บทที่ 11 สุนัขบ้า

เมื่อรถม้าเดินทางมาได้พักใหญ่ หวังตันก็บอกกับซ่างเป่าเหลียน “คืนนี้ คงต้องนอนที่อารามข้างหน้า เป็นสำนักนางชี แม่นางเหลียนสะดวกหรือไม่”

เพราะสถานการณ์ที่ไม่สู้ดี ดังนั้นการนอนค้างคืนที่โรงเตี๊ยมดังกล่าว ยิ่งสร้างความยุ่งยากตามมา อีกทั้งคำสั่งตงเยี่ยหรงคือเดินทางไปให้ถึงเมืองหวางอินโดยด่วนที่สุด ทำให้หวังตันเลือกพักที่อื่น

“ข้ากินง่าย นอนง่าย ขอให้มีหลังคาคุ้มหัวก็หลับสบาย ส่วนพวกเจ้าก็ดูแลตัวเองให้ดีเถิด”

ซ่างเป่าเหลียนบอกหวังตัน และหันไปทางสิงตู้เหยา จากนั้นนางก็สำรวจกระเป๋าปฐมพยาบาลของตน โดยยามนี้นางบอกให้ผู้อื่นเรียกว่า ‘หีบยาเทพธิดา’ ชื่อฟังดูเหมือนยกหางตนเองอยู่บ้าง แต่ทำให้มันไม่ถูกด้อยค่าหรือมองเป็นของประหลาดจนเกินไป ด้วยผู้คนในยุคสมัยนั้น เคารพเทพเซียน และบรรพบุรุษ

“บ่าวเห็นไป๋ฮูหยินมองหีบยาเทพธิดาตาเป็นมันเลยเจ้าค่ะ เช่นนี้ เราต้องจ้างหน่วยคุ้มกันมาดูแลด้วยหรือไม่”

สิ่งที่สิงตู้เหยากล่าวทำให้หญิงสาวฉุกคิดขึ้นมาได้ นางไม่ควรเปิดเผยตนเองนัก โดยเฉพาะความรู้เรื่องการรักษาคน ซึ่งในตอนจับชีพจรรั่วจิ้งทำให้รู้ว่าฝ่ายนั้นตั้งครรภ์ พออยากให้กินผงถ่านเพื่อเจือจางพิษ นางกลับปฏิเสธอีก

หวังตันขยับมาใกล้ๆ ซ่างเป่าเหลียน แล้วคุยพอกันให้ยินสองคน

“เสี่ยวเหยากล่าวมาถูกต้องแล้ว แม่นางเหลียน... อย่าลืมว่าท่าน ต้องไปอยู่เรือนสตรีหม้าย ใช้ชีวิตที่นั้นอย่างสันโดษ พร้อมเย็บปักผ้า กับเสื้อคลุมเพื่อส่งให้กับทหารไว้ใช้ในกองทัพ”

เรื่องนี้ซ่างเป่าเหลียนพอจะทราบ มันคือหน้าที่ซึ่งตงเยี่ยหรงมอบหมายให้ นางจะมีชีวิตต่อไป แต่ต้องทำงานแลกอาหาร และที่อยู่

ในขณะที่รถม้าเดินทางต่อไปเรื่อยๆ หวังตันฉุกคิดบางสิ่งได้ “โอ้ ข้าลืมเสียสนิท แม่นางเหลียน น้ำแกงถ้วยที่สองท่านยังไม่ทันได้ดื่ม แล้วหากช้าเกินไป เกรงว่า...”

หวังตันกลัวอีกฝ่ายจะตั้งครรภ์ และสิ่งนี้คงเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง ด้วยตงเยี่ยหรงกำชับว่า นางให้ซ่างเป่าเหลียนมีชีวิตต่อไปได้ แต่ห้ามมิให้อีกฝ่ายอุ้มท้อง และคลอดเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลตงเด็ดขาด !

อนิจจาสิ่งที่หวังตันกล่าว ได้ทำให้ซ่างเป่าเหลียนคล้ายได้ยินเสียงของตงเยี่ยหรงดังย้อนกลับมาอีกหน และมันคือรอบที่สามซึ่งเขาปรารถนาในเรือนกายนาง

“น้ำวิสุทธิ์ข้า เจ้ามีปัญญาได้ลิ้มรสก็จริง แต่อย่าหวังว่า จะมีโอกาส ใช้ล่อเลี้ยงตัวอ่อนในท้องเจ้าได้ หลังจากข้าอิ่มหนำแล้ว ข้าจะส่งตัวไปอาบน้ำดอกหญ้าม่วง และก็ให้เจ้ากลืนน้ำแกงขี้เถ้า ไม่คงสารหนูสักอึกสองอึก เช่นนี้ก็นับว่า คงทำให้สบายใจว่า เจ้าจะไม่สืบทอดทายาทแก่ข้า”

