บทที่ 11 11

“เมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง แต่คุณผ่านฟ้าบอกว่าถ้าหนูท้องเขาก็จะไม่มากวนใจ เขามีผู้หญิงเยอะ หนูไม่ต้องกลัวว่าเขาจะมากวนบ่อยๆ หรอกนะจ๊ะ”

“ค่ะคุณน้า แล้ว...คืนนี้เอมต้องทำอย่างไรบ้างคะ”

“ไม่ต้องทำอะไรมากหรอก แค่ปิดประตูไว้เฉยๆ เดี๋ยวคุณผ่านฟ้าจะเข้ามาเอง และที่สำคัญ ห้ามเปิดไฟในห้อง ไม่ว่าในกรณีใดๆ”

“ทำไมคะ” หญิงสาวเอียงคอถามด้วยความไม่เข้าใจ

“คุณผ่านฟ้าไม่ได้บอกเหตุผลจ้ะ แต่ถ้าให้น้าเดาเขาคงไม่อยากให้หนูเห็นหน้า”

“อ้าวทำไมคะ นี่หมายความว่าเอมจะไม่ได้เห็นหน้านายจ้างเอ่อผู้ชายที่ตัวเองจะนอนด้วยหรือคะ” เธอถามเสียงตะกุกตะกักเหมือนคนกำลังสำลักน้ำ

“ใช่จ้ะ”

“ทำไมคะ เขามีเหตุผลอะไร”

“ก็คงไม่อยากให้มีปัญหาตามมาภายหลัง เช่นการตามตื้อ อะไรประมาณนั้น”

“แต่เอมไม่” หญิงสาวพูดไม่ทันจบประโยคคุณระย้าก็โบกมือห้ามทันที

“เจ้านายของน้าเขาระวังตัวมากจ้ะ ก็อย่างที่น้าบอก เขารวยมาก คงกลัวผู้หญิงจะตามติดไม่ยอมทำตามสัญญา ถ้าอย่างนั้นมันจะเป็นการยุ่งยากสำหรับเขา”

หญิงสาวนิ่งไปกับคำตอบ

“หนูเอม หนูอย่าคิดอะไรมากเลยนะ เชื่อน้าเถอะ แล้ววันหนึ่งเมื่อผ่านจุดนี้ไปได้ หนูอาจจะถอนหายใจด้วยความโล่งที่ช่วยครอบครัวให้ผ่านพ้นความแร้นแค้นไปได้”

ดวงตาคู่สวยหม่นลง “ค่ะคุณน้า ที่คุณน้าพูดมาก็จริง ในเมื่อหนูตัดสินใจแล้วจะมัวมาคิดโน่นนี่ให้เรื่องมากอยู่ทำไม เจ้านายต้องการให้ทำอะไรเอมก็ควรทำตามนั้น ไม่ควรมีข้อสงสัย”

“หนูอาจจะน้อยใจถึงได้พูดอย่างนี้ แต่รออีกนิดเมื่อหนูโตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว หนูจะคิดและพูดอีกอย่าง”

หญิงสาวไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูดแต่เธอก็เลือกที่จะเงียบและนิ่งฟัง

คุณระย้าเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไม่พูดอะไรอีก และหางตาของเธอก็เห็นระเบียงบ้านตรงข้ามมีบางสิ่งเคลื่อนไหว เธอหันขวับไปดูก็พบผู้ชายร่างสูงใหญ่ยืนมองตรงมา เธอรีบลุกขึ้นยืน “ถ้าหนูเอมเข้าใจดีแล้วน้าจะไปพักผ่อนก่อน หกโมงครึ่งเจอกันที่ห้องอาหารนะจ๊ะสาวน้อย”

“ค่ะคุณน้า”

ลับร่างหญิงสูงวัยไปแล้วเอมวิกาก็ถอนใจยาว ก่อนจะสั่นศีรษะเบาๆ ขับไล่ความลังเลให้ออกไปจากสมองที่อ่อนล้า และนาทีนั้นเองเธอก็ได้สบตากับผู้ชายที่เจอในโรงพยาบาล

และช่างบังเอิญที่อีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมองเธอ เขาส่งยิ้มมาเหมือนจำเธอได้ และยกมือโบกให้ เธออดไม่ได้ที่จะยกโบกตอบ

