บทที่ 4 รักแรกพบ
…. เธียร…..
ไม่รู้ว่าเป็นอะไร คล้าย ๆ โลกมันเปลี่ยนไป
มองไปทางไหน สวยงามกว่าเคยทุกครั้ง
ทางโน้นก็ดูแปลกไป หัวเราะได้จนสุดทาง
โลกช่างสดใสทั้งวัน
“คิ้ว หู ตา จมูก ปาก”
“คนอะไรหล่อไม่มีที่ติ”
“พี่พาร์ท พี่พาร์ท พี่พาร์ทของน้องเธียร” ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรเหมือนกัน ถึงได้กลายเป็นคนบ้าถึงขนาดเก็บเอามาฝัน ลุกขึ้นหยิบดินสอมาวาดภาพ ผู้ชายที่แทบจะไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ นี่ไหมนะเขาเรียกรักแรกพบ
“จะมองมุม ซ้ายก็หล่อ ขวาก็หล่อ จะมุมข้าง ๆ ด้านหน้า ด้านหลัง อร๊าย ๆ ๆ ๆ ๆ กรี๊ดดดดด คนหล่อ”
…ธีรดาพูดยิ้มคนเดียวมองภาพชายหนุ่มในฝันที่เธอลงมือวาดขึ้นมา ไม่ว่าจะมองภาพนี้ทีไรมันก็ทำให้หัวใจดวงน้อย ๆ พองโต
“ทำยังไงนะหนูถึงจะได้เจอพี่อีก” เฮ้อ แต่ก็คงได้แค่แอบฝัน คนที่มีพร้อมทุกอย่างแบบนั้น เขาคงจะมาสนใจเด็กข้างถนนอย่างเธอ ธีรดา แต่ใครสนกันล่ะ การรักใครสักคนมันไม่ได้จำกัดว่าต้องได้เขามาครองแค่ได้แอบมองและแอบรักมันก็สุขใจ
ก็เหมือนเวลาเราดูซีรีส์แล้วเห็นพระเอกหล่อ ๆ ใครถูกใจก็มโนว่าเขาคือแฟนเรา ความสุขมันอยู่ที่เราต่างหาก แต่ตอนนี้เธอควรตื่นจากฝันยัยบ๊องแล้วอาบน้ำไปทำงานได้แล้ว ไม่ได้บอกใครนะฉันบอกกับตัวเองนี่แหละ
วันนี้เป็นวันเสาร์ ทุกวันหยุดต้องไปเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้าน MK ที่ห้างดีที่ผู้จัดการเขารับเด็กที่ไม่ถึง 18 เข้าทำงาน เด็กก็ทำงานได้นะ ขอแค่ได้เงิน
“แล้วเจอกันนะคะพี่พาร์ท” หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ไม่ลืมที่จะจุ๊บแก้มคนในภาพเพื่อจะได้มีแรงทำงาน
ตอนนี้ก็ 07.00 น. กว่าจะไปถึงก็เวลาทำงานพอดี ก็คงต้องนั่งรถเมล์ไป ขึ้นแท็กซี่แพงก็แพงแบบนี้ประหยัดกว่ากันเยอะ ถึงจะต้องตื่นเช้าหน่อยแต่เธียรไหว แค่นี่เอง
อีกแค่ 5 เดือนก็จะครบ 18 ปี ถึงเวลานั้นก็ทำงานได้หลายอย่างขอแค่ขยัน แค่นั้นก็ไม่อดตายแล้ว
“มีงานก็มีเงิน อยากมีเงินก็ต้องทำงาน” นี่คือสิ่งที่ท่องทุกวัน คนเราเกิดมาต่างกัน แค่ได้เกิดมาเป็นคนก็บุญเท่าไรแล้ว ใครจะดูถูกก็ช่างเราไม่ได้ไปขอเขากิน
