บทที่ 4 4
“แค่ก...แค่ก”
“มีน่า คุณเป็นอะไร”
ร่างสูงโถมตัวเข้าหาจนหลงลืมไปว่าเขาอยู่ในท่าคร่อมร่างหญิงสาวเอาไว้ เธอไอออกมาและเกือบสำลักขณะมือเรียวบางจับลำคอของตัวเองเอาไว้ แม็กเซ็นเผลอจับข้อมือเล็กและก้มหน้าลงไปใกล้กระทั่งเธอหยุดไอแต่ปรือตามองเขาแทน
“คุณ...”
“แม็กเซ็น...เรียกผมว่าแม็กเซ็น คุณบอกได้หรือยังว่าบ้านของคุณอยู่ที่ไหน?”
ชายหนุ่มยังคงตั้งคำถามเดิม เขาคิดว่าเธอกำลังจะได้สติทว่ากลับตรงข้าม หญิงสาวกระหวัดแขนเรียวเกี่ยวคอเขาเอาไว้อีกหน คราวนี้ใบหน้าคร้ามคมก้มลงไปจนเกือบชิดทั้งลำตัวหนาใหญ่ก็แนบลงไปกับร่างนุ่ม แม็กเซ็นชะงักงัน หัวใจของเขาเต้นเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“คุณ...ฉันหนาว”
เสียงหวานลอดออกมาจากเรียวปากอิ่มสวย ชายหนุ่มพยายามเตือนสติตัวเองว่าเธออยู่ในอาการมึนเมาจนทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ ทว่าความสวยบาดใจกลับสะกดเขาไว้ให้แนบนิ่งกับเธอเช่นนั้น
“มีน่า...เอ้อ...”
“ฉันหนาว...กอดฉันหน่อยซีคะ”
หญิงสาวไม่ร้องขอเปล่า ๆ เธอเบียดร่างกับตัวเขาที่ชายหนุ่มรู้สึกถึงความตกตื่นที่กลางลำตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“มีน่า...พระเจ้า...บอกผมซะทีเถอะว่าบ้านของคุณ...อยู่ที่ไหน?”
เขากัดฟันพูดขณะที่เสียงนั้นเริ่มสั่น เขาต้องแกะแขนเรียวที่เกี่ยวลำคอใว้แน่นออก ผลักเธอให้พ้นจากตัวเขา หรือไม่ก็อุ้มเธอกลับไปที่รถแล้วพาไปสถานีตำรวจ หรือ...พาไปทิ้งไว้ที่ไหนสักแห่ง ให้ไกลจากตัวเขา
ทว่าทุกอย่างที่วิ่งวนอยู่ในความคิดสับสนกลับไม่บังเกิดขึ้นเลยแม้แต่อย่างเดียว นอกเสียจากริมฝีปากหยักหนาที่ประทับลงบนเรียวปากอิ่มสวยที่เผยอออกอย่างเชิญชวน ปลุกความรวดร้าวรันจวนในกายหนุ่มที่เขาไม่อาจปฏิเสธหรือทัดทานมันได้อีกต่อไป
“อืม...อืม” เสียงครางลึกดังมาจากลำคอของหญิงสาว เธอบิดตัวเบา ๆ อยู่ใต้ร่างกำยำสูงใหญ่และยิ่งกระหวัดเรียวแขนรอบลำคอของเขาแน่นขึ้น แม็กเซ็นตอบสนองจุมพิตนั้นอย่างหิวกระหาย เขาจูบเธอในขณะที่ประสาททุกส่วนของร่างกายตื่นตัวเต็มที่
พระเจ้า!...ให้ตายเถอะ ทำไมเขาถึงไม่ทำอะไรสักอย่างที่จะไม่เป็นการเอาเปรียบผู้หญิงสาวแสนสวยร่างเล็กคนนี้ เธอมาจากไหนเขาไม่รู้เลย รู้ก็แต่ชื่อของเธอ
มีน่า...รู้ก็แต่เพียงว่าตอนนี้เขากำลังถลำลึกเข้าไปในริมฝีปากหวานฉ่ำที่รสของมันราวกับลูกพีชแสนหวานเชิญชวนให้เขาดูดดื่มไม่รู้เอมอิ่ม เสียงตะโกนข้างในบอกเขาให้หยุดทุกอย่างไว้ ไม่ใช่ล้วงลิ้นหนาเข้าไปลึกและกวาดเก็บทุกหยาดหยดของความฉ่ำหวานในริมฝีปากแสนสวย
“พระเจ้า...มีน่า”
“ได้โปรดเถอะค่ะ...ฉันหนาวเหลือเกิน...โอ...คุณคะ”
ร่างเล็กบอบบางยังคงร่ำร้อง เสียงของเธอราวมนต์สะกดของนางไซเรนที่ตรึงเขาไว้กลางห้วงมหาสมุทร
“พระเจ้า...ผมจะพาคุณกลับ...”
