บทที่ 9 บทที่ 9.
“จริงด้วยค่ะคุณพี่ ดูสิตามาร์คน่ะสามสิบหกแล้วนะคะ อีกไม่กี่ปีจะสี่สิบแล้วตาคิมกับตาวัตสันนั่นยิ่งแล้วใหญ่ลอยไปลอยมาเป็นพ่อพวงมาลัย เฮ้อแล้วเมื่อไหร่เราจะได้อุ้มหลานล่ะคะ น้องน่ะอิจฉาเพื่อนๆ นะคะ เขาได้อุ้มหลานกันแล้ว”
สองตายายมองหน้ากันอย่างหนักใจเมื่อลูกชายทั้งสามที่ไม่มีทีท่าว่าจะตกลงปลงใจกับสาวใด สายตาที่เริ่มฟ้าฟางลงไปบ้างของทั้งสองทอดไปยังผืนน้ำสุดลูกหูลูกตา ขอบฟ้ากว้างนั้นทอประกายแดงอมส้ม พร้อมกับดวงอาทิตย์ที่เริ่มจมหายลงไปในมหาสมุทร และเริ่มลับจากขอบฟ้าไปทีละนิดก่อนท้องฟ้างามจะได้ต้อนรับความมืดมิดแห่งรัตติกาล
“มาร์คคะ แอนนี่ชอบที่นี่จังค่ะ มันสวยมากเหมือนดินแดนในฝันเลย”
แอนนิต้า รามอส นางแบบสาวแสนสวยเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มแสนหวาน เธอเป็นนางแบบไฮโซคนดังที่มีชื่อเสียงเพราะมีดีกรีเป็นถึงอดีตนางแบบโลกเมื่อสามปีก่อน และตอนนี้นี้เธอกำลังคบหาดูใจอยู่กับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผู้มีผิวสีแทนงดงามร่างแกร่งเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแข็งแรง และใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มเยี่ยงบุรุษพึงมี ดวงตาสีน้ำเงินเข้มทอประกายเจิดจ้าส่องสว่างด้วยความสุข ริมฝีปากหยักสวยแย้มยิ้มอย่างมีเสน่ห์ด้วยลักยิ้มที่กรีดลงสองข้างแก้มยามที่เจ้าตัวเผยยิ้มกว้าง ทำให้ใบหน้านั้นอ่อนโยนและมีเสน่ห์ขึ้นอีกเท่าตัว และเธอก็ภูมิใจนักหนาที่มีคนรักเป็นถึงเจ้าของเกาะพราวแสงจันทร์
“ถ้าแอนนี่ชอบก็อยู่ที่นี่กับมาร์คเลยก็ได้นะ ยินดีให้อยู่ด้วยกันตลอดชีวิตเลย” เหมันต์สวมกอดร่างงามอย่างรักใคร่ พลางกดจมูกโด่งคมลงบนแก้มนวลฟอดใหญ่ ทำให้เจ้าของแก้มหอมมองค้อนอย่างมีจริต แต่ก็น่ารักในสายตาเขา
“มาร์คนี่ ทำอะไรอายคนอื่นบ้างสิคะ”
“มีใครที่ไหนกัน มีแต่เราเท่านั้นแหละที่นี่ เพราะถ้าขืนมีโผล่มาตอนนี้มาร์คจะเตะมันให้กระเด็นตกทะเลไปเลย”
โฮ่ง โฮ่ง ไม่ทันขาดคำ เสียงของสุนัขที่เห่าขึ้นข้างๆ ก็ทำให้หนุ่มสาวที่อยู่ในอารมณ์หวานหวามต้องก้มลงมองตามเสียง และก็ได้เห็นสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานที่ตัวเปียกมะลอกมะแลก พร้อมกับนอนครางหงิงๆ อย่างเจ็บปวดเพราะขาหน้าที่มีบาดแผลและเหมือนมันจะหักด้วย
“มายังไงเจ้าหมาน้อย” ชายหนุ่มคุกเข่าลูบหัวมันอย่างปลอบโยน เจ้าสุนัขน้อยก็รีบประจบด้วยการครางหงิงๆ และพยายามยันกายอันบอบช้ำของมันลุกขึ้นซบซุกหาความอบอุ่นจากชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้าของมันเหมือนมันจะฝากชีวิตไว้กับเขาชั่วชีวิตหมาน้อยอย่างมัน
