บทที่ 8 ความจริงยิ่งกว่าเจ็บ (100%)

“แต่คุณย่าบอกว่า คุณหวงเต็มใจจดทะเบียนสมรสกับแพรนี่คะ”

หญิงสาวแย้งเสียงสั่น สามปีที่แล้วคุณย่าของเธอบอกเธอเช่นนั้นจริงๆ ท่านให้เหตุผลว่าคนเย่อหยิ่งจองหองและเอาแต่ใจอย่างมหรรณพ หากไม่เต็มใจทำอะไรแล้วใครหน้าไหนก็บังคับไม่ได้

“เธอโดนคนแก่หลอกน่ะสิ ไม่เห็นใบหย่าที่ฉันให้คนเอาไปให้หรือไง ฉันให้คนเอาไปให้เธอหลังจากที่เราจดทะเบียนสมรสกันเมื่อสามปีก่อน จำได้ไหม”

ใช้เวลาคิดไม่นานสาวน้อยก็พยักหน้าน้ำตาคลอ

“จำได้ค่ะ แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นใบหย่า อีกอย่างคุณย่าก็บอกว่ามันเป็นเอกสารสำคัญของคุณหวง ท่านกลัวว่าจะหายก็เลยขอเก็บเอาไว้เอง”

พับผ่าสิวะ! ยายเขาแสบจริงๆ

“ช่างเถอะ ไปขอใหม่ก็ได้ รอให้เธอเรียน fellow จบและได้เป็น staff ก่อน…ฉันจะเอาใบหย่ามาให้เซ็น”

“เรียน fellow จบ และได้เป็น staff…เหรอคะ?”

ปานระพีทวนคำอย่างงงๆ อีกทั้งตกใจกับคำพูดฉะฉานที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากหยักลึก คำว่า ‘หย่า’ แค่พูดเบาๆ ก็สะเทือนไปถึงขั้วหัวใจแล้ว

“ใช่! ฉันมีข้อตกลงกับคุณหญิงย่าของเธอ ว่าถ้าเธอเรียน fellow จบและได้เป็น staff แล้ว หากเธอยังทำให้ฉันรักไม่ได้ หรือเราสองคนไม่ได้รักกัน คุณหญิงย่าของเธอจะยอมให้หย่า”

ทำไมเธอจะไม่รักเขาล่ะ เธอรักเขาจะตาย

“แต่แพรยังไม่ได้หาทางทำให้คุณหวงรักเลยนะคะ เราสองคนไม่เคยใช้เวลาร่วมกันด้วยซ้ำ ให้โอกาสแพรหน่อยไม่ได้เหรอคะ” หญิงสาวพยายามต่อรองเพราะไม่อยากเสียเขาไป

“อย่าเสียเวลาเลย เธอไม่ใช่สเปกฉัน ฉันไม่ชอบผู้หญิงอ้วน”

โอ๊ย! บอกเลยว่าประโยคสุดท้ายโคตรเจ็บ

เธอไม่ได้อ้วนเสียหน่อย ก็แค่ใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่เกินเบอร์ และเจ้าเนื้อขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย เนื่องจากช่วงเรียนเป็นแพทย์ฝึกหัด (Extern) ปี 6 มันหนักหนาสาหัสมากจนเกินคำบรรยาย พอเครียดเลยฟาดแหลกแบบไม่คิดถึงมวลรวมของร่างกาย เอาให้อิ่มท้องสมองแล่นเป็นพอ

“แล้วคุณหวงรู้ไหมคะ ว่าเรียน fellow ต้องใช้เวลากี่ปี” ครั้นฉุกคิดขึ้นได้ปานระพีก็เอ่ยออกมา

“จะไปรู้เหรอ ฉันไม่ได้เรียนมาทางสายนี้ แต่ได้ยินคุณหญิงย่าของเธอเปรยว่า มันเป็นการเรียนต่อยอดไม่ใช่เหรอ” คนหน้านิ่งชักงุ่นง่านเมื่อโดนเด็กย้อนด้วยนัยน์ตาเป็นประกายคล้ายมีความหวัง

ยัยลูกหมูนั่นจะหวังบ้าอะไรวะ?