ชายหนุ่มกล่าวได้แค่นั้นเสียงของเขาก็ถูกเก็บกลืนเข้าไปในริมฝีปากหวานฉ่ำเหมือนลูกพีชอีกหน มีนาเสนอเขาด้วยความเร่งเร้าจากจุมพิตที่แม็กเซ็นไม่อาจปฏิเสธ ร่างนุ่มเบียดเข้าหาและทำให้เขาตื่นตัวจนยากจะควบคุม
“แม็กเซ็น...ได้โปรด...กอดฉันนะคะ”
มีนาเว้าวอน เสียงหวานนั้นสะท้อนเข้าไปทำลายความอดกลั้นของชายหนุ่มให้พังทลาย แม็กเซ็นยิ่งจูบเธอหนักหน่วง ในกายของเขาเหมือนมีความร้อนแล่นพล่านไปในทุกอณูเส้นเลือด มันสูบฉีดแรงและทำให้เขาเจ็บร้าวที่กลางลำตัว
ใยค่ำคืนนี้จึงผ่านไปอย่างเชื่องช้า แม้แต่ร่างกายแข็งแกร่งของเขาก็เหมือนไร้เรี่ยวสิ้นแรงไปเสียอย่างนั้น ไม่มีแรงจะพาตัวเองออกห่างจากร่างนุ่มนิ่มที่บดเบียดอยู่ด้านล่าง หมดสิ้นความพยายามแม้แต่จะถอนริมฝีปากออกจากจุมพิตบนเรียวปากอิ่มที่เรียกร้องเขาอยู่ตลอดเวลา
“มีนา...” และแล้วความอดทนของเขาก็ป่นเป็นผงเหมือนแก้วแตกละเอียด ใบหน้าคร้ามเข้มเลื่อนจากจากริมฝีปากฉ่ำระเรื่อยลงมาที่คางมนและซุกไซ้ลำคอหญิงสาวที่กลิ่นน้ำมันหอมนั้นเย้ายวนจนกลบกลิ่นแอลกอฮอล์ในลมหายใจของเธอได้หมด
มือหนานั้นไม่หยุดอยู่นิ่ง แต่ลูบไล้ไปตามสีข้างก่อนจะหยุดลงที่เนินทรวงอวบอิ่มใต้เนื้อผ้าของชุดสีชมพูกุหลาบ เขาบีบเคล้นมันเบา ๆ และเริ่มหนักมือขึ้นเมื่อความนุ่มหยุ่นนั้นดีดเด้งสู้ฝ่ามือหนาใหญ่
นานแล้วที่แม็กเซ็นไม่ได้สัมผัสกับความเย้ายวนและนุ่มนวลเช่นนี้ เขาควรระวังตัวเองกับผู้หญิงแปลกหน้าแต่กลับกลายเป็นว่ามันช่างน่าตื่นเต้นจนเขาหักห้ามตัวเองไม่ไหว
“อา...อืม” มีนาครางออกมาอย่างรันจวนใจเมื่อมือของเขาทำหน้าที่ของมันอย่างสัตย์ซื่อ ด้วยการดึงชุดสวยออกจากเรือนร่างคอดเว้าราวกับนาฬิกาทรายขณะที่ใบหน้าคมคายยังคงวนเวียนจูบซับไปตามนวลผิวสีชมพู
แม็กเซ็นบอกตัวเองว่าเขาไม่ได้อยู่ในอาการมึนเมา เมื่อตอนหัวค่ำที่ภัตตาคารเขาแค่ดื่มไวน์ไปเพียงแก้วเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้ร่างกายของเขากำลังร้อนรุ่มถึงจุดสุดขีด เหมือนน้ำเดือดที่มีร่างกายอันเย้ายวนของหญิงสาวเป็นเชื้อฟืนเติมไฟโหมไหม้ให้น้ำร้อนทะลุถึงร้อยองศา
