เคล็ดลับที่ใหญ่ที่สุด

แองเจิล

“ไม่ต้องประหม่าขนาดนั้นก็ได้”

หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ดูขรึมขลังเอ่ยขึ้น มือของเธอจับคางฉันเหมือนตอนที่เราอยู่นอกร้านอาหาร แล้วเงยหน้าฉันขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ฉันมองเธอ ดวงตาของเราสบกัน และฉันก็อยากจะหลบสายตาใจจะขาด ทว่าในขณะเดียวกันก็ไม่อยากทำเช่นนั้น ฉันรู้สึกราวกับตกอยู่ในภวังค์ ดวงตาและแววตาของเธอช่างน่าหลงใหลเหลือเกิน “ฟังนะ ฉันอยากจะขอพบเธอด้วยตัวเอง แล้วก็อยากจะเจอเพื่อดูว่าเธอจะงดงามสมชื่อที่เขาให้ไว้หรือเปล่า และเธอก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ” น้ำเสียงของเธอนุ่มนวลราวเสียงกระซิบ ฉันจึงมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินนอกจากฉัน โดยเฉพาะเมื่อเสียงพูดคุยจอแจดังอยู่ทั่วร้านอาหาร ถ้อยคำของเธอทำให้ฉันหน้าแดงและเผลอยิ้มออกมา

“ถ้าไม่ว่าอะไร ขอถามชื่อคุณได้ไหมคะ” ฉันดึงศีรษะออกจากมือของเธอ แล้วขยับตัวในที่นั่งบูธ หญิงสาวฮัมเพลงในลำคอเบาๆ ก่อนจะโน้มตัวลงมาใกล้ ริมฝีปากของเธออยู่ห่างจากหูฉันแค่เพียงนิ้วเดียว ฉันรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่รินรดอยู่บนใบหู ท่าทีนั้นทำให้แก้มของฉันร้อนผ่าวขึ้นมาอีกครั้งจนกลายเป็นสีชมพูอ่อน “เรียกฉันว่าเกรย์ก็ได้ แต่ถ้าคนอื่นถาม บอกไปว่าชื่อสการ์” เธอถอยกลับไปในจังหวะเดียวกับที่การ์ดของเธอลุกจากที่ยืนและเปิดทางให้เธอออกไปเช่นกัน เกรย์ขยับตัวออกจากที่นั่งบูธ แล้วยื่นมือมาให้ฉันซึ่งฉันก็รับไว้อย่างสุภาพ ในไม่ช้าฉันก็ออกมาจากที่นั่งบูธเช่นกัน ตัวฉันหดเล็กลงไปถนัดตาเมื่อเทียบกับคนตัวสูงทั้งสามที่อยู่ตรงหน้า มือของฉันยังคงอยู่ในมือของเกรย์ ฉันถูกพาออกจากร้านอาหารไปยังรถเอสยูวีสีดำที่จอดอยู่ด้านนอกประตู

ฉันเดาว่ารถคงเพิ่งขับมาจอดเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว “ฉันทิ้งของขวัญไว้ให้ในรถเพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับบริการและความร่วมมือของคุณ แล้วเจอกันพรุ่งนี้” สิ้นคำพูดนั้น เกรย์ หญิงสาวลึกลับที่ฉันไม่รู้อะไรเลยนอกจากชื่อของเธอ ก็ยกมือฉันขึ้นขณะโน้มตัวลงมาจุมพิตที่หลังมือ จากนั้นเธอก็ปล่อยมือและก้าวเข้าไปในรถเอสยูวี ก่อนที่การ์ดของเธอจะตามเข้าไป ฉันสูดหายใจเข้าลึกขณะที่รถเอสยูวีขับจากไป แล้วจึงเดินกลับเข้าไปทำงานต่อจนหมดกะ ในไม่ช้าก็ถึงเวลาเที่ยงคืน ฉันกับไคล์เพิ่งปิดร้านเสร็จและกำลังเดินไปที่รถของพวกเรา “แล้วเมื่อกี้มันเรื่องอะไรกันน่ะ แองเจิล” ฉันเงยหน้ามองไคล์ที่ทำหน้าอยากรู้อยากเห็น