“งั้นแพรจะอธิบายให้ฟังนะคะ…”

ปานระพียิ้มอ่อน สีหน้ามีเลศนัยชอบกล จากนั้นก็ร่ายยาว โดยเริ่มตั้งแต่หลังจากที่เธอจบปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต 6 ปี แล้วไปเป็นแพทย์ใช้ทุน (Intern) เป็นเวลา 3 ปี  จากนั้นก็ไปต่อแพทย์ประจำบ้าน (Resident) หรือเรียนแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งเธอตั้งใจว่าจะเรียนสาขาศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ หรือที่เรียกว่าศัลยแพทย์กระดูกและข้อ หรือหมอกระดูกและข้อ หรือเรียกสั้นๆ ว่าหมอออร์โธฯ โดยใช้เวลาเรียน 4 ปี จบก็ไปเรียนต่อแพทย์ผู้ช่วยอาจารย์ หรือแพทย์เฉพาะทางต่อยอด (Fellow) ซึ่งก็คือแพทย์ที่จบสาขาเฉพาะทาง แล้วยังต้องการเป็นแพทย์เฉพาะทางอนุสาขาย่อยลงไปอีก โดยใช้เวลาเรียนรวมๆ แล้วก็ 3 ปี เพราะเธอต้องการเรียนให้ครบถ้วนและครอบคลุม หลังจากจบ Fellow เธอถึงจะได้เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง หรืออาจารย์หมอ หรือที่เรียกว่า Staff นั่นเอง

“พอๆ ยิ่งฟังยิ่งปวดหัว สรุปมาเลยดีกว่า ว่าเธอจะเรียน fellow จบ และได้เป็น staff  ต้องใช้เวลาทั้งหมดกี่ปี่” หลังจากขมวดคิ้วนิ่วหน้าฟังอยู่นานสองนานเขาก็ยกมือเป็นเชิงห้าม แล้วตัดบทด้วยท่าทางหงุดหงิด

“รวมแล้วก็…สิบปีค่ะ”

“สิบปี!”

คราวนี้คนหน้านิ่งถึงกับหลุดอุทานออกมา ดวงตาสีน้ำตาลเหลือบดำแทบถลนเพราะสติหลุด

“ใช่ค่ะ”

อีกสิบปีเชียวเหรอวะ ยัยเด็กนี่ถึงจะเรียนจบ

เวรล่ะ! เขาโดนคุณหญิงแม้นมาศตลบหลังเข้าแล้ว!

“เธอไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม”

“ไม่ค่ะ แพรพูดจริง”

ยัยตัวอวบพยักหน้าตาใส ท่าทางซื่อๆ ทำให้เขางุ่นง่านจนนึกอยากจะอาละวาดให้ลั่น หากแต่จำต้องกัดฟันข่มกลั้นโทสะ แล้วเอ่ยประชดเสียงห้วนจัด

“ถ้าจะเรียนเยอะขนาดนั้น ทำไมไม่เรียนปริญญาเอกแพทย์เลยล่ะ”

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงค่ะ”

เด็กบ้า! ยังมีหน้ามายิ้มแป้น นี่เธอตั้งใจจะปั่นประสาทเขาใช่ไหม?

“ฉันให้สิบล้าน แลกกับการที่เธอไม่ต้องเรียนต่อห่าเหวอะไรทั้งสิ้น และเซ็นใบหย่าให้ฉัน”

“แพรไม่สนเงินของคุณหวงหรอกค่ะ”

“ยี่สิบล้าน”

“คุณหวงเก็บไว้ใช้เองเถอะค่ะ”

คำตอบของแม่สาวหัวดื้อทำให้คนฟังสะอึก ด้วยไม่เคยรับมือกับผู้หญิงอะไรแบบนี้ แต่เขาจะไม่ยอมเป็นผัวตีทะเบียนของเธอ โดยไม่ได้อะไรตอบแทนต่อไปอีกตั้งสิบปีหรอกโว้ย!

