บทที่ 5 สามีคืนเดียว (100%)
กระทั่งแม่ของเขาป่วยกระเสาะกระแสะ และจากไปเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากท่านตรอมใจเรื่องคุณหญิงแม้นมาศ เพราะพยายามที่จะขอขมาซ้ำอยู่หลายครั้ง แต่ผลก็ยังคงเป็นดังเดิม จนอาการของแม่เขาทรุดหนักอย่างน่าตกใจ ที่สุดท่านก็จากไปแบบไม่หมดห่วง ทั้งที่แพทย์ยืนยันว่าแม่จะอยู่ได้อีกหลายปี หลังจากที่คุณหญิงทราบข่าวถึงได้ยอมลดทิฐิลง ยอมที่จะไปร่วมงานศพเพื่อกล่าวให้อภัยลูกสาวในวาระสุดท้าย ยอมบากหน้าไปหาเขาและพ่อที่โมนาโก และต่อมาไม่นานก็ถึงขั้นยอมลดศักดิ์ศรีเพื่อขอร้องให้เขาเข้าไปช่วยดูแลกิจการ ในภาวะที่ธุรกิจกำลังดิ่งลงเหว และการเงินกำลังง่อนแง่น ด้วยน้ำมือของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน ที่คิดจะพาเมียย้ายถิ่นฐานไปอยู่อเมริกา
“ถ้าจะว่ากันจริงๆ ในเชิงปฏิบัติ ผมต่างหากที่เป็นผู้ถูกกระทำ หลานคุณเห็นเรียบร้อยอย่างนั้น ‘ร่าน’ น่าดู จับผมกดทั้งคืนยันเช้า เล่นเอาเอวแทบเคล็ดแน่ะ”
วาจาหน้าไม่อายทำให้คนแก่แทบทำหน้าไม่ถูก
“อย่ามาปรักปรำหลานสาวยายนะ!”
“งั้นก็ปลุกเด็กนั่นขึ้นมาถามเลยสิ ว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ถูกกระทำ ใครกันแน่ที่ถูกกด ถูกขี่…ทั้งคืน”
เขาท้าทายพร้อมบุ้ยปากไปยังคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงซึ่งห่างออกไปไม่กี่ก้าว ครั้นเห็นคนแก่ยังคงนิ่งเฉยก็เป็นฝ่ายสาวเท้ามาหยุดลงตรงข้างเตียง แล้วเอ่ยเรียก
“ตื่นได้แล้ว ยัยลูกหมูขี้เซา”
“ฮื้อ…อย่ากวนน่า คนจะนอน”
เสียงประท้วงงึมงำในลำคออย่างรำคาญ ขณะที่ตาทั้งสองข้างยังคงปิดสนิท ด้วยเกียจคร้านที่จะลุกขึ้นมาในเวลาที่ร่างกายเหมือนไปกรำศึกหนักมาตลอดทั้งคืนเช่นนี้
“ฉันบอกให้ตื่นเดี๋ยวนี้ปานระพี!”
ขาดคำคนใจร้อนก็ฟาดฝ่ามือลงบนสะโพกเต็มตึงแรงๆ
เพียะ!!!
คราวนี้คนที่นอนอยู่ถึงกับตัวแข็งทื่อ สำเหนียกได้ว่าเสียงที่ได้ยินก่อนหน้าหาใช่ความฝันอย่างที่พร่ำบอกตัวเองแต่อย่างใด ครั้นกลั้นใจลืมตาขึ้น ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นมหรรณพในชุดเสื้อผ้ายับยู่ยี่ และผมยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง แต่ยังคงความหล่อกระชากใจ แต่อึ้งหนักยิ่งกว่าเมื่อเหลือบไปเห็นผู้เป็นย่าซึ่งยืนอยู่ถัดไป
“คุณย่า! คุณหวง!”
คนที่เพิ่งลุกขึ้นมานั่งในสภาพผมเผ้ารุงรังยกมือขยี้ตาเล็กน้อย มองคนทั้งคู่สลับกันไปมา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เอ่อ…คุณย่ากับคุณหวงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
“ก่อนจะถามย่า ก้มลงดูสภาพตัวเองเสียก่อนเถอะแม่ตัวดี”
คุณหญิงแม้นมาศเอ่ยเสียงขึ้นจมูก ทำเอาคนถูกเตือนทำหน้างง แล้วรีบก้มลงดูสภาพของตัวเอง ทันใดนั้นก็ต้องเบิกตากว้าง หลุดอุทานออกมา
“ว้าย!”
ปานระพีรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดบังเนื้อตัวมือไม้สั่น ใบหน้างามแดงซ่านด้วยความอับอาย
“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมแพรถึง…”
“ย่าควรจะถามเรามากกว่า ว่าไปทำอีท่าไหนถึงมานอนที่ห้องนี้ได้”
“เมื่อคืนแพรมางานวันเกิดเพื่อนค่ะ แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้นอนไม่ใส่เสื้อผ้าแบบนี้” เสียงในตอนท้ายเบาหวิว หัวคิ้วขมวดมุ่น เพราะสมองกำลังควานหาสาเหตุที่ทำให้ตนตกอยู่ในสภาพล่อนจ้อนเช่นนี้
“เธอจะบอกว่าจำอะไรไม่ได้งั้นสิ” มหรรณพโพล่งขึ้นเป็นเชิงประชด
“ค่ะ แพรจำได้แค่ว่าเพื่อนคะยั้นคะยอให้ดื่มเหล้าไปเกือบสองแก้ว จากนั้นก็รู้สึกมึนๆ หัว หายใจไม่ค่อยออก แล้วก็ร้อนวูบวาบแปลกๆ เหมือนโดนวางยา…เอ่อ…ปลุกเซ็กส์ ก็เลยรีบหนีกลับห้องมา จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยค่ะ” สาวน้อยเอ่ยเล่าเท่าที่หัวสมองพอจะนึกได้ด้วยท่าทางซื่อๆ
“งั้นจะบอกให้ก็ได้ ว่าเธอน่ะบุกเข้าห้องฉัน”
“หา!...แพรเนี่ยนะคะ! บุกเข้าห้องคุณหวง!” สาวน้อยอุทานตาโต
“ใช่!”
