บทที่ 7 ขาดสติ

“ลุง ตามภูพิงค์มาทำไมอีกเนี่ย!” ภูพิงค์ทำหน้าบึ้งตึงเมื่อเห็นใครบางคนยืนรออยู่หน้าบ้านหลังจากที่คุยกับคนในบ้านเสร็จ

“บอกว่าเรียก อา ไม่งั้นก็พี่” ร่างสูงเดินตรงเข้าไปหาคนตัวเล็กอย่างเอาเรื่อง

“เรียกพี่บ้าอะไรลุงอายุน้อยกว่าพ่อนิดเดียวเอง” เด็กสาวทำจมูกย่นใส่

“พาร์ทมีธุระก็ไปเถอะ เดี๋ยวอาพาตัวแสบกลับเอง”

“ครับ” พาร์ทได้แต่ยิ้มก่อนจะเดินไปขึ้นรถ

“ขึ้นรถ หรือจะให้อุ้ม”

“ไม่ต้องหนูเดินเองได้ หมอโรคจิต!” ภูพิงค์เอียงตัวหนี เดินหน้างอไปขึ้นรถกับคุณอาหนุ่มที่ได้แต่มองตามแล้วยิ้ม ยิ่งเห็นหลานตัวน้อยทำหน้างอเขาก็ยิ่งหลงเธอขึ้นทุกวัน

“ทำไมต้องนึกถึงเด็กบ้านั่นด้วย” แต่พอเห็นสายฝนที่กระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย มันพลันให้นึกถึงคนตัวเล็กในชุดนักเรียนเดินกลับบ้านไปก่อนหน้านี้ไม่กี่นาที

“…….”  พาร์ทถอนหายใจอย่างหนักอก ทำไมต้องมาเจอแต่เรื่องวุ่น ๆ ทั้ง ๆ ที่หนีมาพักใจแต่ตั้งแต่เจอกับธีรดา กลับยิ่งทำให้เขาเหนื่อยและวุ่นวายเป็นเท่าตัว

แต่ถึงจะคิดแบบนั้นรถกลับวิ่งไปอีกฝั่ง ซึ่งไม่ใช่ทางกลับคอนโดแต่กลับวิ่งไปทางห้องเช่าของเด็กสาว

ซ่า ซ่า

ฝนยังคงกระหน่ำตกไม่ขาดสาย คนตัวเล็กที่ยังคงนั่งกอดเข่าเอามือปิดหูเมื่อสายฟ้าฟาดลงมา

เปรี้ยง!!

“ฮื่อ แม่ แม่จ๋าเธียรกลัว” ธีรดาร้องไห้แข่งกับสายฝน ไม่ยอมลุกไปไหน ร่างเล็กสั่นเทาด้วยความเหน็บหนาว บวกกับกลัวเสียงฟ้าที่ฟาดลงมาเป็นระลอก ทำให้เธอกลัวจนขาดสติ

ปรี๊ด ปรี๊ดดดดด

แสงไฟส่องใส่คนตัวเล็กที่ยังคงเอาแต่ร้องไห้ ก่อนรถหรูจะจอดพร้อมร่างสูงในชุดสูทจะก้าวลงจากรถในมือถือร่มคันใหญ่

“เธียร!!” เสียงเข้มตะโกนเรียกชื่อเด็กสาวแข่งกับฝน เขาที่ขับรถคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแต่ต้องตกใจเมื่อเห็นใครบางคนที่คุ้นตานั่งเปียกฝนอยู่ข้างฟุตพาท

“แม่จ๋าหนูกลัว”

เปรี้ยง!!