คนผู้นี้โรคจิต หรือไม่ สมองคงมีปัญหา ปากก็บอกนางอย่างนั้น แต่กลับไม่หยุดวุ่นวายกับเรือนกายที่แสนรัญจวน เดี๋ยวนวดคลึงหน้าอกงดงาม เดี๋ยวก็ใช้มือกับนิ้วเล่นสนุกกลีบงามฉ่ำแฉะที่ยามนี้เป็นสีชมพู พร้อมส่งกลิ่นหวานจัดให้เขาคลั่งไคล้

“ผู้น้อย... แต่งเข้าสกุลตง... ส่วนท่าน ย่อมเป็นพ่อสามี ไฉนถึงยังไม่หยุด... ข่มเหงกัน”

เมื่อความทรงจำของเจ้าของร่างย้อนกลับคืนมาทีละนิด นางก็บอกกับเขา อย่างน้อยคงยับยั้งคนผู้นี้เลิกสนใจนางและปล่อยตัวไปสักที เขาระบายตัณหา ทั้งส่งความใคร่อันรุนแรงใส่นางเกินจะรับไหวแล้ว

“หึๆ ๆ ลูกสะใภ้... พ่อสามี”

เขาทวนคำ แล้วก็หัวเราะเสียงห้าวใหญ่

“ผู้น้อยกล่าวผิดหรืออย่างไร ในเมื่อนี่คือสิ่งที่คุณชายห้าต้องการ เขาบอกรักผู้น้อย และเรา กำลังจะดื่มเหล้ามงคลร่วมกัน แต่กับมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น”

ตงเยี่ยหรงแยกเขี้ยวขาวๆ ใส่นาง นั่นเป็นเพราะซ่างเป่าเหลียน รื้อฟื้นเรื่องที่ทำให้เขา ปวดใจอีกหน

“เฮอะ... เจ้าเป็นได้แค่ เชลยอุ่นเตียง ที่สำคัญยามนี้หามิใครต้องการตัวคุณหนูเจ็ด ทั้งสกุลซ่างก็อยากลบชื่อเจ้าให้หายไป จำไว้ ซ่างเป่าเหลียนไม่เคยมีตัวตน และสำหรับซีเอ๋อร์ เจ้าคือตัวอัปมงคลที่ทำให้ลูกชายข้าถูกเผาทั้งเป็น!”

หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้าง นางไม่ยอมรับเรื่องที่เขากำลังปรักปรำ และอย่างไร ไคซีก็เป็นบุรุษที่ขอนางแต่งงาน อีกทั้งนางกำลังจะเข้าหอกับเขา หากสุดท้ายวิวาห์กับย้อมด้วยเลือด ทั้งหมดต้องมีผู้อยู่เบื้องหลัง

กระทั่งป่านนี้ยังคิดไม่ออกว่า ซ่างเป่าเหลียนไปสร้างความแค้นกับใคร ชีวิตถึงอาภัพนัก

“ข้าเป็นเพียงลูกอนุ ได้รับความรักกับคุณชายห้า นี่คือวาสนาอันสูงส่ง ผิดแต่... มีคนชั่วช้าทำให้ข้ากับเขาพลัดพรากกัน หรือเป็นเพราะเขามีแซ่ตง ถึงทำให้ข้าไม่อาจครองคู่กับไคซีได้”

ดวงคาคมของตงเยี่ยหรงมองมาที่หญิงสาว และมันเหมือนจะมีลูกไฟปะทุออกมา แล้วแผดเผาร่างนาง ชั่วประเดี๋ยว เขาจึงกระชากร่างบอบบางที่ไร้อาภรณ์มาแนบกาย ก่อนใช้ริมฝีปากบางชื้นๆ รั้งริมฝีปากร่างอวบอิ่ม พอนางครางขู่ คนชั่วใจร้ายก็ออกแรงใช้ฟันขบจนเกิดแผลเล็กๆ

กลิ่นคาวคละคลุ้งในปาก พร้อมกับเลือดที่ไหลเอ่ออย่างเร็ว

บ้า... สุนัขบ้า ไร้ความเมตตาย่อมเป็นเช่น ตงเยี่ยหรง

“ปากว่าตนเป็นผู้น้อย ฮึ แต่คำพูดเจ้าหาได้เป็นเช่นนั้น เสี่ยวเหลียน...ต่อจากนี้ สิ่งที่ทำได้คือ รองรับอารมณ์ข้า เมื่อคนแซ่ตงเบื่อแล้ว ก็จะเขี่ยทิ้งมิต่างจากเศษผ้าขี้ริ้ว ที่ขาด และเปรอะเปื้อน จากนั้น สถานที่ซึ่งเหมาะสมสำหรับเจ้าที่สุด ย่อมไม่พ้น... เรือนหญิงหม้าย ที่เมืองหวางอิน จงใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างเจียมตน พร้อมทำงานให้หนัก แลกที่นอน และอาหาร”

ดวงตากลมโตมองคนเผด็จการ และอีกมือก็เช็ดเลือดที่ไหลจากริมฝีปากอวบอิ่ม

บทก่อนหน้า
บทถัดไป