หลังจากอ้าปากค้างไปหลายนาที ปานระพีก็ละล่ำละลักออกมาพลางส่ายหน้าหวือ
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ แพรไม่มีทางทำอย่างนั้น…”
ปากค้านว่าอย่างนั้น แต่น้ำเสียงยืนยันกลับผาดแผ่วในช่วงท้าย ใบหน้าหวานใสเริ่มซีดสลับแดง หลังจากใช้สมองคิดทบทวนอย่างถ้วนถี่ แล้วปรากฏภาพเหตุการณ์ขึ้นมาเป็นฉากๆ ถึงจะมีบางช่วงที่ไม่ปะติดปะต่อไปบ้าง เนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ผสมยาปลุกเซ็กส์ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ทำให้เธออยากจะมุดดินหนีเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด
หากแต่วินาทีถัดมาปานระพีก็ต้องช็อกกับวาจาที่มหรรณพเอ่ยขึ้น เป็นเชิงย้ำเตือนว่าสิ่งที่เขาได้กล่าวออกมาเมื่อครู่นั้นล้วนเป็นความจริงทุกประการ
“แต่มันเป็นไปแล้ว เมื่อคืนเธอบุกเข้าห้องฉัน…”
จากนั้นปานระพีก็ทำได้เพียงนั่งตัวแข็งทื่อ อ้าปากค้าง หน้าแดงซ่าน บ้างกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อกับความหน้าไม่อายของมหรรณพ นึกไม่ถึงว่าผู้ชายที่เธอทั้งรักและเทิดทูน เพราะเขาเคยช่วยชีวิตเอาไว้ จะร้ายกาจได้มากถึงเพียง เขาทำให้เธออยากจะแกล้งตายด้วยการเอ่ยอย่างฉะฉาน ว่าเธอเป็นคนเดินเข้าห้องมาเสนอตัวให้เขาเอง หากแต่ครั้นจะค้านก็ทำได้ไม่เต็มปากเต็มคำ เพราะดันเข้าห้องผิดจริงๆ แถมในช่วงแรกที่ยาออกฤทธิ์เธอยังถลาไปหาเขาด้วยความอ่อนหัด ลูบไล้ร่างใหญ่ยักษ์ไม่ต่างอะไรจากการยั่ว มิหนำซ้ำยังหลงเพริดเตลิดอย่างขาดความยับยั้งชั่งใจ ถึงแม้มันจะเกิดจากฤทธิ์ยา และความช่ำชองอันแสนร้ายกาจของเขา แต่มันก็น่าอับอายเกินจะเอ่ย
แต่จะโทษใครได้ ในเมื่อเธอมางานวันเกิดท่ามกลางเพื่อนที่ไม่สนิท แวดล้อมด้วยคนที่ไม่หวังดี แถมยังประสงค์ร้าย และที่สำคัญคือทุกคนเห็นเธอเป็นตัวตลกที่นึกอยากจะแกล้งยังไงก็ได้ เธอก็แค่หลงผิด ยอมมาด้วยเพราะคิดว่าถ้ามาแล้วจะมีเพื่อนกับเขาบ้าง ทุกคนจะยอมรับ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความหายนะทั้งเพ จากนี้เธอคงต้องระวังตัวให้มากขึ้น และไตร่ตรองให้ดีหากคิดที่จะเปิดใจคบใครสักคนเป็นเพื่อน
หลังจากออกไปคุยเป็นการส่วนตัวกับผู้เป็นยายตรงระเบียงห้อง ไม่นานมหรรณพก็กลับเข้ามาด้วยความหัวเสีย แต่สีหน้ายังคงเรียบสนิทอย่างอ่านอารมณ์ไม่ออก เพราะผลสุดท้ายแล้วผู้เป็นยายก็ยังคงยืนกรานให้เขารับผิดชอบ ‘หลานสาวนอกไส้’ ด้วยการจดทะเบียนสมรส โดยยกเอานักข่าวที่อยู่ด้านนอกมาบีบบังคับ ซึ่งไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ว่าไอ้พวกข้างนอกน่ะเป็นพรรคพวกของใคร ที่สุดคนโอหังก็ต้องจำใจเซ็นชื่อลงในทะเบียนสมรส ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ซึ่งยายของเขาเตรียมพร้อมมาอย่างดี ดีจนแทบไม่ต้องสงสัยว่าทั้งหมดเป็นแผนของใคร
ครั้นเห็นปานระพีจรดปากกาลงไปในทะเบียนสมรสสมใจคุณหญิงแม้นมาศ หลังจากที่อีกฝ่ายเอ่ยเกลี้ยกล่อมหลานสาวอยู่พักใหญ่ เขาก็แค่นยิ้มหยัน ทันทีที่ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ใบทะเบียนสมรสถูกยัดใส่มือ หลังจากยายของเขาสั่งให้คนเคลียร์ทาง มหรรณพก็ผลุนผลันจากไปอย่างไม่เหลียวหลัง