เมื่อได้ยินเสียงสายฟ้าฟาดร่างเล็กก็ยิ่งสั่นสะท้านร้องไห้หนักกว่าเดิม

“เธียร หยุดร้องขึ้นรถ” พาร์ท พยายามใจเย็นเมื่อเห็นเด็กสาวตื่นกลัว มือหนาค่อย ๆ เอื้อมจับแขนเรียวให้ลุกขึ้น

“อึก” เธียรเอาแต่ร้องไห้เนื้อตัวเปียกปอน สะอื้นไห้มองหน้าคนตัวโตตรงหน้า ผู้ชายที่เธอหลงรักเขาตั้งแต่แรกเจอ

“ขึ้นรถมาทำอะไรอยู่ตรงนี้!” ถึงจะหงุดหงิดอยู่บ้างเพราะไม่ชอบเสียงร้องไห้ แต่เห็นเธอร้องไห้แบบนี้เขาก็ไม่ได้เป็นคนใจยักษ์ถึงขนาดจะดุด่าเธอได้ลง

“อึก” เธียรยังคงเอาแต่ร้องไห้สะอื้นตัวสั่น แต่ก็ยอมเดินไปขึ้นรถอย่างว่าง่าย

บนรถ

“อึก” ชายหนุ่มถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นรูปร่างอรชรที่เสื้อนักเรียนมันเปียกฝน ทำให้เห็นทรวดทรงที่อยู่ใต้ร่มผ้า ชุดชั้นในสีดำที่เธอใส่อย่างชัดเจน

“ฮึก ฮื่อ” ส่วนเธียรยังคงเอาแต่ร้องไห้ตัวสั่น เธอเหมือนคนไม่ได้สติตกใจกลัวอะไรบางอย่าง เพราะเอาแต่นึกถึงวันที่พ่อแม่จากไป

“หยุดร้องแล้วคาดเข็มขัดเดี๋ยวไปส่ง” พาร์ทพูดอย่างไม่สบอารมณ์ จะให้ปลอบก็ปลอบไม่เป็นเพราะนอกจากน้องสาวก็ไม่เคยพูดปลอบใคร เลยเก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาเมื่อคนตัวเล็กตรงหน้าเอาแต่ร้องไห้

พรึบ!!

“บอกให้หยุดร้องรำคาญ” เขาพูดเอ็ดพร้อมกับถอดเสื้อคลุมร่างเล็กที่สั่นสะท้าน ยืดตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้เมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่ร้องไห้

ตึก!!

แต่สายรัดมันกลับติดดึงเท่าไรก็ดึงไม่ออก ทำให้เขาต้องปลดล็อกฝั่งของตัวเองพร้อมยืดตัวเอื้อมมือไปดึงอีกฝั่ง

“อึก” แต่ต้องชะงักเมื่อปลายจมูกโด่ง ดันไปสัมผัสเข้ากับแก้มนุ่ม ๆ ที่เปียกปอนไปด้วยน้ำตา

ดวงตากลมโตเบิกกว้างเธอหยุดร้องไห้อย่างอัตโนมัติ สองสายตาจดจ้องมองกัน จ้องลึกเข้าไปข้างในที่มันมีแต่ความว่างเปล่า

“อุ๊บ” ดวงตากลมโตคู่นั้นเบิกกว้างเป็นเท่าตัว เมื่อกลีบปากอุ่นแตะลงที่ริมฝีปากบางที่เย็นเฉียบ สั่นระริกด้วยความหนาวจากสายฝนที่โปรยปราย

“พะ...พี่” เด็กสาวพูดเสียงอู้อี้สองมือดันแผงอกแกร่ง เมื่อคนตัวโตบดจูบขยี้ริมฝีปากเธออย่างหนักหน่วง เขาดูดเม้มริมฝีปากบนสลับล่างจะว่าอ่อนโยนมันก็ไม่ใช่แต่จะว่ารุนแรงมันก็ไม่เชิงเพราะนี่คือจูบแรกของทั้งเขาและเธอ

เสียงฝนโปรยปรายตกกระทบต่อเนื่อง ท่ามกลางบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติก คนตัวโตยังคงจูบดูดเม้มริมฝีปากบางอย่างไม่ได้สติ