เขายกมือล้วงกระเป๋ากางเกงขณะเดินมาอยู่ข้างๆ ฉันยิ้มและยักคิ้วให้เขาอย่างล้อเลียนราวกับว่ามีเรื่องใหญ่และน่าสนใจเกิดขึ้น “ไม่มีอะไรจริงๆ หรอกน่า เขาก็แค่อยากคุยด้วย แล้วก็ไม่รู้ทำไมถึงสนใจอยากจะเจอพนักงานเสิร์ฟห้องหลังประจำคืนวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนน่ะ เธอยังเจ้าชู้มากด้วยนะ แต่ฉันพยายามจะไม่คิดอะไรมากหรอก” ฉันพยักหน้าขณะพูดและเผลอกัดริมฝีปากตัวเองหลังจากพูดจบ “งั้นก็แปลว่า เขาแค่สนใจเธอแล้วก็มาร้านนี้เพื่ออยากจะรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใครสินะ ดูเหมือนจะมีคนแอบปลื้มเธอแบบไม่ลับซะแล้วสิ”

ไคล์เย้าพร้อมกับยกแขนล่ำๆ ของเขามาโอบไหล่ฉัน ทุกคืนหลังเลิกงาน ไคล์จะเป็นสุภาพบุรุษที่เดินมาส่งฉันที่รถเสมอเมื่อเราอยู่กันแค่สองคน ฉันหัวเราะและจิ้มที่เอวเขา ทำให้เขาหัวเราะมากขึ้นไปอีกเพราะเขาบ้าจี้ตรงแถวๆ ท้อง ในไม่ช้าเราก็มาถึงรถของฉัน และขณะที่เรากำลังบอกลาและกอดกัน ไคล์ก็เหลือบมองเข้าไปในหน้าต่างฝั่งคนขับแล้วร้องอุทานเสียงดัง “ที่รัก ใครเอาของทั้งหมดนั่นมาไว้ในรถเธอน่ะ” ฉันเอียงคอขณะผละออกจากอ้อมกอด

“ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลยว่านายพูดถึงอะไร” ฉันหันกลับไปเปิดประตูรถแล้วชะโงกหน้าเข้าไปดู ก็เห็นธนบัตรใบละร้อยสองปึกวางอยู่บนเบาะผู้โดยสารในรถดอดจ์ชาร์จเจอร์ของฉัน “เชี่ยเอ๊ย” คำพูดของฉันหลุดออกจากปากอย่างแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน “นั่นมันทิปหนักน่าดูเลยนะ” “เป็นทิปที่เยอะที่สุดของฉันเลยต่างหาก” ฉันพูดตัดบทไคล์กลางประโยค ในที่สุดฉันก็กลับมาถึงบ้าน วันนี้รู้สึกเหมือนเป็นวันที่ยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมาหลังจากต้องตกเป็นเป้าสายตาอยู่ชั่วโมงกว่าๆ ฉันนึกว่าตัวเองจะอกแตกตายต่อหน้าเกรย์เสียแล้ว

แต่ก็โชคดีที่ฉันได้ทิปมาสองพันดอลลาร์จากการพูดคุยสั้นๆ แต่ยาวนานครั้งนั้น นั่นเป็นทิปที่มากที่สุดที่ฉันเคยได้ ปกติแล้วฉันจะได้ทิปแค่พันถึงพันห้าร้อยดอลลาร์จากพวกเจ้าพ่อที่มาในคืนวันอาทิตย์นั้น แต่ก็อย่าเข้าใจผิดนะ ทิปทั้งหมดที่ได้มารวมกันมันมากกว่าสองพันที่ได้ในคืนนี้เยอะ แต่ถ้าคิดแค่ครั้งเดียว นี่คือทิปที่เยอะที่สุดที่ฉันเคยได้ หลังจากเข้าบ้านและเก็บเงินใส่กล่องเหล็กนิรภัยเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดและทิ้งตัวลงนอนทันที ฉันเหนื่อยและหมดแรงมาก แค่อยากจะนอนเท่านั้น

