บทที่ 3 พรหมลิขิต
หลายวันผ่านไป
โรงเรียนเอกชนชื่อดัง
“ว่าไงเธียรที่ให้วาดให้เสร็จมั้ย”
“แค่นี้เอง นี่ไง”
“ฝีมือดีเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่รับเป็นลูกศิษย์”
“หนูต้องขอบคุณครูมากนะคะ ที่สอนวิชาความรู้ให้ ถ้าไม่มีครูเธียรคงแย่” เด็กสาวในชุดนักเรียน ม. ปลาย ถักเปียสองข้างหน้าตาน่ารักสดใสสมวัย
“เสียดายที่เธียรน่าจะได้เรียนที่นี่ แต่ไม่เป็นไรคนมีพรสวรรค์อย่างเราเรียนที่ไหนมันก็เหมือนกัน” ครูหนุ่มใหญ่วัย 40 ต้น ๆ เป็นอีกคนที่คอยช่วยเหลือเด็กสาว ช่วยสอนศิลปะหางานให้ทำและวันนี้เพราะที่โรงเรียนที่ตัวเองสอนมีงานกิจกรรมแต่กลับไม่มีเวลา เลยไหว้วานเด็กสาวให้มาช่วย
อุตส่าห์ไปขออนุญาตโรงเรียนวัดต้นสังกัดมาทำงานช่วยทั้งวัน เย็นนี้เห็นทีต้องเลี้ยงขนมเด็กสาวที่ครูเองก็รักและเอ็นดูไม่ต่างจากลูกสาวคนหนึ่ง
“งั้นไปกินขนมกันครูพาไปเลี้ยง”
“เย่ ๆ ๆ ๆ ๆ” เหล่าเด็กนักเรียนที่มาช่วยงานต่างโห่ร้องด้วยความดีใจ เพราะนานที ปีครั้งคุณครูจะพาไปเลี้ยง วันนี้ถือเป็นลาภปากต้องยกความดีให้ ธีรดาที่ขยันทำงานจนเสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
“แต่เดินไปนะ ครูไม่มีรถ” พอได้ยินครูพูดแบบนั้นเหล่าเด็กซน ต่างพากันบ่นกันใหญ่ แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาเมื่อรู้พิกัดร้านรีบเก็บกระเป๋าสัมภาระวิ่งแข่งกันให้วุ่นใครถึงก่อนเป็นผู้ชนะ
จะมีก็แต่เธียรที่เดินพูดคุยถามนั่นนี่กับครูเพื่อหาความรู้ใส่ตัว
“ครับว่างครับ ตอนนี้ผมอยู่หน้าโรงเรียนกำลังจะพาเด็กนักเรียนไปเลี้ยงขนม”
“ครับ ๆ งั้นเจอกันที่ร้านครับคุณปรมินทร์”
“วันนี้ได้กินกันพุงกางแน่ มีคนใจดีจะเลี้ยง” เสียงทุ้มนุ่มอบอุ่นพูดกับสาวน้อยหลังจากที่เพิ่งจะคุยสายกับประธานหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ขนาดเรียนยังไม่จบเขายังสามารถขึ้นนั่งแท่นบริหารงานแทนพ่อได้ ความสามารถคงไม่ต้องพูดถึงว่าจะเก่งระดับไหน
และที่เขาโทรมาคือต้องการจะปรึกษา อยากให้ครูหนุ่มใหญ่ช่วยเป็นกรรมการตัดสินงานออกแบบดิไซน์เครื่องเพชรที่กำลังจะถูกจัดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้า
“ปรมินทร์ ชื่อเพราะจังค่ะ เขาเป็นใครเหรอทำไมครูดูเกรงใจเขาจัง” เด็กสาวมองหน้าครูอย่างสงสัย
“เรานี่มันขี้สงสัยตั้งแต่เด็กจนโตจริง ๆ”
“เด็กขี้สงสัยคือเด็กฉลาดครูบอกแบบนี้” รอยยิ้มที่สดใสเหมือนไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนใจ พลอยทำคนเห็นที่เห็นต้องยิ้มตามและมีความสุขไปด้วย
ร้านXXX
