บทที่ 5
มุมมองของแอล
หนึ่งเดือนผ่านไปนับตั้งแต่คืนนั้นกับแบรด เรย์น ฉันทุ่มเทตัวเองให้กับงาน รับงานพิเศษและอยู่ทำงานจนดึกดื่น ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องคิดฟุ้งซ่าน
ช่วงหลังมาร่างกายของฉันรู้สึกผิดแปลกไป ฉันเหนื่อยตลอดเวลา และมีอาการคลื่นไส้ในตอนเช้าเป็นบางครั้ง
วันนี้อาการแย่เป็นพิเศษ แสงไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ในออฟฟิศดูเหมือนจะสว่างจ้าเกินไปจนปวดกะโหลก กาแฟยามเช้าแก้วเดิมที่ฉันหยิบมาทำให้ท้องไส้ปั่นป่วน
“เวสต์! รายงานต้องเสร็จก่อนเที่ยงนะ” คุณนายเจนกินส์วางแฟ้มเอกสารอีกอันลงบนกองงานที่สูงเป็นตั้งอยู่แล้วของฉัน เธอมองฉันพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณดูไม่ค่อยสบายเลยนะ เป็นอะไรรึเปล่า”
ฉันพยักหน้ารับอย่างเหม่อลอย “ค่ะคุณนายเจนกินส์ แค่เหนื่อยน่ะค่ะ”
ขณะที่เธอเดินจากไป ฉันสังเกตเห็นบางอย่างที่แปลกประหลาด ผู้บริหารที่เป็นคนหมาป่าสองคนที่ลงมาที่แผนกบุคคลเพื่อจัดการเอกสารบางอย่างกำลังจ้องมองฉันจากอีกฟากของห้อง จมูกของพวกเขาขยับสูดกลิ่นเล็กน้อย หนึ่งในนั้นถึงกับก้าวเท้ามาทางฉันก่อนที่เพื่อนร่วมงานของเขาจะดึงตัวกลับไปพร้อมกับกระซิบอะไรบางอย่างอย่างร้อนรน
ห้องทั้งห้องเริ่มหมุนคว้าง ฉันกำขอบโต๊ะไว้แน่นเพื่อพยุงตัว ภาพตรงหน้าพร่ามัว และความรู้สึกอุ่นวาบประหลาดก็แผ่ซ่านไปทั่วร่าง โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่ดวงตาทั้งสองข้าง ความรู้สึกนี้ไม่เหมือนอะไรที่ฉันเคยประสบมาก่อน ราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลออกจากใบหน้า
“แอล” ซาร่าห์จากโต๊ะข้างๆ กำลังพูด แต่เสียงของเธอฟังดูห่างไกล “เธอโอเคไหม ตาของเธอ...”
หัวใจของฉันเต้นรัวอยู่ในอก มีบางอย่างผิดปกติอย่างร้ายแรง ฉันรู้สึกได้ในทุกอณูเซลล์ของร่างกาย...การเปลี่ยนแปลงที่ฉันอธิบายไม่ได้ ความกลัวแล่นมาจุกที่ลำคอขณะที่ฉันพยายามจะลุกขึ้นยืน พยายามจะบอกว่าฉันไม่เป็นไร แต่ขากลับไม่มีแรงจะรับน้ำหนักตัว
“ช่วยเธอด้วย!” ฉันได้ยินเสียงใครบางคนตะโกน
สิ่งสุดท้ายที่ฉันเห็นก่อนที่ความมืดจะเข้าครอบงำคือใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงของเพื่อนร่วมงาน
ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงบี๊บสม่ำเสมอของเครื่องวัดสัญญาณชีพ เพดานสีขาว กลิ่นยาฆ่าเชื้อ...โรงพยาบาลแน่นอน แต่นี่ไม่ใช่คลินิกเล็กๆ แคบๆ ของมนุษย์ที่ฉันเคยไปตอนแขนหักเมื่อสมัยเด็ก ห้องนี้กว้างขวาง พร้อมด้วยอุปกรณ์ล้ำสมัยที่ฉันเคยเห็นแต่ในนิตยสาร
แพทย์คนหนึ่งยืนอยู่ที่ปลายเตียง กำลังพิจารณาแท็บเล็ตด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาเป็นคนหมาป่าอย่างเห็นได้ชัด...ร่างสูงใหญ่สง่างามตามแบบฉบับที่พวกเขามีกันทุกคน
“คุณเวสต์” เขาเอ่ยขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่าฉันตื่นแล้ว “รู้สึกเป็นอย่างไรบ้างครับ”
“สับสนค่ะ” ฉันยอมรับ เสียงแหบพร่า “เกิดอะไรขึ้นคะ”
