บทที่ 5 5
ณ บริษัทแห่งหนึ่งในใจกลางของกรุงเทพมหานคร ร่างสูงใหญ่ของผ่านฟ้ายืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าโต๊ะเลขา คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากอิ่มหนาได้รูปรับกับจมูกโด่งเป็นสัน เม้มเข้าหากันแน่น นิ้วเรียวยาวเคาะกับโต๊ะเบาๆ เป็นจังหวะ กิริยาของชายหนุ่ม ทุกคนที่ทำงานที่นี่เกินหนึ่งเดือนจะรู้ดีว่าเขากำลังอยู่ในอารมณ์เกรี้ยวกราด
“ตอบผมไม่ได้หรือไงว่าใครเป็นคนเอารูปผมกับคุณอรวีไปปล่อยในยูทูป” น้ำเสียงยังราบเรียบ แต่นิ้วเร่งจังหวะการเคาะเร็วขึ้น
“ดิฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะ กำลังตรวจสอบอยู่ว่าใครเป็นคนปล่อยรูปพวกนั้นไป” เลขาหน้าห้องคนใหม่ที่มาทำงานแทนคุณระย้ารีบพูด หางเสียงสั่น
“ชักช้าเสียเวลาจริง ไม่ต้องไปหาต้นตอแล้ว แค่เดาผมก็รู้แล้วว่าเป็นใคร แต่แปลกที่พวกคุณไม่มีใครรู้” ตาคมวาวกวาดมองพนักงานแล้วมาหยุดที่เลขา “คุณไม่ใช่มืออาชีพ เอาเถอะครั้งนี้ผมอภัย แต่ครั้งต่อไปผมมีคำถาม คุณต้องมีคำตอบ”
“ค่ะ ขอโทษค่ะท่าน”
“อือ วันนี้มีงานอะไรบ้าง รีบเอามาให้ผมเซ็นได้เลย บ่ายผมมีธุระ” พูดจบเขาก็เดินเข้าห้องไปไม่เสียเวลาหันกลับมามองคนรับคำสั่ง
วิยะดาเลขาสาวนั่งงง เธอเพิ่งมาทำงานได้สองวัน เจอนายจ้างเอาแต่ใจจึงทำอะไรไม่ถูก
“อย่ามัวแต่นั่งงงนะจ๊ะ รีบเอางานเข้าไปให้ท่านเซ็นสิ เดี๋ยวเจอพายุอารมณ์เต็มๆ หรอก” พนักงานที่ทำงานมานานรีบเดินเข้ามาสะกิดให้เธอรีบนำงานเข้าไปให้เจ้านาย
หญิงสาวกล่าวขอบคุณเบาๆ แล้วรีบลุกขึ้นเก็บรวบรวมเอกสารที่จะใช้ เดินดุ่มมาถึงหน้าประตู ขณะกำลังจะยกมือขึ้นเคาะเธอก็ถูกร่างของใครคนหนึ่งชนล้มลง เอกสารในมือร่วงกระจาย
“โอ๊ย” เธอร้องดังด้วยความตกใจ
“แกไม่มีตาหรือไงห๊ะ” เสียงตวาดแหวดังอยู่เหนือหัว วิยะดาเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเป็นผู้หญิงที่กำลังเป็นข่าวกับนายจ้างยืนทำหน้าถมึงทึงมองเธอเหมือนจะกินเลือดเนื้อ
“ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่เห็นจริงๆ” เธอละล่ำละลักเอ่ยขอโทษ แต่อรวีไม่สนใจฟัง ยื่นมือไปจับลูกบิดจะเปิดประตู หญิงสาวรีบทำหน้าที่เลขา มือจับชายกระโปรงอีกฝ่ายดึงไว้แน่น “คุณคะ อย่าเพิ่งเข้าไป ให้ดิฉันบอกเจ้านายก่อน”
“แกมาจับกระโปรงฉันดึงทำไม เดี๋ยวผ้าลูกไม้ราคาแพงของฉันก็ขาดกันพอดี เอามือต่ำๆ ของแกออกไป” ดาราสาวทรงโตถือตัวว่าสนิทเข้าออกนอกในห้องนอนของผ่านฟ้าได้สะบัดเท้าออกไปเต็มแรง ท่ามกลางสายตาของพนักงานบริษัทที่มองมาอย่างตกตะลึง “นี่แน๊ะ มือเหนียวเป็นตีนตุ๊กแกไม่ยอมปล่อยก็ต้องเจออย่างนี้”
พลั่ก!!
“ว้าย” เลขาสาวหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจ ปลายรองเท้ากระแทกที่คางเธออย่างจัง
“เกิดอะไรขึ้น” เสียงทุ้มเกรี้ยวกราดดังลั่นมาจากหน้าประตูที่เปิดอ้า “ที่นี่ไม่ใช่ตลาดนัด จะได้มาส่งเสียงล้งเล้งกวนเวลาคนทำงาน”
“คุณฟ้าขา” อรวีนางแบบหน้าอกใหญ่ตามสไตล์ที่เขาชอบเบียดตัวเข้ามาหา อกถูไถต้นแขนชายหนุ่มไปมา
“ท่านค่ะ ดิฉันห้ามแล้วคุณคนนี้ไม่ฟังค่ะ” คนถูกเตะรีบชี้แจง
ผ่านฟ้าไม่พูด โบกมือให้เลขานำเอกสารไปวางไว้ที่โต๊ะ ซึ่งวิยะดารีบทำตาม วางเสร็จก็เดินตัวลีบออกจากห้องไป ขายหนุ่มรู้สึกอายลูกน้องนิดๆ กับการกระทำของอรวี
“คุณมาได้อย่างไร” เขาถามพลางเดินกลับไปนั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ โดยมีร่างของหญิงสาวกระแซะแทบจะปีนขึ้นมานั่งบนตัก “ถอยออกห่างผมหน่อย ที่นี่เป็นห้องทำงาน ผมไม่อยากให้ลูกน้องมาเห็นและเอาไปพูดถึง”
“แหมคุณก็” อรวีทำเสียงเง้างอดแต่ก็ยอมถอยห่าง
“มาหาผมมีธุระอะไรทำไมถึงไม่โทรมานัดก่อน” เขาตำหนิออกมาตรงๆ ถึงหญิงสาวจะเคยสนิทกับเขา แต่เขามักจะกางเส้นใยบางๆ ขวางไว้เสมอ
เขาไม่เคยให้ความสำคัญกับผู้หญิงที่มีอะไรด้วยมากไปกว่าคำว่าคู่นอน
“อรมีธุระด่วนค่ะ อ่า รีบมาเลยไม่ได้โทรมาบอกล่วงหน้า ขอโทษนะคะ” ยามเมื่อรู้ว่าชายหนุ่มเริ่มไม่พอใจเธอก็จะใช้คำว่าขอโทษมาพูด เพื่อให้เขาใจอ่อน และก็เป็นไปอย่างที่หญิงสาวคิด สีหน้าไม่พอใจของเขาจางลง
“มีอะไรจะให้ผมช่วยอีกเหรอ”
“แหมคุณฟ้าเนี่ย ช่างรู้ใจอรเสียจริง”
“พูดมาเถอะ อยากได้เงินจากผมเท่าไรก็บอกมา อย่ามัวอ้อมค้อมเสียเวลาทำงานของผม”
“อ่า” อรวีหน้าร้อนผ่าว คำพูดเขาเหมือนตบหน้าเธอชัดๆ กล้ำกลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงคอ “อรมาขอยืมเงินค่ะ อรอยากทำร้านสปาแต่ยังขาดเงินทุน หรือคุณจะมาร่วมเป็นหุ้นส่วนกับอรก็ได้นะคะ”
ผ่านฟ้าหยุดคิดถึงผลได้ผลเสียกับข้อเสนอของหญิงสาว สมองอันชาญฉลาดของเขาดีดลูกคิดเพียงครึ่งนาทีก็ส่ายหน้าไปมา
“ผมไม่ตกลง”
คำตอบสั้นๆ ของเขาทำให้คนที่ยืนยิ้มรอด้วยความหวังหุบยิ้มฉับ “ทำไมหรือคะ หรือคุณกลัวว่ากิจการจะไม่รุ่ง”
“ไม่ได้กลัว แต่ผมไม่ชอบลงทุนร่วมกับใคร เอาเป็นว่าผมจะช่วยในส่วนหนึ่งของการลงทุน ย้ำว่าแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น “
“แต่”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น คุณรับไปเท่าที่ผมให้ได้เถอะ จะได้ไม่ต้องมาลำบากใจกันทั้งสองฝ่าย เงินก้อนนี้คุณได้ผลกำไรเมื่อไรค่อยเอามาคืนผม”