“ทางนี้ครับคุณปรมินทร์” ครูประสิทธิ์ เรียกชื่อชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี ทันทีที่เขาก้าวขาเข้ามาในร้าน เหล่าบรรดาเด็กนักเรียนสาว ๆ ต่างมองอ้าปากค้างรวมถึงเธียร ที่ยังจำเจ้าของใบหน้าหล่อเสียงดุแววตาเย็นชาคู่นั้นได้เป็นอย่างดี
“……” พาร์ทปรายตามองเธียรที่ส่งยิ้มทักทายแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินไปนั่งข้าง ๆ ครูประสิทธิ์ เธอก็อยากจะทักทายแต่ดูจากหน้าเขาที่เคร่งขรึม ท่าทางหยิ่งยโส เธียรก็ได้แต่แอบมองแล้วก็ยิ้มให้
ระหว่างที่ครูคุยงานเธียรก็เอาแต่นั่งจ้องหน้าหล่อ ๆ ไม่กะพริบตา พอเวลาเขามองมาเธอก็แกล้งมองไปทางอื่น แต่ว่าก็ว่าเถอะยิ่งมองใกล้ ๆ เขายิ่งหล่อ
“พี่พาร์ท” เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมคนตัวเล็ก หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาทัก ทำเอาเธียรถึงกับหน้าเปลี่ยนสี นี่เขามีแฟนแล้วเหรอ หมดกันพรหมลิขิตของเธออุตส่าห์ได้มาเจอกันอีกครั้ง
“โมจิ มากับใคร” ยิ่งเห็นรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่น หัวใจดวงน้อย ๆ มันก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาทันที
“โมจิ! ทำไมไม่รอเราขาก็สั้นตัวก็เตี้ยเดินเร็วจังวะ” พร้อมกับเด็กผู้ชายรุ่นเดียวกับเธอเพราะเขาใส่ชุดนักเรียน ม. ปลายแต่เป็นโรงเรียนชื่อดัง ที่เธอเคยฝันที่อยากจะไปเรียนแต่ก็ไม่มีปัญญา
ฟอด!!!
“นี่คือการทำโทษที่เดินหนีขุนศึก มาด้วยกันโมจิจะปล่อยให้ขุนศึกเดินคนเดียวไม่ได้นะรู้มั้ย” เด็กหนุ่มเดินเข้าไปกอดคอ หอมแก้มเธอหนัก ๆ โดยไม่แคร์สายตาคนอื่นที่กำลังมอง
…งั้นก็แสดงว่าพี่ผู้หญิงคนสวยไม่ใช่แฟนพี่เขาสิ พาร์ทเหรอ ใช่เมื่อกี้พี่คนสวยเรียกพี่เขาว่าพาร์ท...
เธียรได้แต่นั่งมองหน้าพาร์ทแล้วเอาแต่พูดเพ้อยิ้มคนเดียวในใจ วาดฝันไปต่าง ๆ นานา เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยปลื้มใครมากเท่าเขามาก่อน
“ขุนศึก อีกแล้วนะ ทำไมชอบหอมแก้มโมจิ” โมจิมองค้อนคนขี้แกล้งที่ตอนนี้นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ส่งสายตาเล็กตาน้อยให้เธียร
“เราชื่อขุนศึก ตัวเองชื่ออะไรมีใครบอกมั้ยว่าตัวเองน่ารักมาก มีแฟนยังสนใจเป็นแฟนกับเรามั้ย”
“หรือถ้าไม่อยากเป็นแฟนเราพร้อมจะให้แม่ไปขอสินสอดเท่าไรว่ามาพ่อเรารวย!”
“…..” เธียรได้ยินแบบนั้นถึงกับยิ้มแห้ง ก้มหน้าก้มตากินเค้กชิ้นโตโดยไม่สนใจใคร แล้วยิ่งแทบจะหยุดหายใจเมื่อขุนศึก รุกหนักเดินมานั่งใกล้ ๆ แล้วยิ่งสายตาเย็นชาคู่นั้นมองมาที มันทำให้เสียความเป็นตัวเองไปโดยไม่รู้ตัว
“ขุนศึก เดี๋ยวเถอะน้องกลัวนายเห็นมั้ยขยับออกมา”
เพียะ!