ต่างจากคนตัวเล็กที่ได้สติกลับคืนมาและพยายามผลักตัวอีกฝ่ายออก แต่ยิ่งเธอผลักเขาก็ยิ่งบดจูบแรงกว่าเดิม

“ฮื่อ” เธียรได้แต่ร้องท้วงในลำคอ เมื่อฝ่ามือหนาเอื้อมมาจับ

บีบล็อกท้ายทอยเธอไว้แน่น สอดแทรกเรียวลิ้นร้อนที่เข้ามาสำรวจภายในโพรงปากเล็ก ควานหาความหวานอย่างเผลอตัว

“ฮื่อ”

ตุบ ตุบ

กำปั้นน้อย ๆ เริ่มทำงานทุบแผ่นหลังกว้างเมื่อเขาดูดดึงลิ้นเล็กอย่างหื่นกระหาย

“ฟองเบียร์ พะ...พี่ ระ” ก่อนทุกอย่างจะหยุดเมื่อพาร์ทได้สติ เพราะนึกว่าตัวเองกำลังทำกับคนที่ตัวเองรัก

“……” เธียรได้แต่มองหน้าคนตรงหน้าอย่างหวาดกลัว เพราะเมื่อกี้เขาเกือบจะล่วงเกินเธอไปแล้ว

“…..” ส่วนพาร์ทเองก็ได้แต่เงียบไม่รู้ว่าทำไมถึงขาดสติได้ขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

“อึก ฮึก” เธียรยังสะอื้นไห้เบา ๆ ตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น

“หยุดร้องเธอรู้มั้ยมันน่ารำคาญ” ชายหนุ่มพูดเสียงดุก่อนจะขับไปส่งคนตัวเล็กที่สะอื้น อึก อึก เป็นระลอก

“….” เมื่อเห็นเขาดุคนตัวเล็กก็ได้แต่นั่งตัวสั่น ทั้งหนาวทั้งกลัว มือบางยกขึ้นมาปิดปากไม่ให้มีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกไป

“…...ฉันไม่ฆ่าเธอหรอก หยุดร้องขอโทษที่…” พาร์ทพ่นหายใจแรงอย่างหงุดหงิด เขาเอ่ยขอโทษที่ทำอะไรขาดสติสายตาคู่ดุดันมองไปยังริมฝีปากที่ยังคงสั่นระริก ก่อนจะรีบขับรถออกไปเพราะคนตัวเล็กข้าง ๆ อาการไม่ค่อยจะสู้ดี

ห้องเช่า

“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า” เขาสั่งเสียงแข็ง

“…..” เด็กสาวได้แต่พยักหน้าหงึก ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินขึ้นห้อง

“ทำไมฉันต้อง เฮ้อ” พาร์ทบ่นพึมพำมองคนตัวเล็กที่เดินตัวสั่นขึ้นห้อง แล้วมันต้องหงุดหงิด มันหงุดหงิดทุกอย่างที่เป็นเธอ

2 เดือนผ่านไป

“ยิ้มอะไรของเธออยู่ได้ น่ารำคาญ” เสียงดุ ดุแบบนี้มีอยู่คนเดียว

“หนูแค่ยิ้ม ยิ้มไม่ได้เหรอ?”

“ก็พี่หล่อ หนูชอบพี่เลยอยากมอง มองแค่นี้ก็ต้องดุ”

เธียรตอบกวน ๆ เพราะวันนี้ครูให้มาช่วยงานเลยได้มีโอกาสเจอชายในฝัน แต่แค่แอบมองแล้วยิ้มให้ก็ต้องมาดุ เห็นว่าหล่อหรอกถึงมอง แต่เด็กสาวก็ได้แต่บ่นในใจ