“คุณเป็นลมที่ทำงาน เพื่อนร่วมงานของคุณโทรเรียกรถฉุกเฉิน” เขาเดินเข้ามาใกล้ช้าๆ สายตาจับจ้องมาที่ดวงตาของฉันด้วยความเข้มข้นที่ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด “ผมหมอรีฟส์นะครับ ไม่ทราบว่าจะว่าอะไรไหมถ้าผมจะขอตรวจตาของคุณ”
ก่อนที่ฉันจะได้ตอบ เขาก็ฉายไฟฉายปากกาเข้าที่ตาข้างขวาของฉัน จากนั้นก็ข้างซ้าย เสียงสูดลมหายใจของเขาทำให้ใจฉันหล่นวูบ
“ฉันเป็นอะไรไปคะ” ฉันถาม เสียงสั่นด้วยความตื่นตระหนก
“ภาวะตาสองสีของคุณ...มันกำลังแสดงคุณสมบัติที่ผิดปกติออกมา” ดูเหมือนเขาจะเลือกใช้คำพูดอย่างระมัดระวัง แต่ฉันเห็นแววตาตื่นเต้นที่แทบจะเก็บไว้ไม่อยู่ของเขา “ดวงตาสองสีที่คุณมีมาแต่กำเนิดไม่ใช่แค่ความแตกต่างภายนอกอีกต่อไป มันกำลัง...เกิดปฏิกิริยา”
“เกิดปฏิกิริยากับอะไรคะ” เสียงของฉันสั่นเทา
“นั่นคือสิ่งที่เรากำลังพยายามหาคำตอบอยู่ครับ” เขาวางไฟฉายลงแล้วหยิบแฟ้มประวัติของฉันขึ้นมา “คุณเวสต์ครับ ผมกำลังจะบอกอะไรบางอย่างที่คุณอาจคาดไม่ถึง จากผลตรวจเลือดของคุณ...คุณตั้งครรภ์ได้ประมาณหกสัปดาห์แล้วครับ”
เขาพูดบ้าอะไรออกมาวะเนี่ย
โลกรอบตัวราวกับหยุดหมุน คำพูดเหล่านั้นยังคงดังก้องอยู่ในหูขณะที่สมองของฉันพยายามประมวลผล
“อะไรนะคะ ไม่...เป็นไปไม่ได้ค่ะ คือ...ฉันเพิ่งจะ...” เสียงของฉันขาดหายไปเมื่อความจริงกระจ่างขึ้นมา หกสัปดาห์ คืนนั้นที่โรงแรมกับแบรด เรย์น มือของฉันเลื่อนไปวางบนหน้าท้องโดยสัญชาตญาณขณะที่น้ำตาเอ่อคลอ “โอ้ พระเจ้า”
"ยังมีอีกนะครับ" หมอรีฟส์พูดต่อ พลางจับสังเกตปฏิกิริยาของฉันอย่างละเอียด "ตอนที่คุณถูกส่งตัวมา เจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์หมาป่าหลายคนรายงานว่ารู้สึกเหมือนถูกดึงดูดเข้าหาคุณอย่างผิดปกติ สภาวะอารมณ์ของคุณดูเหมือนจะส่งผลต่อพวกเขาทั้งในระดับร่างกายเลยทีเดียว นี่...บวกกับสัญญาณพลังงานพิเศษที่ดวงตาสองสีของคุณปล่อยออกมา..."
เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ท่าทางท่วมท้นไปด้วยสิ่งที่ตัวเองเพิ่งค้นพบ "ผมต้องปรึกษาทีมแพทย์อาวุโสทันที เรื่องนี้...ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน"
ฉันมองตามเขาไปด้วยความมึนงง ในหัวมีแต่อารมณ์ที่ปั่นป่วนราวกับพายุ ตั้งท้อง...ท้องลูกของแบรด เรย์น มนุษย์ที่กำลังอุ้มท้องลูกของมนุษย์หมาป่า มันจะหมายความว่ายังไงกัน แล้วเกิดอะไรขึ้นกับดวงตาของฉัน
ฉันมองเห็นหมอรีฟส์ยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์พยาบาลผ่านผนังกระจกของห้อง เขากำลังพูดโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงร้อนรน
ยี่สิบนาทีผ่านไป
ทันใดนั้น ประตูก็ถูกกระแทกเปิดออก แบรด เรย์น ก้าวเข้ามา การปรากฏตัวอันทรงอำนาจของเขาแผ่คลุมไปทั่วทั้งห้องในทันที สายตาของเราประสานกัน และความรู้สึกเหมือนไฟฟ้าช็อตก็แล่นปราดไปทั่วร่าง—ส่วนหนึ่งคือความกลัว อีกส่วนคือความรู้สึกบางอย่างที่ฉันไม่อยากจะยอมรับชื่อของมัน เขายังดูเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน สูงสง่า และน่าเกรงขาม พร้อมกับดวงตาสีอำพันคมกริบคู่นั้นที่ราวกับจะมองทะลุเข้ามาในใจฉันได้