วันต่อมาเป็นวันอาทิตย์ ฉันตื่นสายกว่าปกติแต่ก็ยังมีเวลาเหลือเฟือที่จะเตรียมตัวไปทำงาน เหมือนเช่นเคย ฉันอาบน้ำแล้วก็กินมื้อเช้า แต่แทนที่จะนอนอุดอู้อยู่ในห้องเฉยๆ จนกว่าจะถึงเวลาทำงาน ฉันตัดสินใจว่าจะออกไปใช้เงินปรนเปรอตัวเองสักหน่อย อาจจะเผื่อไคล์ด้วยถ้าเขาอยากมา บัญชีธนาคารของฉันกำลังไปได้สวยเลย ในนั้นมีเงินอยู่สี่แสนกว่าดอลลาร์จากทิปที่ได้มาจากพวกหัวหน้าแก๊งอาชญากรล้วนๆ ต้องขอบคุณพวกเขาที่มาหาฉันบ่อยๆ ตอนมีเวลาว่างตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่ฉันเริ่มทำงาน ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมพวกเขาถึงทำแบบนั้น แถมยังทุ่มทิปให้ฉันทีละเยอะๆ แต่ที่พูดได้ก็คือขอบคุณเท่านั้นแหละ เพราะฉันไม่มีวันบ่นเรื่องนี้แน่ๆ ขณะที่กำลังนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาพร้อมกับเปิดทีวีทิ้งไว้ ฉันก็หยิบมือถือขึ้นมาเพื่อส่งข้อความหาไคล์

แองเจิล - นี่ เจ้าคนขี้เซา ตื่นได้แล้วนะ ฉันอยากออกไปเที่ยวเล่นสักพักก่อนเราต้องไปทำงาน ไปด้วยกันไหม

ไคล์ - ไปดิ มีแผนอะไรล่ะจ๊ะ เบบี้เกิร์ล

แองเจิล - ฉันว่าเราไปชอปปิงกัน แล้วก็เที่ยวเล่นสักสองสามชั่วโมงฆ่าเวลา รอบนี้ฉันจ่ายเองทั้งหมดแน่นอน เรียกฉันว่าชูการ์มัมมี่ได้เลย ซี=

ไคล์ - ฮ่าๆๆๆ โอเค ในเมื่อเธอเป็นคนจ่าย งั้นเดี๋ยวฉันไปรับและเป็นสารถีให้เอง อีกชั่วโมงเจอกัน แล้วก็ช่วยแต่งตัวสวยๆ หน่อยเถอะนะ เธอสวยเกินกว่าจะออกไปข้างนอกในสภาพโทรมๆ แบบนั้น อวดโฉมให้เต็มที่ไปเลย ขอร้องล่ะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ!

ฉันหัวเราะแล้วโยนมือถือไปข้างๆ จากนั้นก็เดินเข้าห้องไปเลือกชุด ฉันไม่ได้เลือกชุดที่ดูเซ็กซี่เว่อร์วังอะไร แต่ก็เลือกชุดที่อยู่นอกคอมฟอร์ตโซนของตัวเองนิดหน่อย ฉันสวมชุดเดรสรัดรูปสีเขียวยาวคลุมเข่ากับรองเท้าส้นสูงสีเขียวเข้าชุดกัน ฉันทำผมทรงบันสองข้างสูงๆ เหมือนหางม้า ฉันจัดแต่งไรผมไม่เก่ง แต่ก็พยายามลองทำดู มันทำยากกว่าปกติ แถมผมของฉันยังหยิกอีก ยิ่งทำให้ไม่ใช่งานง่ายเลย

และสุดท้าย ฉันก็สวมทับด้วยแจ็กเกตยีนส์สีขาวน่ารักๆ ตัวเล็ก อย่างที่รู้กันว่าสูตรโกงของการแต่งตัวก็คือสีขาวเข้าได้กับทุกอย่าง ฉันฉีดน้ำหอมนิดหน่อยแล้วก็เดินออกไปข้างนอกพร้อมกุญแจกับมือถือ แล้วก็เห็นไคล์จอดรถรออยู่ตรงหน้าบันไดแล้ว ฉันโบกมือให้เขาขณะที่ค่อยๆ เดินลงบันไดสามชั้นอย่างระมัดระวัง การเดินบนส้นสูงนี่มันทรมานชะมัด ในที่สุดฉันก็ได้เข้าไปนั่งในที่นั่งข้างคนขับบนรถกระบะนิสสันปี 2019 ของไคล์ มันเป็นสีน้ำเงินและสวยมาก ไม่มีรอยขีดข่วนเลยสักนิด ดูราวกับเป็นรถใหม่เอี่ยมรุ่นล่าสุดทั้งที่ไม่ใช่