“สามสิบล้านก็ได้เอ้า”

“ไม่เอาค่ะ เงินเยอะแค่ไหนก็ซื้อความฝันและอุดมการณ์ของแพรไม่ได้” ปานระพียังคงส่ายหน้าและยืนกรานคำเดิม ท่าทางมุ่งมั่นทำให้เขาแทบหลุดคำรามออกมา

เด็กบ้าอะไรวะ! ถึงได้หลอกล่อยากขนาดนี้

“แต่เธอไม่มีสิทธิ์มารั้งฉันให้ติดแหง็กอยู่กับเธออีกตั้งสิบปีนะเว้ย!”

น้ำคำร้ายกาจที่พ่นออกมาจากปากโอหังทำให้คนฟังหน้าเสีย แต่เรื่องอะไรล่ะที่เธอจะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ เขาเป็นของเธอมาตั้งสามปี จะเป็นต่ออีกสิบปีจะเป็นไรไป

“แล้วคุณหวงไปรับปากคุณย่าทำไมล่ะคะ”

ระยำเอ๊ย! เขาโดนเด็กย้อนอีกแล้วเหรอวะเนี่ย!

“ฉันจะไปรู้เหรอ ว่าย่าเธอจะเจ้าเล่ห์ขนาดนั้น”

“แต่รับปากแล้วก็ต้องทำค่ะ”

ให้ตายห่าสิวะ! เด็กนี่ฉลาดไล่ต้อนให้เขาจนมุมเกินไปแล้ว แต่ขอโทษทีเถอะ! คนอย่างมหรรณพ นิธิธาดา ไม่ได้เกิดมาเพื่อพ่ายแพ้และสยบให้แก่ผู้หญิงหน้าไหน และเธอ…ก็ไม่ใช่เช่นกัน

“ฉันไม่ทำซะอย่าง ใครจะทำไม” ไหล่กว้างยกขึ้นอย่างถือดี

“คนผิดสัญญาเขาไม่เรียก ‘ลูกผู้ชาย’ หรอกนะคะ”

“เมื่อกี้เธอว่าไงนะ!”

หลังจากชะงักไปวูบหนึ่ง มหรรณพก็ตวัดตาขุ่นคลั่กมองใบหน้าใสกิ๊ก พร้อมเค้นเสียงดุกระด้างลอดไรฟัน ทำเอาคนที่ยึดมั่นถือมั่นว่าเขาเป็นของตัวเองก้มหน้าหลบตา ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อยๆ

“เอ่อ…แพรบอกว่า คนผิดสัญญาเขาไม่เรียกลูกผู้ชายหรอกค่ะ”

หึ! สัญญาระยำน่ะสิ

“อย่ามาปากดีนะเว้ย! เธอก็รู้นี่ ว่าฉันน่ะมันลูกผู้ชาย…ทั้งแท่ง”

วาจาย้อนกลับทำให้คนฟังหน้าร้อนวาบ

“…”

“สรุปจะเรียนต่อให้ได้ใช่ไหม?”

คนไม่มีทักษะในการเกลี้ยกล่อมใครวกกลับมาเข้าประเด็น ด้วยความใจร้อนยิ่งกว่าไฟ อีกอย่างก็เกรงว่าหากต่อความยาวสาวความยืดมากไปกว่านี้ตนจะเผลอเล่นงานเด็กเข้า

“ค่ะ”

“นี่เธอจะเรียนไปเป็น ‘วันเดอร์ วูแมน’ หรือไงวะแม่คุณ” หลังจากเงยหน้ากลอกตาขึ้นฟ้ามหรรณพก็เอ่ยอย่างฉุนๆ

“แพรอยากช่วยคนค่ะ”

แม่พระฉิบหาย!