“หวัดดีครับ” เขาส่งเสียงทักขึ้นมาก่อน

“หวัดดีค่ะ” หญิงสาวตอบ

“ไม่นึกว่าจะได้เจอคุณที่นี่” ผ่านฟ้าพูดหน้าตาเฉย แววตาฉายแววขบขัน

“เช่นกันค่ะ”

“ผมชื่อฟ้าลั่น คุณชื่ออะไรครับ” ผ่านฟ้าแกล้งบอกชื่อมั่วๆ ที่คิดขึ้นได้ในนาทีนั้น

“ฉันชื่อเอมวิกาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

“เช่นกันครับ เป็นความบังเอิญที่เหลือเชื่อ ผมได้เจอคุณเป็นรอบที่สองของวันนี้”

“เหมือนกันค่ะ บ้านคุณอยู่ตรงนี้เองหรือคะ” หญิงสาวรู้สึกเก้อเขินขึ้นมาอย่างประหลาดเมื่อได้สบกับนัยน์ตาคมกล้า “เอ่อ บังเอิญจังที่ได้เจอคนที่เคยช่วยไม่ให้เดินหลงอยู่ในโรงพยาบาล”

“ใช่ครับ บ้านผมอยู่ตรงนี้เอง แต่ผมไม่เคยเห็นคุณสักครั้ง คุณเพิ่งจะมาอยู่ใหม่เหรอ” ผ่านฟ้าหาเรื่องชวนคุยกับสาวสวยที่อยู่อีกฝากของระเบียง ความคิดของเขาไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร

“เพิ่ง…มาอยู่เมื่อวานค่ะ”

“มาหางานทำหรือครับ”

“อ่า ค่ะ มาทำงาน” เอมวิกาอ้ำอึ้งเหมือนกันเมื่อถูกเอ่ยถามถึงเรื่องงาน

ชายหนุ่มพาร่างสูงใหญ่เดินมาเกาะราวระเบียง ชะโงกมองไปยังคู่สนทนาที่นั่งอยู่ไม่ไกล “คุณได้งานหรือยังครับ ถ้ายัง ผมพอจะฝากคุณทำงานที่บริษัทเพื่อนของผมได้นะ ถ้าคุณจะทำและไม่เกี่ยงงาน”

“เอ่อ ไม่ต้องหรอกค่ะ คือว่าฉันได้งานแล้วค่ะ” หญิงสาวพูดด้วยความเกรงใจ

รอยยิ้มแปลกๆ จากริมฝีปากสีเข้มแย้มออกเป็นรอยยิ้ม “ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ถ้าคุณไปทำงานแล้วไม่ชอบงานที่ทำก็สะกิดบอกผมได้” เขาขยิบตาให้ “ผมช่วยคุณได้”

“ค่ะ ถ้าหากว่าตกงานฉันจะขอรบกวนคุณก็แล้วกันนะคะ”

“ไม่ต้องเกรงใจนะ ถือว่าเราช่วยๆ กัน”

หญิงสาวไม่ตอบเธอเพียงยิ้มอ่อนๆ “เอ้อ ขอตัวก่อนนะคะ เพิ่งมาจากโรงพยาบาลฉันยังไม่ได้อาบน้ำเลยค่ะ เชื้อโรคจากข้างนอกเยอะแยะ”

“จะเข้าห้องแล้วหรือครับ” เขาทำเสียงเสียดาย “ก่อนคุณไปอาบน้ำผมขอถามอีกคำสิ”

“ถามอะไรหรือคะ” หญิงสาวเอียงคอมองหน้าคม

“คุณมีแฟนหรือยัง”

คำถามนี้ทำให้เธอต้องหยุดคิดไปนานเกือบหนึ่งนาที เธอยังไม่มีแฟน แต่เธอกำลังจะมีสามีชั่วคราว เรียวปากบางเม้มเข้าหากันแน่น “ฉันยังไม่มีแฟนค่ะ” เธอตอบแล้วก็ลุกเดินเข้ามาในห้อง ไม่ได้หันไปมองว่าชายหนุ่มจะมีสีหน้าเช่นไรกับคำตอบของเธอ

และถ้าหากว่าเธอได้หันกลับมามองแล้วจะเห็นว่ากรามทั้งสองข้างของเขาบดเข้าหากันแน่นขณะมองตามร่างเธอไป

บทก่อนหน้า
บทถัดไป