"โห จัดเต็มเลยนะเบบี้เค้ก ถ้ารู้ว่าธีมสีเขียวล่ะก็ เราคงได้ใส่ชุดเข้าคู่กันเหมือนเป็นแฟนกันจริงๆ ไปแล้ว" เขาพูดหยอกล้ออย่างอ่อนโยน ฉันแค่เอาไหล่กระแทกเขาเบาๆ อย่างหยอกล้อแล้วก็หัวเราะคิกคักตอนที่เขาถอยรถออกจากที่จอดรถของอพาร์ตเมนต์แล้วขับออกสู่ถนน "ไปไหนดี" "เราจะไปห้างกัน" ฉันยืนยันพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นมือของฉันก็เอื้อมไปที่วิทยุบนรถของเขา ไล่หาคลื่นไปเรื่อยๆ จนเจอสถานี 98.1 ฉันโยกตัวไปมาตามจังหวะเพลงที่เล่นขณะที่เราขับรถไปห้าง

บางครั้งไคล์ก็ร่วมวงด้วย ในที่สุดเราก็มาถึงห้าง ฉันยื่นเงินให้ไคล์ไปปึกหนึ่ง เป็นแบงก์ร้อยสองสามใบให้เขาไปใช้จ่ายส่วนตัว ฉันจะได้บริหารเงินในส่วนที่ตัวเองอยากใช้ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะใช้จ่ายเพื่อเขาไปเท่าไหร่ เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันมั่นใจว่าเขาจัดการเรื่องเงินของตัวเองได้

ตอนแรกเราแวะร้านสไตล์กรันจ์ในห้างก่อน ฉันอยากจะซื้อของเพิ่มสำหรับลุคกรันจ์ที่กำลังอินอยู่ ฉันซื้อรองเท้าแพลตฟอร์มมาได้สองคู่ เดรสอีกสองสามชุดที่เข้ากัน แล้วก็โชกเกอร์อีกหนึ่งเส้น

ฉันให้ไคล์ช่วยเลือกเดรส ให้เขาช่วยออกความเห็นว่าชุดไหนน่ารักไม่น่ารักและจะดูดีถ้าอยู่บนตัวฉัน เขาก็ยินดีช่วยอย่างเต็มใจ จากนั้นเราก็แวะร้านอื่นๆ อีกสองสามร้านและซื้อเสื้อผ้ามาอีกนิดหน่อย สุดท้าย เราแวะที่ร้านวิกตอเรียส์ซีเคร็ต แต่คราวนี้ไคล์ตัดสินใจรออยู่หน้าร้านแทน ฉันเดินเข้าไปแล้วเริ่มมองหาชุดชั้นในที่คิดว่าน่ารัก ฉันเจอชุดสีชมพูและสีเขียวที่ถูกใจและตัดสินใจซื้อมัน มันแพงหูฉี่เหมือนเคย โชคดีที่ฉันมีเงินจ่าย ตอนนี้หนึ่งทุ่มแล้ว และเราต้องไปถึงที่ทำงานภายในหนึ่งชั่วโมง

ฉันเริ่มรู้สึกไม่อยากไปทำงานขึ้นมาเพราะรู้ว่าจะต้องเจออะไรในคืนนี้ แต่แน่นอนว่าไคล์ก็คอยให้กำลังใจและบอกให้ฉันมองในแง่ดี ไม่ใช่ไปจดจ่อกับส่วนที่ต้องคอยบริการพวกเจ้าพ่อกับหัวหน้าแก๊งในคืนนี้ คำพูดให้กำลังใจของเขาช่วยฉันได้มาก มันทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น

บทก่อนหน้า
บทถัดไป