“จบหมอหกปี ก็ช่วยคนได้แล้วไหม” เสียงกระด้างประชด

“ช่วยได้ค่ะ แต่มันจะไม่จำเพาะเจาะจง”

โถแม่คุณ…ดีเกิ๊น! ไม่เหมาะกับคนบาปอย่างเขาสักนิด

“จะเป็นคนดีไปไหม”

“นอกจากจะเป็นคนดีแล้ว แพรยังอยากเป็นหมอที่ดีด้วยค่ะ”

โลกสวยสุดๆ เมียเขา

มหรรณพเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้แม่เด็กอัจฉริยะ นับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อระงับอารมณ์ที่กำลังเดือดปุดๆ ก่อนจะเอ่ยเป็นเชิงสรุปอย่างช่วยไม่ได้

“โอเค…งั้นอีกสิบปีฉันจะเอาใบหย่ามาให้เซ็น หรือไม่เธอก็เซ็นรอไว้เลยก็ได้”

โห! ใจร้ายไปไหม?

“ให้โอกาสแพรหน่อยไม่ได้เหรอคะ ถ้าแพรทำให้คุณหวงรักไม่ได้ หลังจากเรียน fellow จบ แพรจะเป็นฝ่ายไปเอง” ปานระพียังคงตื้อไม่ถอย ครั้งนี้เธอเอาหัวใจเป็นเดิมพัน

“นี่ยัยลูกหมู! เธอกำลังจะเรียนจบหมอและจะได้เกียรตินิยมเหรียญทองจริงๆ เหรอวะ ทำไมถึงได้เข้าใจอะไรยากนัก งั้นจะบอกให้ชัดๆ นะ ว่าฉันไม่ต้องการเธอ ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ช่าง ฉะนั้นในระหว่างจะครบกำหนดที่เธอจะเรียนจบช่วยอยู่ให้ห่างๆ ฉัน ห้ามก้าวก่ายชีวิตฉัน และห้ามบอกใครเป็นอันขาดว่าเธอเป็นเมียฉัน…ทีนี้เข้าใจหรือยัง”

หลังจากสะอึกไปกับน้ำคำสิ้นเยื่อขาดใย เสียใจเพราะตั้งหลักไม่ทันกับความจริงอันแสนเจ็บปวด สาวน้อยผู้เก่งแต่ตำราเรียนทว่าอ่อนต่อโลกก็ยอมจำนนด้วยการพยักหน้า พร้อมกลั้นน้ำตา

“เข้าใจแล้วค่ะ”

น่าแปลกที่เด็กนั่นไม่ร้องไห้สักแอะ

แต่ให้ตาย! ทำไมเขาต้องรู้สึกผิดเพียงแค่เห็นแววตาตัดพ้อคู่นั้นด้วยวะ

“เข้าใจแล้วก็เชิญ…ลงจากรถฉันได้แล้ว”

“ค่ะ”

เธอตอบรับสั้นๆ เสียงที่เปล่งออกมานั้นแสนจะสั่นเครือ ก่อนจะก้าวขาลงจากรถคันหรูด้วยสภาพเหมือนคนละเมอ หัวใจสลาย และสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ที่สุดปานระพีก็ประจักษ์แก่ใจว่ามหรรณพไม่ได้ต้องการเธอตั้งแต่แรก และที่เขากลับมาหลังจากหายไปสามปี ไม่ใช่กลับมาเพื่อทำหน้าที่สามี แต่กลับมาเพื่อเฉดหัวเธอทิ้งอย่างเป็นทางการ รสชาติของการถูกเฉดหัวทิ้งไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิด มันทั้งขมปร่า ปวดหนึบ หน่วงในอก และทรมานเกินจะทนไหว

บทก่อนหน้า
บทถัดไป