หน้าอกของฉันบีบรัดจนเจ็บปวด ตอนนี้เขามาอยู่ที่นี่แล้ว และกำลังจะได้รู้ว่าฉันกำลังอุ้มท้องลูกของเขา ฉันอยากจะหายตัวไป อยากจะจมหายลงไปในพื้นเพื่อหนีจากสายตาที่จ้องทะลุทะลวงของเขา
ด้านหลังเขามีหญิงสูงวัยท่าทางสง่างามคนหนึ่งเดินตามเข้ามา ซึ่งฉันจำได้ทันทีว่าเป็นเอลิซาเบธ เรย์น ย่าของเขาและเป็นประธานสภามนุษย์หมาป่า ผมสีเงินของเธอถูกรวบเป็นมวยอย่างเคร่งขรึม
สายตาของแบรดไม่ละไปจากฉันเลย สีหน้าของเขาอ่านไม่ออก แต่ฉันสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่แผ่ออกมาจากตัวเขา และนั่นยิ่งทำให้ฉันหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก
เอลิซาเบธเดินเข้ามาใกล้เตียง สายตาคมกริบของเธอกวาดสำรวจใบหน้าของฉัน
"งั้นก็เป็นเรื่องจริงสินะ" เธอพึมพำ ยื่นมือออกมาเหมือนจะสัมผัสใบหน้าของฉันแต่ก็หยุดไว้ "เมทผู้มีดวงตาสองสีที่แท้จริง ไม่เคยคิดเลยว่าในชีวิตนี้จะได้เห็น"
เมท? คำนั้นดังก้องอยู่ในหัว แปลกแยกและน่าหวาดหวั่น ฉันเคยได้ยินเรื่องกระซิบกระซาบเกี่ยวกับเมทของมนุษย์หมาป่า—สิ่งที่พวกเขาเรียกว่าคู่แท้แห่งจิตวิญญาณ—แต่มันมาเกี่ยวกับฉันได้ยังไง
"คุณเรย์นครับ" หมอรีฟส์กล่าวอย่างนอบน้อม "ผลตรวจยืนยันแล้วครับ ดวงตาของเธอเริ่มแสดงสัญญาณพลังงานที่สอดคล้องกับตำราโบราณ และยังมีอีกเรื่องครับ...เธอกำลังตั้งครรภ์"
คิ้วของเอลิซาเบธเลิกสูง "ตั้งครรภ์รึ ลูกใคร"
ขากรรไกรของแบรดขบกันแน่นจนเห็นได้ชัด
ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวด้วยความอัปยศ เรื่องบ้าๆ แบบนี้ต้องไม่ใช่เรื่องจริงสิ!
"ฉันว่าเราต้องคุยกันเป็นการส่วนตัว" เอลิซาเบธเอ่ยขึ้นในที่สุด น้ำเสียงของเธอเฉียบขาดเต็มไปด้วยอำนาจ "คุณหมอ ออกไปก่อน"
ขณะที่หมอรีฟส์รีบเดินออกไป เอลิซาเบธก็หันมาทางฉัน
"หนูรู้ไหมว่าตัวเองเป็นอะไร เด็กน้อย ดวงตาสองสีของหนูมีความหมายว่ายังไง"
ฉันส่ายหน้า คำพูดจุกอยู่ที่คอ ลำคอของฉันตีบตันจนพูดไม่ออก
"เธอคือสิ่งที่เผ่าพันธุ์เราเรียกว่า 'ทรูเมท'—คู่ที่สมบูรณ์แบบทางพันธุกรรมสำหรับอัลฟ่ามนุษย์หมาป่า ดวงตาสองสีนั่นคือสัญลักษณ์โบราณที่หายากมาก มันมอบความสามารถพิเศษ โดยเฉพาะพลังในการควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของมนุษย์หมาป่า" เธอโน้มตัวเข้ามาใกล้ "แต่มีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง เธอเป็นมนุษย์ ทรูเมทจะต้องเกิดมาเป็นมนุษย์หมาป่าเสมอ เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ที่เคยมีการบันทึกไว้"
ทันใดนั้นเอลิซาเบธก็หันไปหาแบรด ดวงตาของเธอหรี่ลง "แบรดลีย์ อธิบายมาสิ ว่าทำไมเด็กสาวมนุษย์คนนี้ถึงได้อุ้มท้องสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นลูกของแก"
คำถามที่ยิงตรงมานั้นทำให้ฉันสะดุ้ง ฉันไม่กล้ามองหน้าแบรด ไม่กล้าพอที่จะเห็นปฏิกิริยาของเขา ฉันทำได้เพียงก้มลงมองมือตัวเองที่สั่นเทาไม่หยุด
นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับชีวิตของฉันวะเนี่ย
