บทที่ 8 หย่า 3
หญิงสาวถอนหายใจแรงๆ
“พี่ใหญ่ออกเรือไปค้าขายแดนไกล ท่านย่ากำลังเดินทางกลับอีกสองสามวันจึงจะถึงจวน บิดาข้ามีภารกิจมากมาย คิดๆ แล้ว ใครกันที่ว่างพอจะยื่นมือคอยช่วยเหลือพี่รองกันเล่า นอกจากยอดหญิงแห่งตระกูลฟ่านคนนี้”
“ท่านแต่งตั้งตนเองโดยแท้”
“ใช่ ข้าชื่นชมความสามารถของตนมิน้อย ดังนั้นเหล่าตงอย่างขัดขวางเลย”
“แต่ทั้งม้าตัวนี้ และการเดินทางไปคนเดียว เสี่ยงอันตรายเกินไป บ่าวตัดสินใจเรื่องนี้ไม่ได้”
“เยี่ยงนั้น ท่านก็ไปด้วยกัน เพียงเท่านี้ก็สิ้นเรื่อง”
ตงเหลียงถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะตบที่ข้างลำตัวม้าสีดำ พร้อมสั่งให้มันทำหน้าที่ของตนเป็นอย่างดี
“บ่าวชราแล้ว เช่นนั้นหากมีเรื่องรุนแรง เกรงว่าอาจเก็บกวาดไม่สะอาด” เขาหมายถึง หากต้องใช้กำลังถึงขั้นมีใครเสียชีวิต ทางการอาจสืบสาวมาถึงตระกูลฟ่านได้
“อย่ากังวล ข้าไปจัดการกับผู้ร้าย ดังนั้นพวกมันจะไม่กล้านำเรื่องต่างๆ ไปแจ้งศาลเมืองแน่นอน”
กล่าวจบฟ่านหรันซีก็บังคับม้าออกไปท่ามกลางแสงแรกของเช้าวันนี้ แต่ถึงนางในชาติภพใหม่นี้ฉลาดเฉลียวและมองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าได้ ทว่านางคงลืมไป ด้วยชายผู้ที่ผูกวาสนากับนางนั้นชื่อว่า ปีศาจหลี่สิงหยาง
“องค์ชายห้า สตรีนางนั้นออกจากจวนได้แล้วขอรับ”
เส่าซิง หรือขันทีเส่า คือบ่าวรับใช้ของหลี่สิงหยางรีบแจ้งข่าว ฝ่ายเขาบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับร่าง เมื่อคืนเขามีอาการกำเริบ ร่างกายผะผ่าวร้อนจัด การมาที่ซิงซานนอกจากเป็นประสงค์ของฮ่องเต้ เขายังต้องขึ้นเขาเพื่อตามหาหมอเทวดาเพื่อตอกหมุดเจ็ดเล่มเพื่อควบคุมพิษในร่างกาย มิเช่นนั้นอาจทำให้ภายหน้าเขาจะกลายร่างเป็นครึ่งคนครึ่งผี จากการที่ถูกพิษร้ายกำเริบ
“ไหน เจ้าบอกให้ข้าฟังที จากที่จับตาดูนาง พบความผิดปกติใดหรือไม่”
เส่าซิงเงียบอยู่ราวๆ หนึ่งอึดใจ ก่อนเอ่ยตามความจริงทั้งหมด “ก่อนหน้านั้น นางเหมือนคนถูกควักสมองออกไปขอรับ แต่จู่ๆ หลังที่ไปพบการพลอดรักของลูกสาวเจ้าดินแดนชิงซานกับคุณชายฉาง ฝ่ายคุณหนูสามก็ประหนึ่งจะจดจำหลายสิ่งได้ อาการนางดูแปลกประหลาดสักหน่อย”
ได้ยินอย่างนั้นหลี่สิงหยางก็หัวเราะเสียงดังอย่างสำราญใจ
“ฮ่าๆ ๆ หากคะเนไม่ผิด นางคงชอบถูกกระตุ้นด้วยเรื่องลามกใต้สะดือ ดีๆ ๆ ไว้ข้าจับตัวนางได้เมื่อใด จะรีดเอาความลับจากนาง ด้วยวิธีเยี่ยงโจรราคะ ย่อมนับว่าเหมาะสม”
เส่าซิงแม้จะมีดวงตาเรียวเล็ก แต่เขาก็พยายามทำให้โตเต็มที่ ก่อนมองผู้เป็นเจ้านายตน
“องค์ชาย กระหม่อมคิดว่า เรื่องนี้ไม่สมควรแน่ๆ คุณหนูสามอายุยังน้อย อีกทั้งสมองนางมีปัญหา หากทำสิ่งใดรุนแรงไป บิดานางที่เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ย่อมไม่ยอมง่ายๆ”
“ฮ่าๆ ๆ ดี... ข้ารอให้เกิดเรื่องเช่นนั้นใจจะขาดแล้ว และสมรมพระราชทานจะได้เป็นจริง ซึ่งหญิงเดียวที่ข้าอยากพาขึ้นเตียงด้วย อย่างไรย่อมต้องเป็น ฟ่านหรันซี!”
