว่าแฟนเธอเยอะ
“คุยอะไรกันอยู่เหรอ” ชูใจกระพริบตาปริบๆ ทั้งผมกับมันมองหน้ากัน ตาสบตา ส่งรังสีอาฆาต ก่อนที่จะหันไปฉีกยิ้มให้เธอทั้งคู่
“เปล่าคะชูใจ / ไม่มีไรชูใจ” ตอบพร้อมกันอีก คราวนี้ผมจ้องหน้ามันเขม็งเลย
“อื้อ” เธอตอบพร้อมกับยิ้มอีก ยิ้มไรนักหนา มีความสุขมากนักเหรอวะ เชื่อเหอะว่าหลังจากคบมันไปนานกว่านี้เธอจะยิ้มไม่ออก “ดูเหมือนจะสนิทกันเร็วดีเนอะ ดีเลย เพราะโหนเป็นเพื่อนรักของชูใจเลยนะ”
ผมนิ่งไป มันจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีคำว่าเพื่อนนำหน้าคำว่ารัก
“อ้อ... ‘เพื่อน’” ไอ้โอห์มโพล่งขึ้นมา ฉีกยิ้มเยาะผม “เอาจริงๆ นะคะ พี่อยากมาเดทกับชูใจสองคนเนอะ แต่พาเพื่อนมาแบบนี้พี่ก็เลยประหม่าไปหน่อย ขอโทษทีนะครับ”
กำลังจะบอกอ่ะดิว่าไม่ต้องพาไอ้เหี้ยนี่มาอีกนะ
“ขอโทษนะคะพี่โอห์ม” ชูใจห่อเหี่ยวลงไปทันที ผมเหมือนเห็นหูกระต่ายของเธอเลยว่ะ แถมหูตกแบบกระต่ายหงอยด้วย “ก็ชูใจจะต้องพาโหนมาเป็นเพื่อนก่อน ชูใจไม่กล้าไปกับแฟนสองต่อสอง แม่ชูใจสอนมา”
พูดดีมาก รักนวลสงวนตัวแบบนี้ก็ดีนะ กูชอบ
“แต่แน่ใจว่าเพื่อนจริงนะ?” ไอ้โอห์มเริ่มคิ้วกระตุก มันเริ่มถามแบบสงสัยในความสัมพันธ์ของผมกับชูใจ แต่ให้ทำไง ในสายตาชูใจผมก็เป็นแค่เพื่อนเธอแค่นั้น
“อื้อ เพื่อนค่ะ”
“ดูจากหน้าก็คงเป็นได้แค่เพื่อนนั่นแหละเนอะ ชูใจไม่น่าจะคบกับคนสักทั้งตัวแบบนี้หรอกใช่มั้ยคะ” มันโพล่งขึ้นมา ท้าวคางมองชูใจอย่างเป็นต่อทั้งรูปร่างฐานะหน้าตา ในขณะที่ผมกำหมัดแน่น
ตั้งแต่นี้ กูจะเรียกชื่อมึงว่าไอ้เหี้ยโอห์ม
เออ ผมมันไม่หล่อเท่ามันไง ไม่รวยเท่ามัน ไม่ขาวโอโม่เหมือนมัน ไม่หุ่นนายแบบเหมือนมัน
หุ่นแห้งๆ แบบนี้ผู้หญิงที่ไหนจะมาชอบ เขารับว่าเป็นเพื่อนรักก็บุญแค่ไหนแล้ว
ผมถอดเสื้อจ้องหุ่นตัวเองอยู่หน้ากระจก รูปร่างผมมันเป็นคนตัวสูง ผิวคล้ำแดดนิดๆ หน้าตาชวนหาเรื่องหน่อยๆ ผู้หญิงทั่วไปเห็นผมแวบแรก นอกจากไม่พิศวาสแล้วยังชวนระทึกขวัญอีก ไม่รู้ว่าจะโดนลวงไปฆ่ารึเปล่าไง
ผมพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ หลังจากกลับมาจากชูใจกับแฟนเธอ ผมก็ได้แต่ทุ่มโทษความขี้เหร่ของตัวเอง เพราะนอกจากไอ้เหี้ยนั่นจะหน้าตาดีเป็นทุน ตอนมันอาสาไปส่งชูใจขากลับ ผมเห็นว่ารถมันเป็นรถนอก BMW คันเท่ คันที่ทั้งชีวิตผมก็คงเก็บตังค์ซื้อมาขับไม่ได้
ถึงชูใจจะไม่ไปกับมัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะกลับกับผมอยู่ดี ยัยนั่นถือหลักเป็นกลางสุดๆ เธอนั่งรถเมล์กลับหอเอง
คงเกรงใจมันสินะ ก็ใช่อ่ะดิ ผมมันก็เป็นแค่เพื่อนสนิท
ผมนั่งกระดกเบียร์อยู่ในห้องอย่างชอกช้ำ ชีวิตชายโสด นั่งเล่น ROV แล้วกระดกเบียร์เงียบๆ ในห้องคนเดียว อยากแดกเหล้าย้อมใจแต่ไม่มีอารมณ์นัดใคร แค่รู้ว่านัดเพื่อนไปร้านเหล้าจะต้องไปเจอคำถามแบบไหนเกี่ยวกับชูใจ ผมก็ไม่อยากไปไหนทั้งนั้น
ผมเล่น ROV จนเบื่อ กระดกเหล้าจนหมดไปหกกระป๋องก็ยังไม่เมา เลยเปลี่ยนไปเล่นเฟส
ผมชะงักไป เมื่อเห็นว่าชูใจถ่ายรูปตัวเองในร้านสตาบัคพร้อมกับหันมุมกล้องมาเห็นผมที่หันหลังพร้อมกับไอ้เหี้ยนั่นที่ตอนนั้นหาเรื่องกัน ปากเธอยิ้มหวานแบบไม่รู้เรื่องไรเลยสักนิดว่าผมกับมันทะเลาะกันอยู่เพื่อแย่งเธอ แถมยังแท็กผมกับมันด้วยว่ะ
แล้วดูแคปชั่น
‘วันนี้มีความสุขจังเลยเนอะ ไม่ได้เรียน คิก’
บ้าเอ้ย ยัยเด็กซื่อ ทำไมต้องมาแอบชอบผู้หญิงแบบนี้ด้วยวะเนี่ย
ชูใจเป็นคนฉลาดเรื่องเรียน ทฤษฎี แต่เรื่องอื่นซื่อบื้อโคตร ไม่งั้นเธอคงรู้ไปนานแล้วว่าผมแอบชอบเธอมาหลายปี แต่เอาจริงๆ ผมแม่งก็ไม่ได้พูดด้วยมั้ง แต่ที่แสดงออกไปทั้งหมด มันมาจากใจผมนะ
ติ๊ง
ผมชะงักไปเมื่อคิดไรอยู่ดีๆ ก็ได้ยินเสียงคนทักมาในแชท พอเปิดดูก็เห็นว่าชูใจทักมา เอาจริงๆ เธอก็ทักผมมาทุกวัน ไม่แปลกที่เพื่อนผมมันจะคิดว่าเธอก็ชอบผม ก็ดูเธอดิ ทักมาขนาดนี้ ยิ่งกว่าผัวอีกมั้ง
Shoujai Chutimon : โหนนน
Shoujai Chutimon : เรามีเรื่องจะปรึกษา จริงจังมากนะ
ผมแค่นหัวเราะ คงไม่ต้องถามมั้ง
ชื่อ โหน : เรื่องแฟนอ่ะดิ รู้หรอก
Shoujai Chutimon : รู้ด้วย
ชื่อ โหน : ไม่รู้ได้ไง วันนี้อาการออกซะขนาดนั้น
Shoujai Chutimon : ก็แหม แฟนคนแรกมั้ยอ่ะ
Shoujai Chutimon : คนเคยมีแฟนมาเยอะอย่างโหนไม่เข้าใจเราหรอก
ผมชะงักไป
เออ ถูกอยู่ ก็เคยมีแฟนมาบ้าง
แต่ไม่เคยชอบใครมากเท่าเธอเลยนะเว้ย
ชื่อ โหน : รู้ได้ไง อาจไม่เคยมีก็ได้
Shoujai Chutimon : จริงอะ
ชื่อ โหน : เดาเอา
Shoujai Chutimon : งั้นถามหน่อยสิโหน ถ้าสมมุติว่าโหนอยากมาหาแฟนที่หอ โหนจะบอกแฟนตรงๆ มั้ย แล้วเวลาแฟนมาที่ห้องเค้าจะมาทำอะไรกันเหรอ
ชูใจถามยาวเลยว่ะ แบบนี้ดูเหมือนว่าไอ้นั่นมันคงอยากจะได้ชูใจมากมั้ง คงสงสัยผมเลยรุกชูใจหนักขนาดนี้ ผมรู้สึกฉุนหน่อยๆ เลย ดึงมวนบุหรี่ออกมาจากซอง แล้วจุดสูบ
ชื่อ โหน : แฟนเธอบอกงั้นเหรอ
Shoujai Chutimon : เปล่าๆ
โกหกไม่เนียนเลยว่ะ ยัยชูใจจะคิดมีผัวตอนนี้เหรอวะ ผมพยายามมาทั้งชีวิตเพื่อไม่ให้เธอเสียบริสุทธิ์ให้ใคร เธอจะยอมมันง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้
ผมไม่ยอมแน่
ชื่อ โหน : ก็บอกให้มาดิ
Shoujai Chutimon : ฮะะ
ชื่อ โหน : บอกให้มันมาโดนหมัดจากเราไปสักทีอ่ะ ไอ้นี่มันคิดจะหลอกฟันเธอ ไม่รู้เหรอวะ