โมจิฟาดฝ่ามือตีแขนน้องชายอย่างแรง
“น้องไม่ต้องกลัว พี่ชื่อโมจิเป็นน้องสาวพี่พาร์ท ส่วนคนนี้ชื่อขุนศึกน้องชายพี่เอง ขุนศึกก็แบบนี้ ไม่ต้องไปสนใจเห็นใครน่ารักหน่อยเป็นไม่ได้” โมจิยิ้มให้เธียรอย่างเป็นมิตร
แต่มันต้องดีใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำว่าน้องสาวไม่ใช่แฟนเขาอย่างที่เธอคิด เฮ้อ นึกว่าต้องอกหักเสียแล้วเพิ่งจะแอบปลื้มได้ไม่กี่วันเองแท้ ๆ แต่พอได้ยินแบบนี้มันก็ยิ้มได้ทันที
ส่วนคนหน้าขรึมไม่ได้สนใจเธอสักนิดที่เขามองคือมองปรามน้องชายเขาที่มันกะล่อน สมแล้วที่โตมากับยัยญี่ปุ่นตัวแสบ
“ตัวเองไม่ต้องมาพูดเลยโมจิ หึงเขาสิไม่ว่า ป้อนหน่อยวันนี้เล่นบาส เจ็บมือกินเองไม่ได้” ส่วนคนกะล่อนพอถูกพี่ ๆ ดุก็เปลี่ยนที่นั่งมานั่งข้างโมจิ เอียงหน้าถูแขนพูดเสียงอ่อนเสียงหวานใครไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องกันยังไงก็ต้องบอกว่าเป็นแฟนกัน
ส่วนโมจิก็ได้แต่ถอนหายใจ คงเพราะพี่สาวเธอชอบวอแวภูผา ตัวเองเลยต้องมาเจอกับขุนศึกที่ตอนนี้ทำตัวติดไม่ว่าจะเดินไปไหนขุนศึกก็ต้องตามไปทุกที่ เหตุจากที่หวงพี่สาว กลัวมีคนมาจีบ
“กลับก่อนนะคนสวย เสียดายที่แฟนเขาหวงไว้แฟนเผลอเจอกันครับ” ขุนศึกทำตาใสแป๋วใส่ก่อนจะเดินโอบไหล่โมจิเดินออกจากร้าน ที่บังเอิญมานั่งที่ร้านประจำแล้วมาเจอพี่ชายเข้าพอดี
ส่วนเธียรไม่ได้สนใจในคำพูดขุนศึกสักนิด กลับเอาแต่มองพาร์ท ที่คุยกับครู มองเขาแล้วก็ยิ้ม พอเขามองมาก็ทำเป็นมองไปทางอื่น
“งั้นเอาเป็นว่าครูตกลงที่จะช่วยผม ไว้ผมจะให้คนของอากันต์จัดการทุกอย่างให้ ถ้าครูขาดเหลืออะไรก็บอกได้” พาร์ท ลุกขึ้นปรายตามองเธียรอย่างเอือมระอาที่เธอเอาแต่มองหน้าเขาแล้วก็เอาแต่ยิ้ม
ก่อนจะเดินออกไปจากร้าน เธียรได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปตาละห้อย
“เทพบุตรซาตาน” ปากเล็กพูดบ่นหมุบหมิบเขาจะรู้ไหมนะว่าตั้งแต่วันนั้นเธอก็เหมือนคนบ้านอนกอดเสื้อ ฝันถึงผู้ชายแปลกหน้าที่ช่วยเธอไว้
เขาเปรียบเหมือนพรหมลิขิตสำหรับเธอ แต่เธอกลับเป็นความหงุดหงิดรำคาญใจสำหรับเขา เพราะในใจเขาตอนนี้มันมีแค่ฟองเบียร์น้องสาวที่เขารักมาตั้งแต่เด็กและไม่คิดที่จะรักใครอีกแล้ว