ตำหนักหมอดูนอกเมืองซิงซาน
ฟ่านจื่อรั่วต้องเสี่ยงอันตรายอีกครั้ง ยิ่งรู้ว่าหลี่สิงหยางมาถึงชิงซาน และเป้าหมายเขาอย่างที่นางได้ยินจากมารดาก็คือต้องการบุตรสาวของคนสกุลฟ่านไปเป็นพระชายา ตัวเลือกในยามนี้เหลือเพียงนาง นั่นเป็นเพราะฟ่านหรันซีนางกลายเป็นสตรีปัญญาอ่อน ทว่ายามนี้ คนที่เบาปัญญาอย่างแท้จริงกลับเป็นตัวนางเสี่ยนี่ ด้วยพาชีวิตของตนก้าวสู่หายนะ โดยมีผู้อื่นวางหลุมพรางเอาไว้
“คุณหนูให้บ่าวเข้าไปตรวจสอบความปลอดภัยก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” ซ่งเทาสาวใช้ของนางกล่าว และฟ่านจื่อรั่วพยักหน้าให้ ราวๆ หนึ่งอึดใจ ก็มีเสียงดังขลุกขลัก ยามนั้นฟ่านจื่อรั่วใจคอไม่ดีเอาเสียเลย นางต้องการความช่วยเหลือ ทั้งอยากพบหมอดูตาบอดคนนั้นอีกครั้ง
อนิจจาสิ่งที่สาวใช้เห็นด้านในคือ หมอดูตาบอดถูกฆ่าตาย และมีสตรีนางหนึ่งสวมชุดขาว แต่งหน้างดงามทาปากสีแดงสดราวกับดื่มกินเลือดเข้าไป ศีรษะประดับด้วยมงกุฎดอกไม้ที่ชวนให้เกิดความรู้สึกคลื่นเหียน มากกว่าจะหอม
“ที่นี่ปิดแล้ว หากนายเจ้าต้องการความช่วยเหลือ ย่อมต้องพึ่งพาข้า”คนที่เอ่ยคือไต้เชี่ยนเฟย ตำแหน่งนางคือธิดาเทพ สตรีที่อยู่ในความดูแลขององค์ชายสาม ยามนี้นางรับหน้าที่กำจัดพวกหมอดูนอกรีต ที่ไม่ได้ขึ้นตรงต่อสำนักดารา
สักพักซ่งเทาถูกผลักออกมา ส่วนคุณหนูของนางยืนตัวสั่น ด้วยข้างกายนอกจากฉางหัวอี้ซึ่งอยู่ในอาการคล้ายคนไม่มีสติ ก็คือหลี่เสิ่นหลัว
“สตรีนางนี้คือ คุณหนูฟ่านอีกคนสินะ ใบหน้าพอใช้ได้ เสียดายดูตื่นกลัวมากไปหน่อย” หลี่เสิ่นหัวกล่าวแล้วจึงหัวเราะน้อยๆ เขาคือองค์ชายสามผู้ว่างงาน และชอบความสำราญที่สุด เหนืออื่นใดเขานิยมเรื่องทำนายพยากรณ์ ดังนั้นสำนักดาราจึงมีเขาควบคุมอยู่
และธิดาเทพเห็นในนิมิต ตัวเขาจะได้ก้าวขึ้นเป็นใหญ่ ขอเพียงได้พบกับสตรีตระกูลฟ่าน มีความสัมพันธ์กับนางอย่างลึกซึ้ง ทั้งหมดนั้นง่ายดายด้วยมาถึงเมืองชิงซานไม่ทันไรฟ่านจื่อรั่วก็ปรากฏตัวให้เขาเห็น
“คุณชายฉาง หมายความอย่างไรกัน ทะ ท่านติดตามข้ามา แล้วยังมีผู้อื่นด้วย”
ฟ่านจื่อรั่วเสียงสั่น อย่างไรนางก็เป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือน และพอมองไปยังใบหน้าหล่อเหลาของหลี่เสิ่นหลัว พบว่าเขากระหายในราคะอย่างไม่ปิดปัง
“คุณหนูจื่อรั่ว คนอื่นที่ไหน วันนี้ข้าจะเป็นสามีเจ้าอีกคนอย่างไรเล่า”
ฟ่านจื่อรั่วไม่สนว่าเขาจะเป็นใคร มีตำแหน่งยิ่งใหญ่เพียงใด นางรู้แต่ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์กับองค์ชายห้า และสำหรับฉางหัวอี้ในยามนี้ ก็ดูเหมือนว่าตนคงขอความช่วยเหลือไม่ได้แล้ว ส่วนหลี่เสิ่นหลัว คนผู้นี้คือองค์ชายที่ไร้ค่า ไม่มีขุนนางคนใดอยากสนับสนุน
