บทที่ 3 3
“งั้นก็ไปกัน” คุณระย้าเคลื่อนรถขับมุ่งหน้ากลับบ้านของเธอ
“ไปโรงพยาบาลเลยหรือคะ”
“เปล่าจ้ะ ไปบ้านน้าก่อน เย็นย่ำขนาดนี้จะทำอะไรได้ กลับไปบ้านให้หนูพักผ่อนสักคืน พรุ่งนี้ค่อยลุย”
“คุณน้าคะ แล้วถ้าเอมตรวจสุขภาพไม่ผ่านล่ะคะ”
“ถ้าตรวจไม่ผ่านหนูจะได้ค่าเสียเวลาห้าหมื่นบาทจ้ะ”
“อ๋อค่ะ” เอมวิกาคิดในใจ ห้าหมื่นก็เยอะแล้วสำหรับเธอ ถ้าได้ไปให้แม่กับน้องคงใช้ได้เป็นปี และยิ่งนำไปต่อยอดลงทุนค้าขายเล็กๆ คงพออยู่กันได้สบาย
“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ” สาวใหญ่ถามพลางเลี้ยวรถเข้าไปจอดยังหน้าตึกหลังเล็กกะทัดรัด “ถึงบ้านน้าแล้วจ้ะ”
“บ้านน่ารักจัง ถ้าเอมมีเงิน เอมจะทำแบบนี้สักหลังหนึ่ง แม่คงชอบ แล้วเอมจะทาสีฟ้า”
“ชอบสีฟ้าเหรอ ช่างฝันเหมือนกันนะเรา ป่ะ เข้าไปดูข้างในกันเถอะ”
เธอเดินตามคุณระย้าเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าตื่นเต้น “เห็นภายนอกว่าสวยแล้ว ภายในยังสวยกว่านะคะ คุณน้าอยู่คนเดียวเหรอคะ”
“เปล่าจ้ะ น้าอยู่กับแม่” คุณระย้าไม่ได้บอกกับหญิงสาวว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของผ่านฟ้า เจ้านายเธอและกำลังจะเป็นนายจ้างของเอมวิกาด้วย
“มาแล้วหรือระย้า”
หญิงวัยไม่เกินเจ็ดสิบปีเดินออกมาจากห้องๆ หนึ่ง เอ่ยทักคุณระย้าแล้วหันมากวาดตามองหญิงสาวที่ยืนแอบอยู่ข้างหลัง
“กลับมาแล้วค่ะแม่ เอิ่บ หนูเอมรู้จักกับแม่น้าสิจ๊ะ คุณแม่คะ นี่เอมวิกาค่ะ”
“หวัดดีค่ะคุณป้า” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้หญิงสูงวัย
คุณปรุงจิตมองสาวน้อยอย่างสำรวจ “อืม ไหว้พระเถอะจ้ะ แล้วนี่จะให้อยู่ห้องไหนล่ะ”
“ให้อยู่ชั้นบนห้องขวามือค่ะ” คุณระย้าตอบ “ไปจ้ะเอมวิกา ขึ้นไปดูห้องกัน”
เอมวิกาเดินตามหลังคุณระย้าไปติดๆ ความตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่อยู่รอบกาย เหมือนดั่งเดินอยู่ในความฝันที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอในโลกของความเป็นจริง
“ตื่นเต้นล่ะสิ” เจ้าของบ้านพูดยิ้มๆ “ถ้าหนูทำงานครั้งนี้สำเร็จ หนูก็จะมีบ้านแบบนี้ได้เหมือนกัน”
“เอมไม่ขอเท่านี้ แต่ขอสักครึ่งของที่นี่ก็พอใจแล้วค่ะ”
“จ้า ความฝันหนูเป็นจริงแน่” คุณระย้าพาเดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูบานหนึ่ง ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้กับเอมวิกา “หนูอยู่ที่ห้องนี้นะจ้ะ ส่วนน้ากับคุณยายอยู่ห้องทางนั้น” เธอชี้มือไปยังประตูห้องฝั่งตรงข้าม “บ้านนี้ไม่มีอะไรให้น่ากลัว หนูพักให้สบายใจ”
“ขอบพระคุณค่ะคุณน้า”
หลังจากที่พาเธอมาส่งยังห้องพักพูดคุยได้ไม่นาน หญิงวัยกลางคนก็ขอตัวกลับไปพัก ทิ้งให้เอมวิกานั่งอยู่ในห้องเพียงลำพัง
เมื่ออยู่คนเดียวหญิงสาวก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอคิดถูกหรือผิดที่รับงานนี้ รับจ้างอุ้มบุญก็ไม่ต่างจากการขายตัว เพียงแต่การขายตัวในครั้งนี้เป็นการขายขาดให้กับผู้ชายเพียงคนเดียว
เธอคิดวนไปวนมาสุดท้ายก็เข้าข้างตัวเองว่าคิดถูกแล้ว ถ้าเธอไม่ทำอย่างนี้ บ้านที่แม่กับน้องๆ อยู่คงถูกยึด และไม่มีที่ไป
แต่เมื่อเธอทำงานนี้เงินทองที่เธอได้มาก็จะทำให้ทุกคนได้อิ่มท้อง เสียสละความสาวของเธอแค่คนเดียว เลี้ยงปากเลี้ยงท้องคนในครอบครัวได้ถึงสาม
คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มอีกเอมวิกา
7.00น.ของเช้าวันใหม่
เอมวิกาตื่นนอนมาด้วยความรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย สาเหตุมาจากการที่เธอนอนไม่ค่อยหลับ ครุ่นคิดถึงแต่เรื่องที่จะไปทำในวันนี้ แม้ว่าตัดสินใจแน่วแน่แล้วจะรับงาน เพื่อเอาเงินที่ได้ไปเลี้ยงดูแม่และน้องๆ แต่เวลาเงียบสงัดของค่ำคืน เธอกลับเกิดความลังเล ไม่แน่ใจ สองจิตสองใจ คิดไม่ออก ปลงไม่ตก
เฮ้อ
หญิงสาวทอดถอนหายใจหลายต่อหลายครั้ง ถ้าการถอนหายใจเปลี่ยนเป็นเงินได้ เธอคงมีเงินกองตรงหน้านับไม่ถ้วนแล้ว
เฮ้อ...
ในยามที่สับสน เธออยากกลับบ้าน อยากกอดแม่ อยากร้องไห้กับอกแม่ อยากได้ยินเสียงแม่ปลอบใจ
เฮ้อ สุดท้ายเธอก็ถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำ เปิดก๊อกวักน้ำล้างหน้า เห็นเงาตัวเองในกระจก มองเห็นความคล้ำของขอบตา รอยหมองที่ผิวหน้า เธอมาถึงกรุงเทพไม่กี่วัน สารรูปเธอทรุดโทรมขนาดนี้เชียว
เอมวิกายิ้มให้กับตัวเองผ่านกระจก เป็นยิ้มที่จืดชืดและเศร้าหมอง มือเรียวเล็กยกขึ้นชูสองนิ้ว มีความหมายว่าให้สู้ ไม่มีแม่อยู่ข้างๆ คอยให้กำลังใจ ก็ต้องเป็นตัวเธอเองที่จะปลุกขวัญและปลอบใจตัวเองให้สู้
แม่จ๋า เอมจะสู้นะคะ สู้เพื่อความอยู่รอดของครอบครัวเรา
หญิงสาวสลัดหัวไปมาเพื่อไล่ความอ่อนแอให้ออกไป น้ำตาหยดหนึ่งไหลเปื้อนแก้มแก้ม เธอรีบยกมือขึ้นปาดออก เชิดหน้าขึ้นสูง หลับตาลงช้าๆ คิดถึงคำสั่งเสียของพ่อ และแววตาของแม่ที่มองเธออย่างมีความหวัง
ครู่ใหญ่ๆ ความเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวก็มา เธอกลับเข้ามาในห้องนอนด้วยชุดเดิม มองสำรวจตัวเองจากกระจกโต๊ะเครื่องแป้งที่วางเคียงเตียงนอน สำรวจความเรียบร้อยอีกครั้งแล้วจึงเดินลากเท้าออกจากห้องมาพบคุณระย้ากำลังจะเดินลงไปข้างล่างพอดี