“ไปจับมันทำไมคะมาร์คดูสิมันใกล้จะตายแล้วและเลือดมันก็ออกเยอะด้วย ยี้ เหม็นแสะสกปรกออกค่ะ” ร่างของสาวงามที่ส่ายหน้าขยะแขยงเจ้าตัวสี่ขา และยังถอยออกห่างร่างรุ่งริ่งของเจ้าสุนัขน้อยอย่างรังเกียจ
“โธ่ แอนนี่ มันยังห่างไกลคำว่าใกล้ตายเยอะเลยครับ มันแค่บาดเจ็บ เอาล่ะถ้าแอนนี่ไม่ชอบเดี๋ยวมาร์คจัดการเองคุณเดินเข้าบ้านไปก่อนนะ มาร์คจะพามันไปทำแผลเสียหน่อย” ว่าแล้วชายหนุ่มก็อุ้มสุนุขตัวน้อยที่ดูท่าจะบาดเจ็บมาจากที่ไหนสักแห่ง เดินไปยังเรือนพยาบาลของเกาะที่มีหมอมาประจำเพื่อรักษาคนในเกาะ รวมทั้งหมูหมากาไก่ แล้วแต่ใครหรือเจ้าตัวไหนจะเป็นอะไรมา และหมอเก่ง ซึ่งเป็นหมอประจำเกาะนี้ ก็เก่งสมชื่อ เพราะสามารถรักษาได้ทั้งคนและบรรดาสัตว์เลี้ยงทั้งหลายด้วย
แอนนิต้าได้แต่กระทืบเร่าๆ อย่างขัดใจ และมองตามแผ่นหลังกว้างของชายคนรักที่อุ้มเจ้าสี่ขาหน้าขนแสนน่ารังเกียจนั้นไป ซึ่งจริงๆ แล้วเธอก็รังเกียจสัตว์เลี้ยงทุกชนิดนั่นล่ะ
“ผู้ชายบ้า เห็นไอ้หมาขี้เรื้อนนั่นดีกว่าฉัน” ร่างงามกระฟัดกระเฟียดก่อนเดินกระทืบเท้าเตะดินเตะทรายอย่างระบายอารมณ
“อุ้ย ขอโทษค่ะ”หญิงสาวตกใจเมื่อร่างของตนปะทะกับใครคนหนึ่งและเอ่ยขอโทษตามความเคยชิน ก่อนจะมองตามลำแขนแกร่งที่รั้งร่างของเธอไว้ไม่ให้ล้มลงไป
แล้วภาพใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มคนหนึ่งก็พร่าพรายเต็มสองตา ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเรียวช่างดูงดงามยิ่งนัก คางแกร่งเขียวครึ้มด้วยไรหนวดจางๆ ดวงตาคมสีเขียวมรกตพราวระยับ จมูกโด่งเป็นสันสวยและริมฝีปากบางสวยสีชมพูระเรื่อมันสวยจนผู้หญิงอย่างเธอยังอิจฉา ผิวกายขาวสะอาดดูสุขภาพดี เรือนผมสีน้ำตาลทองเป็นประกายเพราะแดดอ่อนยามเย็น หญิงสาวจ้องมองชายหนุ่มอย่างตื่นตะลึง จนคนถูกมองเริ่มจะรู้สึกขัดเขิน
“เอ่อไม่ทราบว่าที่หน้าผมนี่มีอะไรติดรึเปล่าครับคุณ”
“เอ่อ คือไม่มีค่ะ ขอบคุณนะคะ” หญิงสาวอ้อมแอ้ม พลางเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งอย่างแสนเสียดายไออุ่นจากกายของชายหนุ่มแปลกหน้า จนเธอนึกแปลกใจซ้ำหัวใจสาวยังเต้นกระหน่ำอีกด้วย
“ผมชื่อริค ริค เวลส์ แล้วคุณจะกรุณาบอกชื่อคุณได้มั๊ยครับ”
“แอนนิต้าค่ะ แอนนิต้า รามอส ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” และทันทีที่ได้สัมผัสมือกัน ใจดวงน้อยของแอนนิต้าก็ยิ่งสั่นไหวอย่างรุนแรงยิ่งกว่าเมื่อตอนเจอกับเหมันต์ครั้งแรกเสียอีกและมันก็ทำให้เธอไขว้เขวด้วยเหมือนกัน