หลายครั้งที่เพื่อน ๆ ชอบพูดดูถูก ลูกไม่มีพ่อไม่มีบ้างละ เด็กข้างถนนบ้างละ แล้วไงก็มันจริงอย่างที่เขาว่าแต่ฉันก็ไม่เคยโกรธนะ แค่คิดว่ามันคือแรงผลักดันทำให้มีความเข้มแข็งกว่าคนอื่น คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เราเลือกที่จะเป็นได้ เก็บเอาคำดูถูกมาเป็นแรงใจ คอยหมั่นเติมพลังให้ตัวเองอยู่ตลอดแค่นี้ก็พอแล้ว
เราห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้แต่เราห้ามความคิดตัวเองได้ ห้ามท้อ ห้ามหมดหวังเราต้องทำให้ได้แค่นั้นพอ
“สวัสดีค่ะ” สองมือยกมือไหว้พี่นงนุช ผู้จัดการใจดีที่รับเข้าทำงาน
“มาแต่เช้าทุกวันเลยนะ อีกตั้ง 20 นาทีกว่าร้านจะเปิด” พี่นุชพูดยิ้ม ๆ
“วันนี้รถไม่ติดค่ะ เธียรไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ” ฉันยิ้มให้พี่เขา เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กว่าร้านจะเปิดก็ไม่มีอะไรทำก็ปัดกวาดถูพื้นรอ ดีกว่าอยู่เฉย ๆ
“วันนี้คนเยอะ เหนื่อยหน่อยนะ”
“แค่นี้เองสบายมากเธียรไหว” ปากบอกไหวแต่คือท้องมันบอกว่าหิวข้าว เมื่อเช้ามัวแต่เพ้อถึงพี่พาร์ท ลืมกินข้าวก่อนออกมาแล้วของกินที่นี่แพงจะตาย อดทนไว้เธียรเดี๋ยวพักเที่ยงได้กินข้าวร้านข้างทางที่ทั้งถูกและอร่อยแล้ว
“เธียรเป็นอะไร หน้าซีด ๆ นะ” พี่พนักงานเดินเข้ามาถาม
“เปล่าคะ เธียรแค่มึน ๆ คนเยอะ” แต่วันนี้คนเยอะจริงนะ พูดจบก็รีบเดินเอาของไปเสิร์ฟ ตั้งแต่เช้ามาเดินไปกลับ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ได้แล้วมั้ง
“พี่พาร์ท เร็วญี่ปุ่นหิวแล้วนะตั้งแต่เช้ามายังไม่ได้กินอะไรเลยนะ”
“โมจิเดินเร็วได้มั้ย”
“ภูผา ทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย”
“ส่วนนาย ขุนศึกถอยออกมาห่าง ๆ น้องสาวฉัน”
พอได้ยินชื่อพี่พาร์ทฉันหันขวับคอแทบหัก เป็นเขาจริง ๆ ด้วย ตัวจริงเสียงจริง เขาเดินมากับพี่ผู้หญิงคนนั้นที่เจอกันเมื่อวันก่อน กับผู้ชายที่กวน ๆ กับผู้ชายอีกคนที่เหมือนเขาเลยดูนิ่ง ๆ ขรึม ๆ ส่วนผู้หญิงที่ควงแขนพี่เขาเข้ามาเธอดูสวยแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ด เสื้อเกาะอกเอวลอย กางเกงยีนเอวสูงเธอดูสวยมาก ได้แต่มองตามพี่พาร์ทตาละห้อย เหมือนหมามองเครื่องบินเลยฉัน
“รับอะไรดีคะ” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เดินเข้าไปพูดยิ้ม เพราะนี่มันคือหน้าที่ของพนักงานเสิร์ฟอย่างฉัน แต่ตาเจ้ากรรมมันก็ได้แต่แอบมองพี่เขาอยู่ได้ คนอะไรหล่อไม่เว้นวันหยุดราชการ