ที่จริงเธอก็มีโอกาสได้ใกล้เขาบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็เป็นต้องเจอ แต่ไม่รู้ว่าควรดีใจที่ได้เจอคนที่ตัวเองแอบรักอยู่บ่อย ๆ หรือจะร้องไห้เพราะเจอเขาเมื่อไหร่ ต้องเกิดเรื่องเป็นอันทำงานไม่ได้เงินทุกที

เฮ้อ ธีรดาถอนหายใจเมื่อนึกถึงเรื่องเงินนี่ก็อีกไม่กี่เดือนจะถึงวันเกิดแล้วจะเรียนจบแต่ยังไม่มีเงินไว้ไปสมัครเรียนเลย

“จะว่าไปเธอก็บ้า นะเธียร เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวเศร้า” ปากเล็กบ่นงึมงำเดินกลับไปทำงานที่ครูสั่ง ถ้าครูกลับมาไม่เสร็จมีหวังไม่ได้เงินแน่

“พี่พาร์ทคะ” คนตัวเล็กเดินเข้าไปหาคนหน้าดุที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เพราะมันเป็นงานที่ต้องเก็บเป็นความลับเลยจำเป็นต้องมาทำในห้องทำงานเขา

“……” เขาไม่ตอบแค่ปรายตามองเด็กสาวตรงหน้าที่ทำตาเล็กตาน้อยมองเขาอย่างมีหวัง

“บริษัทฉันไม่มีนโยบายรับเด็กเข้าทำงาน” เขาพูดอย่างกับรู้ว่าเธอจะถามอะไร จบกันความหวังที่จะขอทำงานเพื่อหาเงินเรียน

“แต่หนูทำได้ทุกอย่างนะ แม่บ้านล้างห้องน้ำ ปัดกวาดเช็ดถูหนูทำได้หมด” เธียรทำหน้าอ้อนวอน มันก็ไม่แปลกที่เขาจะไม่รับเพราะที่อื่นเขาก็ไม่รับเด็กอายุต่ำกว่า 20 เข้าทำงานกันทั้งนั้น

“ไปทำงานของเธอให้เสร็จ!” สายตาขรึมเอ่ยเสียงห้วนแข็ง เพ่งตามองคนตรงหน้าที่มีท่าทีงอแง ทำหน้าบูดบึ้ง

“ชิ ก็ได้” เธียรเดินคอตกกลับไปนั่งทำงาน เขาได้แต่มองคนตัวเล็กแล้วต้องส่ายหัว เธอจะรู้ไหมว่าเขาต้องปวดหัวกับเธอมากแต่ไหน แค่เรื่องงานเรื่องที่บ้านก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ยังต้องมาปวดหัวเพราะเธออีก

“พี่พาร์ท” คนตัวเล็กในชุดเอี๊ยมตัวโปรดถือกระดาษที่วาดรูปไปหาคนหน้าขรึม ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มขนาดเขาเพิ่งจะดุเธอไปกลับยังมีหน้ายิ้มให้เขาอีก

“เสร็จแล้ว หนูขอไปกินข้าวนะ”

“ขอบคุณค่ะ” เธอไม่รอให้เขาตอบวางกระดาษและรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที

“ยัย!! แล้วที่ฉันสั่งมาใครจะกิน” พาร์ทถึงกับต้องขบกรามแน่นมองตามคนตัวเล็กที่วิ่งออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดี ก็เห็นตั้งใจทำงานเลยอุตส่าห์สั่งของกินมาให้จะบอกก็ไม่ทัน

“เฮ้อ แล้วทำไมฉันต้องไปสนใจเธอด้วยเด็กบ้า” แต่ก็ได้แต่ถอนหายใจ ก้มหน้าก้มตาทำงาน แต่ในหัวกลับนึกถึงแต่เรื่องวันนั้นที่ตัวเองจูบเด็กสาวในรถ แต่คนที่โดนจูบกลับเฉย ๆ เหมือนว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“โธ่! เว้ย”

บทก่อนหน้า
บทถัดไป