“คนน่ารัก นี่เองนึกว่าใคร” เป็นผู้ชายคนนั้นที่ชื่ออะไรนะ เขาชื่อขุนศึกใช่น่าจะชื่อนี้พูดขึ้น
“เอาอันนี้ อันนี้ อันนี้ แล้วก็อันนี้ค่ะ” เป็นผู้หญิงที่แต่งตัวแซ่บ ๆ สั่ง
“ภูผาตัวเองกินอะไรญี่ปุ่นสั่งให้” แล้วหันไปพูดยิ้มกับผู้ชายอีกคน แบบนี้เธอก็ไม่ใช่แฟนพี่พาร์ทสิ แต่เธอจะดีใจอะไรธีรดา ถึงเขาจะไม่ใช่แฟนกันเขาก็ไม่มองเธอหรอก นี่ขนาดส่งยิ้มให้ขนาดนี้เขายังทำเหมือนเธอเป็นแค่ธาตุอากาศ เฮ้อ คงเป็นได้แค่เทพบุตรในฝันเพราะตัวจริงเขาคือซาตาน ชอบฆ่าคนด้วยสายตา
“โมจิล่ะกินอะไร” ผู้ชายที่ชื่อขุนศึกพูดขึ้นแต่เขายังส่งยิ้มให้ ก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ให้ไปมันไม่ได้เขินนะแต่มันแปลก ๆ เขาดูกะล่อนมากผู้ชายคนนี้
“พี่สั่งไปเยอะแล้วโมจิไม่เอาอะไรแล้วค่ะ”
“งั้นเอาแค่นี้”
แล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้งก่อนจะเดินกลับเข้าครัว ฮื่อ พี่พาร์ทไม่แม้แต่จะมองมาเลย อยากร้องดัง ๆ แต่ไม่เป็นไรแค่ได้ปลื้มได้แอบมองเขาแบบนี้ก็ดีใจแล้ว
“คนอะไร แค่นั่งเฉย ๆ ยังหล่อ” ระหว่างที่รับออร์เดอร์ลูกค้าอีกโต๊ะ ก็ได้แต่แอบมองพี่เขาที่พูดยิ้มอยู่กับใครไม่รู้พี่น้องเขาแหละ
“อึก” แต่พอเขามองมามันก็ต้องตกใจ รีบตีเนียนทำเป็นว่าไม่ได้มอง แต่จะทันไหมไม่รู้ เนียน ๆ เข้าไว้ อย่าไปมอง อย่าไปแสดงออกว่าเธอชอบเขา
“แต่เขาหล่อจริงนะ” อีตาบ้าจะมองเขาอะไรหนักหนา เหมือนคนบ้าแล้วตอนนี้ด่าตัวเองในใจ
“พอ ๆ ๆ ๆ เลิกมองเลิกคิดทำงาน ทำงาน ทำงานเธียร” พอดึงสติกลับมาได้สองขาก็รีบเดินเอา ออร์เดอร์ลูกค้าไปส่ง
“น้องระวัง!!!!”
โครม!!!
เพล้ง!!!
“อัก อึก”
“ฮื่อ ฮื่อ เจ็บ เจ็บ”
“ว้าย ตายแล้วใบเตยลูกแม่!!!”
ระหว่างที่กำลังจะเดินเอาบิลออร์เดอร์ไปส่ง สายตามองไปเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กกำลังยืนอยู่หน้าป้ายร้าน และเหมือนป้ายมันจะล้ม สองขารีบวิ่งเข้าไปคว้าตัวน้องออกมา แต่ด้วยขาที่สั้นน้องไม่เป็นไรแต่ป้ายมันทับขาฉันเต็ม ๆ
“ฮื่อ เจ็บ เจ็บ”
“พาน้องไปหาหมอก่อนค่ะ ต้องขอโทษจริง” ตอนที่วิ่งเข้าไปช่วยน้องคงจะพุ่งเข้าไปแรงเกินไปหัวน้องเลยกระแทกพื้นดีนะที่ไม่แตก
แต่ตอนนี้มันปวดที่ข้อเท้ามาก ได้ยินแค่เสียงพี่นุชที่ขอโทษพ่อแม่เด็ก ในร้านก็วุ่นวายคงจะตกใจเพราะเสียงป้ายล้มมันดังมาก
“พะ...พี่นุช ชะ...ช่วย”
“…..”
